ลุยฟ้อง'เชฟโรเลต'เรียก7ล.

ลุยฟ้อง'เชฟโรเลต'เรียก7ล.

ผู้บริโภคลุยฟ้องคดี"เชฟโรเลต"เรียกค่าเสียหาย7ล้านบาท

ผู้บริโภคลุยฟ้องคดีเชฟโรเลตเรียกค่าเสียหาย7ล้านบาท

หลังผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากความชำรุดบกพร่องของรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นครูซ จำนวน 26 ราย ได้ร้องเรียนกันมานานกว่า 1ปีในที่สุดกลุ่มผู้เสียหาย7ราย ก็ตัดสินใจยื่นฟ้องบริษัท เชฟโรเลตฯ ณ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เนื่องจากทั้งหมดต่างประสบปัญหามาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ซื้อรถจนถึงปัจจุบันก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้

โดยเฉพาะเมื่อได้ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)หลังเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนได้ข้อสรุปว่า ผลการทดสอบว่า พบปัญหาในรถทุกคันที่ทดสอบ โดยพบปัญหาเกี่ยวกับระบบส่งกำลัง ได้แก่ เกียร์เปลี่ยนขึ้น-ลงกระตุก เกียร์ไม่ Kick-down เกียร์เปลี่ยนขึ้นๆ ลงๆ เกียร์กระตุกในสภาวะรถติดเคลื่อนตัวช้า เป็นต้น

ทั้งนี้ รถคันที่มีการรายงานอาการซ้ำๆ มากที่สุดคือ 38 ครั้ง พร้อมยืนยันว่าผลการทดสอบของคณะทำงานสืบค้นฯ ถือเป็นที่สุด และขอให้บริษัทฯ เยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้บริโภคแต่การเยียวยาความเสียหายตามหลักเกณฑ์ของสคบ. กลับให้หักค่าเสื่อมราคารถยนต์สูงถึง 40%

ซึ่งไม่แตกต่างจากการขายรถมือสองที่เต็นท์ เพราะการที่ตัดสินใจจ่ายเงินซื้อรถใหม่มาขับก็หวังจะได้รถยนต์ที่มีคุณภาพ มีสมรรถนะและมีความปลอดภัย มีอายุการใช้รถยนต์ทั่วไปโดยไม่มีปัญหา แต่กลับกลายเป็นว่าซื้อรถมาเพื่อซ่อม และต้องกังวลว่าจะเกิดอาการขัดข้องในระหว่างขับขี่จนอาจนำไปสู่อุบัติเหตุ ผู้ฟ้องคดีทั้ง7รายจึงตัดสินใจนำคดีสู่ศาลยุติธรรมเพื่อปกป้องสิทธิของและเชื่อมั่นว่าจะได้รับความยุติธรรม

สำหรับการฟ้องร้องในครั้งนี้ขอให้มีคำสั่งดังนี้ 1) ขอให้รับผิดชอบคืนเงินดาวน์และค่างวดเช่าซื้อที่ชำระไปแล้วทั้งหมดซึ่งคาดว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 7 ล้านบาท 2) ขอให้บริษัทฯ รับผิดชอบค่าใช้สอยรถยนต์ต่อผู้ให้เช่าซื้อเต็มจำนวนแทนผู้บริโภค เนื่องจากสาเหตุที่ต้องบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและเรียกเงินคืนนั้นเพราะสินค้าชำรุดบกพร่องจากการผลิต ไม่ใช่จากการใช้งานปกติของผู้บริโภค 3) ขอให้ศาลห้ามบริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์รุ่นพิพาท และให้เรียกเก็บสินค้าดังกล่าวจนกว่าจะได้เปลี่ยนแปลงให้มีความปลอดภัย แต่หากแก้ไขไม่ได้ ให้ห้ามผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่าย 4) ขอเรียกค่าเสียหายต่อจิตใจที่ต้องหวาดกลัว วิตกกังวล ตลอดเวลาในการใช้รถยนต์พิพาท

นอกจากนี้ กลุ่มผู้บริโภคต้องการให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างในเรื่องการใช้สิทธิของผู้บริโภคเพื่อพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทยต่อไป จะมีการยื่นข้อเสนอในการปรับปรุงมาตรการเยียวยาจากความชำรุดบกพร่องในเรื่องการหักค่าเสื่อมราคา เพื่อการไกล่เกลี่ยที่เป็นธรรมกับผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ต่อคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน

และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคอีกอีกทางหนึ่งผู้เสียหาย 7 รายนี้ เป็นกรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวน 25 ราย เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา กรณีซื้อรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นครูซ และรุ่นแคปติวา แล้วเดือดร้อนเสียหายจากความชำรุดบกพร่องของสินค้า ซึ่งบริษัทฯ เสนอขอแก้ไขปัญหาและเจรจากับผู้ร้อง แต่ไม่สามารถจัดการปัญหาได้ทั้งหมด ยังผลไปสู่การทดสอบรถยนต์ที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต จ.เพชรบุรี ในเดือนตุลาคม 2556 โดยคณะทำงานสืบค้นข้อเท็จจริงซึ่งแต่งตั้งโดยสคบ. มีผู้เสียหายที่สมัครใจนำรถยนต์เข้าทดสอบในครั้งนั้นทั้งหมด 12 คันและทุกคันเป็นรถยนต์รุ่น เชฟโรเลต ครูซ ที่ผลิตในปี 2011-2012 จนกระทั่งได้มีผลการทดสอบดังกล่าว

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค บอกว่า สำหรับปัญหาโดยรวมสรุปได้ออกเป็น 3 ด้านคือ 1.ปัญหาด้านความปลอดภัย โดยพบว่า รถคันเร่งค้าง เครื่องเร่งเองโดยไม่ได้เหยียบคันเร่ง ทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าเอง ในขณะจอดติดเครื่องยนต์ความเร็วรอบเครื่องเพิ่มขึ้นเองมากถึง 5,000 รอบต่อนาทีโดยอัตโนมัติ จนไม่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ นอกจากนี้ ยังพบว่า เกียร์อัตโนมัติทำงานผิดปกติ เช่น มีอาการกระตุกรุนแรงในขณะเปลี่ยนเกียร์ มีการเปลี่ยนจากเกียร์สูงลงเป็นเกียร์ 1 เองโดยที่รถยังวิ่งด้วยความเร็วสูง และระบบเกียร์ล็อกลำดับเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยน โดยล็อกอยู่ที่เกียร์เดิมตลอดเวลา เป็นต้น 2.ปัญหาสร้างความเดือดร้อนรำคาญ เช่น แอร์มีเสียงดังเมื่อเปิดใช้งาน เบรกมีเสียงดังเมื่อถอยรถ เป็นต้น และ 3.ปัญหาศูนย์บริการ และ Call Center 1734 ของบริษัท เชฟโรเลต ทั้งนี้ ขอให้ สคบ.รับเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา โดยเฉพาะเรื่องระบบเกียร์เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเกี่ยวข้องในเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค

นายณธกร แก้วชิน ผู้เสียหาย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดบ่อยที่สุดคือ เกียร์กระชาก ขณะกำลังขึ้นเขาแซงรถพ่วงได้ครึ่งคัน แต่เกียร์ค้างไม่เปลี่ยน ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาค่ำ ต้องเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อประคองรถเข้าข้างทาง ตรงนี้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ที่ผ่านมามีการซ่อมมาแล้วหลายครั้ง จนต้องส่งมาซ่อมที่ศูนย์สำนักงานใหญ่ ตนต้องเดินทางจากอุดรธานีเพื่อมาดูรถยนต์ที่กรุงเทพฯ ตลอด ต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย วันนี้ต้องการให้บริษัทรับซื้อรถคืน

ขณะที่น.ส.มยุรี มั่นใจ ผู้เสียหาย กล่าวว่าจำเป็นต้องขับรถจากนครปฐมเพื่อมาทำงานที่นนทบุรี อาการที่พบคือ เกียร์เร่งไม่ขึ้น กระตุกอย่างแรง หากเครื่องร้อนมากก็ยิ่งเกิดปัญหา ทำให้ขึ้นเนินสะพานไม่ได้ รถถอยหลังเกือบถูกรถที่ตามมาชน ซึ่งบริษัทได้ทำการตรวจสอบให้หลายครั้งแล้ว แต่บอกเพียงว่ารถปกติดี ตนซื้อรถใหม่ก็หวังว่าจะไม่ต้องซ่อม แต่ปัจจุบันซ่อมแล้วซ่อมอีก เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย จึงหวังว่าหน่วยงานรัฐจะช่วยตรวจสอบช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและมีมาตรการที่จะให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายมากกว่าการซ่อม