ชง5ยุทธศาสตร์ปรับโครงสร้างส่งออก

ชง5ยุทธศาสตร์ปรับโครงสร้างส่งออก

"สรท." เล็งเสนอ 5 ยุทธศาสตร์ ปรับโครงสร้างส่งออกให้ คสช.พิจารณา ระบุ ส่งออกไทยตกอยู่ในภาวะล้าหลัง เหตุศักยภาพคู่แข่งดีกว่า

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สรท.เตรียมเสนอ 5 แนวทางปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ และการส่งออก ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณา โดยเห็นว่ารูปแบบการบริหารบ้านเมืองของ คสช.สามารถดำเนินการในเรื่องต่างๆ และวางโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ รวมถึงแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็ว

โดย 5 แนวทางปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและการส่งออก ได้แก่ 1.ปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของประเทศให้ทำงานได้อย่างบูรณาการ เช่น รูปแบบของ METI (Ministry of Economic, Trade and Industry) ของประเทศญี่ปุ่น ที่ดำเนินกิจกรรมและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้เป็นระบบภายในหน่วยงานเดียว 2.ปรับปรุงกฎหมาย และแก้ปัญหากฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจปัจจุบัน ที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ศุลกากร โลจิสติกส์ การชำระเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น ภายใต้การดำเนินงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

3.ให้ความสำคัญและจัดทำแผนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนด้านงบประมาณและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน 4.จัดตั้ง National Desing Center รองรับความต้องการผู้ประกอบการในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ ตามทิศทางตลาดและกระแสผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่สามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจ 5.วางรากฐานการพัฒนาบุคลากร ทั้งส่วนของภาคอุตสาหกรรมและระบบการศึกษาของไทยขึ้นมาใหม่เน้นการปฏิบัติ ทำให้บุคคลมีทักษะวิเคราะห์ สังเคราะห์ ควบคู่ไปกับทักษะการสื่อสาร

ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการใดๆ ในอนาคตจะทำให้ไทยไม่สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ ซึ่งต้องมีการปฏิรูปการค้า หากไม่ทำจะส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า โดยสภาผู้ส่งออกฯ มั่นใจในทีมเศรษฐกิจที่เข้ามาดูแลขณะนี้ เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ

"ตอนนี้การส่งออกของไทยกำลังอยู่ในภาวะล้าหลัง เนื่องจากที่ผ่านมาๆ ไม่ได้พัฒนาจริงจัง ขณะที่คู่แข่งมีการพัฒนาจึงเท่ากับว่าไทยกำลังล้าหลัง" นายนพพร กล่าว

สรท.คาดว่าการขยายตัวของการส่งออกไทยปีนี้จะโตเพียง 3% ซึ่งต่ำกว่าที่กระทรวงพาณิชย์คาดไว้ที่ 3.5% สิ่งสำคัญที่ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งดำเนินการ คือ สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศคู่ค้าว่าส่งออกไม่ได้รับผลกระทบจากการเมือง และเร่งผลักดันส่งออกในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันควรขยายส่งออกในตลาดหลักเช่น สหรัฐ และยุโรป ซึ่งเศรษฐกิจมีสัญญาณดีขึ้น เนื่องจากการขยายการส่งออกไปสู่ตลาดใหม่ทำได้ยากในช่วงนี้

นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ที่ปรึกษาสรท. กล่าวว่า สรท.พร้อมให้ความร่วมมือ คสช.ให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ขณะที่การส่งออกปีนี้ ตามคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3% นั้น จากนี้ไปไทยต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องอาศัยความพยายามอย่างสูงเพราะที่ผ่านมา ไทยส่งออกได้เฉลี่ยเพียงเดือนละ 1.8 หมื่นล้านบาท ทำให้ไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าจะส่งออกขยายตัวได้ 1-2% จากสถานการณ์การเมืองที่เริ่มนิ่งและเศรษฐกิจตลาดสำคัญยังขยายตัวดี