การเดินทางของรอยยิ้ม

การเดินทางของรอยยิ้ม

นักเขียนการ์ตูนไทยที่สร้างสรรค์ผลงานต่อเนื่อง ต้องมีชื่อของ 'ต่าย ขายหัวเราะ' อยู่ด้วยเป็นแน่ แต่อะไรที่พาให้เขามาไกลได้ขนาดนี้

หากพูดถึงนักเขียนการ์ตูนไทยที่สร้างสรรค์ผลงานดี ต่อเนื่อง คงต้องมีชื่อของ 'ต่าย ขายหัวเราะ' อยู่ด้วยเป็นแน่ แต่อะไรที่พาให้เขามาไกลได้ขนาดนี้ และไม่มีทีท่าว่าจะถึงขาลงของเขาเลย...

ในประเทศญี่ปุ่น นักเขียนการ์ตูนชื่อดังมักเก็บตัวและไม่เปิดเผยตัวตนมากนัก ด้วยเหตุผลเท่ๆ ประมาณว่า ต้องลึกลับ หาตัวยาก แต่สำหรับนักเขียนหนุ่มใหญ่ชาวไทยนามว่า ภักดี แสนทวีสุข หรือ 'ต่าย ขายหัวเราะ' ถึงแม้จะไม่ใช่นักเขียนการ์ตูนแดนอาทิตย์อุทัย แต่เขาก็ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ใช่เพราะเหตุผลเท่ๆ ประการใด แต่เขานี่ล่ะคือหนุ่มขี้อาย ผู้รักสงบ และไม่สันทัดที่จะพบปะผู้คน

ดังนั้น การได้นั่งพูดคุยกับนักเขียนการ์ตูนผู้โด่งดังจากผลงานการ์ตูนตลก, น่ารัก, ไร้พิษภัยอย่างปังปอนด์, ขายหัวเราะ และมหาสนุกคนนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่แฟนกายใจจะได้รู้จักนักเขียนในตำนานคนหนึ่งของไทย มากกว่าแค่ลายเส้นและมุขสุดฮาของเขาที่ผ่านสายตานักอ่านชาวไทยมานานกว่า 30 ปี

เหมือนจะยิ่งตอกย้ำความสำเร็จของต่ายให้กึกก้อง...เพราะเมื่อไม่นานนี้แอพพลิเคชั่น Line ก็สั่นสะเทือนด้วยน้ำมือของเขา ด้วยยอดดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์สุดฮาลายเส้นคุ้นตา ทั้งตัวละครปังปอนด์, นินจา, พ่อต่าย, แม่กุ้ง, และบก.วิติ๊ด ที่เพียงห้าวันหลังจากปล่อยให้ดาวน์โหลดก็พุ่งทะลุหลักแสน ทำให้กระดานแชทของใครหลายคนมีสีสันขึ้นเป็นกอง

0ได้โจทย์ให้ทำสติ๊กเกอร์ไลน์ ทำอย่างไรต่อ?

"เราก็ตีจากโจทย์ เหมือนคิดไอเดียการ์ตูนธรรมดา ยิ่งมีโจทย์ก็ง่ายขึ้น เหมือนกับเราทำแบบฝึกหัดสมัยเรียน คือเราไม่ต้องหวังว่ามันจะอะไร เราคิดเหมือนคิดการ์ตูน ให้มันเดินไปเรื่อยๆ จากจุดนั้นไปจุดนั้น คือมันมีเรื่องราวที่จะสื่อกับคนอยู่แล้ว จะตลกหรือไม่ตลกอีกเรื่องหนึ่ง ให้เขารู้เรื่องก่อนเป็นอันโอเค แต่ส่วนใหญ่ด้วยอารมณ์ที่เราเขียนมันจะชวนให้ยิ้มๆ อยู่แล้ว ตลกมากก็โอเค ไม่ตลกมากอย่างน้อยก็ยิ้มๆ ก็โอเค ส่วนใหญ่ก็เน้นอารมณ์"

0ใช้เวลานานไหม?

"ส่วนใหญ่เราจะทำงานไม่นาน คิดแล้วทำเลย ไม่ต้องดราม่าคิดเรื่องอื่นเลย คือทำงานมา 30 ปี รู้นิสัยตัวเอง"

0เริ่มเขียนการ์ตูนตั้งแต่เมื่อไร?

"ก็ทำตั้งแต่เรียน เรียนตอนปวช. ปี 2 นี่ก็เริ่มแล้ว คือตัวเองชอบงานของอาจุ๋มจิ๋มมาก (จำนูญ เล็กสมทิศ) แล้วก็ดูแล้วก็ฝึกๆ แต่ด้วยความขี้อาย ไม่กล้าถามใคร ไม่อยากให้ใครมาสอน กลัวโดนด่า ก็เลยฝึก ชอบขีดเขียนอย่างเดียว ก็ยึดอาจุ๋มจิ๋มเป็นต้นแบบสำหรับการ์ตูนนะ ใช้วิธีเรียนรู้ ดัดแปลงบ้าง ลอกแบบบ้าง ดัดแปลงมาเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้จะเขียนมาเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจอะไร มาติดใจงานอาจุ๋มจิ๋มนี่แหละ เราก็คิดว่ามันเป็นอาชีพได้ เราสามารถฝึกให้มันเป็นอาชีพได้ ก็เลยมีความฝันว่าอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน ตั้งแต่ตอนมศ.1"

0คือไม่ได้เรียนโดยตรงใช่ไหม?

"ไม่ได้เรียนโดยตรง ชอบอ่านอยู่แล้ว ชอบเขียนอยู่แล้ว คืออาจุ๋มจิ๋มเป็นตัวจุดประกาย ดูแกเป็นต้นแบบ ความคิดในหัวคือไม่คิดจะเรียนเกี่ยวกับศิลปะ เอาการ์ตูนอย่างเดียว ส่วนเรื่องการเรียนอะไรก็พาณิชย์อะไรก็ได้ อาจารย์ที่สอนศิลปะตอน มศ.3 เขาก็สนับสนุนให้ไป จะให้เข้าช่างศิลป์สมัยก่อน เขาก็จะให้ไปเรียนพิเศษ ตัวเองก็ไม่อยากเรียน หนีจนจะสอบอยู่แล้ว อาจารย์จึงมาลากไป บอกไปเรียนได้แล้ว ไปได้สองวันเท่านั้นเอง แต่ปรากฏว่าก็สอบไม่ติด ตัวเองก็ไปเรียนพาณิชย์แทน ปรากฏโดนอาจารย์ด่า เขามองว่าเรามีแวว เราก็น่าจะพัฒนาอะไรได้แต่ว่าเราอยากจะเน้นการ์ตูนอย่างเดียว แล้วพวกพาณิชย์ก็เอามาเสริม มันคือต้นหลัก เริ่มเขียนส่งตั้งแต่ มศ.3 เพราะตอนนั้นอยากหาเงินด้วย เล่มละบาท ปรากฏว่า โห! เล่มละบาทยากมาก ตอนเด็กๆ เปิดอ่าน เขียนง่ายสบาย แค่นี้เคยเขียนแล้วงานโรงเรียนอะไรเยอะแยะ พอไปส่งจริงๆ โอ๊ย! เหมือนเด็ก เราก็แป้วเลย เขาให้ดูต้นฉบับ พอมาเป็นต้นฉบับจริงๆ เห็นครั้งแรกในชีวิต โห! มันสวย ลายเส้นเขาแบบเนียบขนาดเป็นเล่มละบาทนะ แต่พอพิมพ์ออกมาแล้วเราก็สงสัย ทำไมมันไม่สวยเหมือนต้นฉบับเลย"

0ตอนเราเขียน มองเอง เหมือนจะดีแล้ว?

"ตอนนั้นเด็กๆ ไง แต่พอมาเห็นของจริง เราก็ดร็อปไปเลยเหมือนกัน แต่ว่าด้วยความที่มุ่งมั่นอยู่ก็ดร็อปไปแป็บเดียวก็มุมานะเขียนอย่างเดียวเลย"

0งานของ 'ต่าย ขายหัวเราะ' มีลายเส้นเป็นของตัวเอง เกิดขึ้นได้อย่างไร?

"เราต้องเขียนซ้ำๆ แล้วค่อยดัดแปลงไปเรื่อยๆ ใช้วันต่อวัน อาจจะไม่ได้โฟกัสลงไปทีเดียว แต่ว่าเราทำงานทุกวัน งานมันก็จะเปลี่ยนไปทุกวัน แล้วเราก็ค่อยๆ หา ดีกว่าเราไปเพ่งว่าจะเอาตรงนี้ บางทีมันไปไม่ถึง เราลองผิดลองถูก"

0ตอนแรกก็วาดคล้ายๆ อาจุ๋มจิ๋ม?

"เหมือนนักเขียนสมัยนั้นทั่วไป จะมีลายเส้นของตัวเองระดับหนึ่ง แล้วจะมีงานของอาจุ๋มจิ๋ม อาจุ๋มจิ๋มนี่โดนลอกเยอะที่สุด อาวัตต์ (วัฒนา เพ็ชรสุวรรณ) โดนลอกเยอะเหมือนกัน เราก็คือหนึ่งในนั้น แต่เราก็เห็นเขาเป็นครูเรา ไม่เอางานครู เราก็อยากให้มันแตกต่างออกไป นั่นคือจุดเริ่มต้นว่าเราอยากจะทำงานให้มันแตกต่างหรือฉีกออกมา"

0การ์ตูนของ 'ต่าย ขายหัวเราะ' จะมีมุขซึ่งทุกคนเข้าใจถ้าติดตามข่าว?

"ปกติเหมือนผู้คนทั่วไป เรานำส่วนพวกนั้นมาใส่ในงาน ด้วยความที่ว่างานตลกสมัยก่อนมันลอกกันไปลอกกันมา ซึ่งลอกกันไปลอกกันมาไม่เป็นไร แต่ถ้าว่าฉีกออกไปได้มันก็จะเป็นตัวของตัวเอง เราอ่านงานของอาจุ๋มจิ๋มก็ไม่ใช่ตลกทั้งหมด คือมันอยู่ได้ แต่เราอยากฉีกออกไปอีกนิดหนึ่งว่าเหมือนให้งานมันมีคุณค่าในตัวเอง บอกเล่า ที่จริงเรื่องบอกเล่าเรื่องราวในสังคม อาวัตต์ อาจุ๋มจิ๋ม รุ่นก่อนเขาเขียนกันอยู่แล้ว ปีใหม่ สงกรานต์ ตรุษจีน เราก็มาแยกย่อย ปีใหม่ สงกรานต์ ตรุษจีน เรื่องราวในสังคม วิธีที่จะเข้าถึงเรื่องราวในสังคมก็ข่าวต่างๆ ง่ายที่สุด โดยที่เราไม่ต้องออกไปเจอด้วยตัวเอง เปิดข่าวหน้าหนึ่งไม่รู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมดเลย ถ้าเราตั้งสมาธิดีๆ คือนำมาเขียนได้ทั้งหมด"

0เล่าถึงการทำงาน?

"เวลาทำงานเราต้องนิ่งๆ เลยนะ ไม่ต้องคิดอย่างอื่นเลย ต้องไม่เครียด น้องที่คอยตาม (ทวง) งาน จะรู้ดีว่าเวลาผมเขียนเรื่องสั้น (ปังปอนด์และเรื่องสั้นอื่นๆ) ต้องใช้พลังเยอะ เยอะกว่าเขียนการ์ตูนตลก เพราะว่าการ์ตูนตลกช่องเดียวจบ แต่อันนี้ช่องเดียวไม่จบ หน้าหนึ่งก็ยังไม่จบ ต้องไปอีกยี่สิบหน้า... แล้วเราชอบคิดเยอะ แล้วจับความคิดยากมาก ตัวเองก็จะจับยาก บางทีแพลนเรื่องไปอย่างหนึ่ง แต่พอเขียนไปกลางๆ อาจจะฉีกไปไหนก็ไม่รู้ วิธีก็คือ เรื่องของปังปอนด์ เราจะแพลนเรื่อง จะจบอย่างไรก็ได้ แต่ว่ามันจะไปอย่างไรก็ได้เหมือนกัน เราก็ไม่ได้ไปจำกัดมัน ขอให้เรื่องมันสนุก คือคนอ่านดูรู้เรื่อง พาเขาไปจนถึงจุด คือเรื่องอาจจะตั้งไว้จุดหนึ่ง อาจจะไปถึงจุดหนึ่งที่มันดีกว่าก็ได้"

0ปกติเป็นคนเครียด?

"เครียด แต่ไม่ได้ซีเรียสมากนะ พอเราอยู่กับงานมันจะเป็นตัวเรา เราต้องรู้อยู่แล้วทำงานนี้มันเครียด เรารู้วิธีผ่อนคลายมัน"

0ในหนึ่งวันนอกจากทำงานแล้ว ทำอะไรบ้าง ผ่อนคลายอย่างไร?

"เดินไปเดินมา ส่วนใหญ่จะชอบเดิน ไปห้าง นั่งเล่น ถ้าเที่ยวไปเป็นหมู่คณะนี้ไม่ค่อยชอบ แต่ว่าจะโดนดึงไปแล้วแต่เขาจะดึงไป แต่ถ้าเที่ยวคนเดียวชอบ แต่ว่าไม่มีโอกาสแล้ว ก็เลยเน้นเดินในห้างบ้าง ตามสวน ตามวัด เบื่อๆ บ้าง เดินดูตัวเอง ว่าอารมณ์ตัวเองเป็นอย่างไร พอเห็นนิสัยหรืออารมณ์ของตัวเองเราก็ว่าเราผ่อนคลาย ก็ปล่อยไปกับการเดินบ้าง การคิดบ้าง"

0นี่เป็นงานอดิเรก?

"เป็นชีวิตจริง ไม่ใช่งานอดิเรกเลย รู้สึกว่าทำงานแทบจะไม่ได้ใช้พลังอะไรมากมาย มันเหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่เราชอบ เราทำอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าแค่นี้เหรอ เราทำงานแล้วเหรอ แต่เล่มเกมส์ยุคนี้ไม่ไหวแล้วตาเริ่มไปแล้ว คือความเคลื่อนไหวในหน้าจอกับตาเราตอนนี้ไม่ได้แล้ว อาจจะเล่นแป็บเดียวต้องนอน ทำงานได้ตั้งเยอะแยะ"

0ชอบเดิน นอกจากจะดูความรู้สึก อารมณ์ตัวเอง เหมือนได้หาแรงบันดาลใจด้วย?

"มันเป็นผลพลอยได้มากกว่า เพราะว่าหาทุกวันอยู่แล้ว อยู่ตรงไหนก็หา บนรถเมล์ก็หา คือมองไปอย่างนั้น แต่ถ้าตั้งใจจะหา ไม่บ่อยครั้ง เราต้องไม่พุ่งสมัยนี้นะ ถ้าสมัยก่อนอาจจะพุ่ง มุ่งไปแค่คิดว่าจะเอา จะเอา เพราะตอนนั้นยังหนุ่ม ตอนนี้แก่แล้ว ใช้อารมณ์แบบหนุ่มๆ ไม่ไหวแล้ว เราก็ต้องค่อยๆ ผ่อนคลาย วิธีไม่ได้บริหารการทำงานนะ บริหารอารมณ์ตัวเองมากกว่า ยิ่งเรื่องสั้นต้องนิ่งเลย คิดไม่ต้องคิดมากเลย เรื่องคิดมากข้อมูลต่างๆ เราเสพมันอยู่แล้ว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ พวกนี้ปกติชีวิตประจำวัน พอเรานิ่งมากๆ แล้วเราโฟกัสไปที่งาน เริ่มต้นจากจุดๆ เดียว คือที่เราสะสมทั้งหมดมันจะไหลเข้ามาให้เราเลือก ว่าเราจะเดินไปทางไหน พาตัวละครเดินไปทางไหน"

0วัตถุดิบที่นำมาใช้ คือข้อมูล ข่าวสาร แต่เดี๋ยวนี้ข่าวสารเยอะมาก เวลาดึงมาใช้ลำบากไหม?

"ก็ลำบาก เราใช้วิธีต้องเรียนรู้เอา เรียนรู้นี่หมายความว่า เรียนรู้มาตั้งแต่ต้นเลย เรื่องความขัดแย้งพวกนี้ถ้าย้อนไปมันก็ไกลมาก มีทั้งรุ่นไกล เก่า กลาง ใหม่ เราก็ต้องเลือกให้ดีว่าเราเขียนอะไร เราทำอะไร แล้วก็เสนออะไร ช่วงที่เราเอาข้อมูลมาเขียนบางทีอาจจะถูกใจอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ไม่ถูกใจอีกฝ่ายหนึ่ง เราก็ต้องยอมรับ เพราะว่ามันไม่ใช่ข่าวที่จะลงรายละเอียด มันเป็นเรื่องที่ดึงออกมาในแต่ละช่วง ถ้าโดนว่าก็ไม่เป็นไร"

0เคยมีแบบกระแสแรงๆ ?

"กระแสแรงๆ ไม่มี มีแต่นิดๆ หน่อยๆ ประมาณว่า เขียนแบบนี้เป็นพวกนั้นหรือเปล่า ก็ไม่เป็นไร ถ้าเขาดูดีๆ งานพอผ่านมามีเรื่องอันนี้เกิดขึ้น เราก็จะเขียนเรื่องหนึ่ง ของอีกฝ่ายหนึ่ง ดูเป็นเหตุการณ์ เรารู้อยู่แล้วว่าเขียนเรื่องแบบนี้มันอาจจะโดนแบบนี้บ้าง เราก็ต้องทำใจ ก็อย่างที่ว่าเดินแล้วดูอารมณ์ตัวเอง บางทีเขียนเรื่องนี้แล้วมันทำให้เรามีสิ่งตอบกลับมาไม่ดี อาจจะน้อยมาก แต่ว่ามันก็มากพอสำหรับเรา เป็นคนนอยด์มาก ถึงว่ามันต้องอยู่กับมัน เราก็ต้องปรับตัวเองให้ได้ว่า เราทำอะไรอยู่ เราเขียนเรื่องที่มันทันเหตุการณ์ก็มีบ้าง พอเขียนไปตรงกับเขา ชอบใจฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งด่า เขาก็ต้องดูต่อไปอีกว่าเราเขียนอะไร เพราะเราเขียนตามสถานการณ์ ตามเหตุการณ์ และเป็นการเขียนที่ไม่ละเอียด ไม่ได้ดึงรายละเอียดออกมาเหมือนข่าว เป็นเหมือนจุดเทียน บางทีคอนเซ็ปต์จะถูกจะผิดไม่รู้ แต่มันเกิดขึ้นแล้วในสังคม นกหวีดจะผิดจะถูกก็ว่ากันเรื่องเรื่องหนึ่ง แล้วเรามีเหตุการณ์ในเรื่องราวขายหัวเราะที่เราเขียนประจำอยู่แล้ว เอามาผนวกกัน ถ้าฮาก็ฮา ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เพราะมันแค่เบาๆ อย่างดีก็โดนคอมเม้นท์นิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้แรงมากมาย แต่ถ้าดูกันจริงๆ ก็เขียนหมด

มันมีช่วงหนึ่งที่ช่วงพันธมิตร พันธมิตรมาแรกๆ โอ๊ย จะเขียนอย่างไรดี คือเราก็ไม่อยากให้หลุดคอนเซ็ปต์เรา แต่มันก็ต้องหยิบเหตุการณ์มาเขียน เหมือนกับจะไปว่าเขาหรือเปล่า คือเราต้องปรับตัวเราเองด้วย เราก็ต้องระวังว่าเขาจะเข้าใจผิดหรือเปล่า แต่ผลคือพอมันไปถึงบทสรุปจุดหนึ่ง งานเรามันก็คลี่คลาย ความขัดแย้งอาจยังไม่หายแต่ว่ามันเป็นบทสรุปของเราแล้ว ถึงตอนนี้จะมีนกหวีดมันก็แค่สัญลักษณ์เปลี่ยนไป"

0เคยคิดถึงขั้นว่างานเราจะไปช่วยให้ผ่อนคลายได้ไหม?

"ไม่กล้าๆ ถึงแม้จะคิดในภาษาที่เป็นคนทำงานก็ตาม แต่ว่าเราก็ต้องตัดออกไป เหมือนกับว่าเราดูเหตุการณ์ของสังคมเราเล่นกับเรื่องพวกนี้ได้ แต่เล่นกับอารมณ์ของคนไม่ได้เลย หาวิธีเขียน วิธีจะเล่าเรื่อง แล้วเราก็อยู่ในจุดของขายหัวเราะ ซึ่งมันไม่ได้แรงมาก ไม่ได้เหมือนการ์ตูนการเมืองทั่วไป แต่เราเพียงอยากนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคม ในมุมไม่ต้องบวก ในมุมจริงๆ ก็มาบิดให้มันดูน่ารัก ถ้าฮาก็โอเค ถ้าเครียดก็ต้องยอมรับ เพราะมันแป็บเดียว สมมติว่าโดนว่าโดนชมมันแป็บเดียว เพราะว่าเราก็ต้องเดินหน้าของเราต่อ เพราะเราไม่ได้อยู่ในจุดที่มันขัดแย้งจริงๆ"

0ไปหามุขจากไหนเยอะแยะ?

"ก็สื่ออย่างเดียวเลย แทบจะไม่ต้องเดินออกไปไหนเลย ที่ออกไปตามห้างเป็นผลพลอยได้ที่อยากออกไปอยู่แล้ว เป็นอารมณ์ติสส์ๆ หรือไม่ติสส์ก็ไม่รู้ นั่งอยู่บ้านก็ได้ ตั้งสติดีๆ แล้วก็เขียน บางทีนั่งดีๆ ได้มา 20-30 แก๊ก"

0ในฐานะเป็นนักเขียนการ์ตูนรุ่นใหญ่แล้ว มองนักเขียนการ์ตูนสมัยนี้อย่างไร?

"ดีกว่าแต่ก่อนนะ แต่ก่อนก็ดี แต่ไปโฟกัสเรื่องการ์ตูนตลกเยอะ ก็เลยมีลอกกันบ้าง ทั้งที่ฝีมือดีนะ คนที่มาลอกทั้งเรา อาจุ๋มจิ๋ม อาวัตต์ แต่มันเสียดายที่ว่ามันไม่ได้ฉีกไปไหน ทั้งที่มันมีอีกหลายช่องทางที่จะเติบโตของการ์ตูน สมัยนี้ก็ไปได้เยอะ เป็นการ์ตูนความรู้ การ์ตูนออกแนวจิตนาการหรือว่าจิตวิทยาก็ไปได้ โดยที่เราก็ยังเขียนของเราอยู่เหมือนเดิม เหมือนก๊วยเจ๋ง เอี้ยก้วย ก็มีพลังของเขา เอี้ยก้วยก็พัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นมา พลังฝ่ามืออะไรต่างๆ ก็ยังอยู่ มาสู้กันอาจจะแพ้ชนะก็เป็นเรื่องของการประลองฝีมืออะไรประมานนี้ เราก็มองว่าการ์ตูนมันเป็นฝีมือของแต่ละคน ถ้างานของเราพัฒนาได้ งานคนอื่นพัฒนาได้ มันก็มีเส้นทางของเขา"

0เด็กรุ่นใหม่เก่งขึ้นมาก ลำบากใจไหม?

"มันก็มีบ้าง คือเราก็ต้องพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่ว่าเราจะหยุดอยู่นิ่งๆ เพราะว่างานคนอื่นเขาก็ดี เราก็อยากให้คนอื่นมาดูงานเราบ้าง ซึ่งมันก็เป็นช่องทางที่ถูกแล้ว เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง เด็กๆ ก็เติบโตได้ด้วย"

0เคยรู้สึกว่างานเราขึ้นหิ้งแล้วหรือเปล่า?

"คิดอย่างนั้นได้แต่จะทำให้เราหยุดเลย มันก็ต้องมีภูมิใจ แต่ต้องรีบเอาออก เพราะว่ามันภูมิใจไปแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่เราต้องทำงานของเราแล้ว ก็นั่งภูมิใจแล้วฝันลอย เหมือนมาคุยอย่างนี้ ได้ออกสื่อ ภูมิใจเดินยิ้มไปแบบนี้ เดี๋ยวงานไม่ทำ"

0ช่วงแรกที่ทำงานเสียเวลากับอย่างอื่นเยอะ?

ไม่นะ ด้วยความที่ว่าช่วงแรกๆ เรามุ่งมั่น เราเป็นเด็ก เราอยากดัง เราอยากมีตังค์ คือไปโพกัสที่งาน คือปฏิสัมพันธ์กับสังคมคงจะน้อยหน่อย ขี้อาย แต่ถ้างานเราลุยเราเต็มที่ ถึงงานดีถึงเราจะขี้อาย หรือนิสัยติงต๊องอย่างไรเขาก็คงไม่มาสนใจหรอก เราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกับใคร แต่งานมันฉีก มันเหมือนกับงานมันหลากหลาย ให้งานเป็นตัวแทนของเรา ส่วนเราจะใช้ชีวิตอย่างไรอันนี้ก็แล้วแต่เราแล้ว คือมันมาถึงจุดที่ว่าตอนนี้เราใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้"

0มองตัวเองว่าเป็นคนอารมณ์ดีไหม?

"ไม่อารมณ์ดี เพราะเรารู้ว่าตัวเองอารมณ์ไม่ดีเราก็เลยปรับตัวเองได้ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนก็อย่างนี้ พออยู่คนเดียวจริงๆ ก็เศร้าไง เหงา ดราม่า อยู่กับผู้คนนี่ออกหมดเลย ได้ผ่อนคลายเกินไป เขาจะหาว่าเราบ้าหรือเปล่า กลัวจะรับไม่ได้ (นอยด์อีก)"

0เหนื่อยไหมที่ต้องออกสื่อแบบนี้?

"สำหรับเรานะ หรือคนอื่นชอบก็ไม่รู้ ปัญหาเราคือออกจากบ้าน ออกจากบ้านโดยมีเป้าหมาย ปกติทำงานที่บ้าน ที่ห้าง แต่พอเรียกมาแบบนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำงาน เริ่มเครียดแล้ว คนอื่นเข้ามาไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา"

ความขี้อายอาจเป็นอุปสรรคต่อการพบปะผู้คนใหม่ๆ แต่ความขี้อายจะไม่มีผลอะไรเลยหากยังมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง 'เขา' และ 'คนอ่าน'

...ปังปอนด์, นินจา, พ่อต่าย, แม่กุ้ง, เจ้าบิ๊ก, บก.วิติ๊ด ฯลฯ จึงยังโลดแล่นสร้างความสุขได้เสมอๆ