'แคปติวาลิมิเต็ดอีดิชั่น'เงียบสบายไว้ใจได้

และยังคงสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง

แคปติวา ช่วงเปิดตัวครั้งแรก ถือว่าสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับวงการไม่น้อย ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานบางตัวที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดนี้ มีเฉพาะรถระดับหรูหราเท่านั้น เช่น HDC หรือ ระบบช่วยลงเนิน ช่วยเหลือผู้ไม่เชี่ยวชาญในการขับรถลงเนิน ว่าจะเลือกเกียร์อย่างไร เลือกใช้เบรกช่วงไหน เพราะระบบจะจัดการให้เองทั้งหมด ผู้ขับมีหน้าที่แค่บังคับพวงมาลัยให้ตรงเส้นทางเท่านั้น

นอกจากนั้นก็ยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ควบคุมการลื่นไถล หรือว่า TCS ซึ่งระบบนี้ทำงานควบคู่กับระบบควบคุมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่คอยคุมการส่งแรงจากเครื่องยนต์ไปยังล้อต่างๆ ให้เหมาะสม ล้อไหนเริ่มไถล หรือหมุนฟรี ก็ตัดกำลังแล้วส่งไปให้ล้ออื่นที่พร้อมทำงานแทน

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว หรือ ESP ที่จะประเมินการเคลื่อนที่ของรถกับองศาการหมุนของพวงมาลัย หาก ทำงานไม่สัมพันธ์กันระบบจะสั่งให้เบรกในบางล้อที่ผิดปกติทำงาน พร้อมกับการลดกำลังเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ

รวมไปถึงระบบป้องกันการพลิกคว่ำระบบยกตัวอัตโนมัติ เพื่อให้รถขนานกับพื้น เมื่อบรรทุกสัมภาระ หรือว่าคนเข้าไปเต็มที่ ซึ่งจะทำให้การทรงตัวทำได้ดียิ่งขึ้น

แคปติวามีบทบาทในตลาดรถยนต์เมืองไทยเข้าสู่ปีที่ 7 ตลอดเวลาก็มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง มีคำชมบ้าง เสียงร้องเรียนบ้างก็ว่ากันไป

แต่ว่าตลอดระยะเวลาของการทำตลาด ก็มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดมาเป็นระยะๆ และล่าสุดก็ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่จบไปเมื่อวานนี้ กับรุ่นปี 2014

แต่ว่าก่อนหน้านี้ช่วงต้นปีเชฟโรเลตก็ผลิตรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นออกมา โดยจำกัดจำนวนการผลิตที่ 600 คัน

มีอะไรบ้างที่ใส่เข้าไปให้เป็นรุ่นพิเศษ

เริ่มกันที่ภายนอกกับตัวถังสีขาวเมทัลลิก (Metallic White) กรอบไฟท้ายเลนส์ใสซึ่งมีเฉพาะรุ่นลิมิเต็ด เท่านั้น รุ่นธรรมดาที่แม้จะเป็นรุ่นท็อปก็ไม่มี และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ช่วยให้รถดูดุดันขึ้น

ภายใน มีหน้าจอทัชสกรีน 7 นิ้ว ควบคุมการทำงานไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง อุณหภูมิ รวมไปถึงข้อมูลการเดินทาง

ภายในออกแบบค่อนข้างเรียบง่าย ดูดี และนั่งสบาย เบานั่งใหญ่ นุ่ม และปรับให้เข้ากับสรีระได้ไม่ยาก ส่วนเบาะนั่งแถว 3 ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้สำหรับผู้ใหญ่ นั่งได้ ระยะทางกลางๆ พอไหว ถ้าไกลๆ อาจจะต้องขอสลับที่กับที่นั่งอื่นบ้าง แต่ถ้าเป็นเด็ก ไม่มีปัญหา

จุดเด่นของเบาะแถว 3 คือ เมื่อพับแล้วมันแบนราบกับพื้น ช่วยให้เพิ่มและง่ายต่อการบรรทุกสัมภาระ

สิ่งที่เด่นอีกสิ่งหนึ่งเมื่อนั่งอยู่ภายในแคปติวาก็คือความเงียบภายในห้องโดยสารที่ทำได้อย่างโดดเด่น เก็บเสียงได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงของยางกับถนน เสียงลม หรือแม้แต่เสียงเครื่องยนต์ดีเซลก็ตาม

รุ่นพิเศษ มีเฉพาะเครื่องยนต์ ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์วคอมมอนเรล ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,750 รอบ/นาที ซึ่งเป็นแรงบิดที่สูง ทำงานที่รอบต่ำและกว้าง ช่วยให้มีความคล่องตัวได้มาก ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่มีการเปลี่ยนความเร็ว เบรก และออกตัวบ่อยครั้ง หรือการขับขี่ทางไกล ที่ต้องการกำลังเร่งแซง และช่วยให้การขับขี่ในเส้นทางขึ้นเขาลงห้วยคล่องตัวและสนุกมากขึ้น จากการสามารถออกจากโค้งได้เร็ว หรือปีนขึ้นเส้นทางชันๆ ได้อย่างทันอกทันใจ

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานได้ดี ลื่นไหล ไม่มีจังหวะสะดุด หรือกระตุก ส่วนระบบขับเคลื่อน รุ่นนี้ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าครับ

แคปติวาก็ยังคงเป็นรถที่เอสยูวี ที่น่าใช้ครับ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดในการใช้งาน ทั้งใช้ในชีวิตประจำวัน ไปทำงาน หรือ สำหรับเดินทางท่องเที่ยว เพราะนอกจากสมรรถนะที่เหลือๆ ของเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้แล้ว เรื่องของช่วงล่างก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่ง รถนิ่ง ทั้งทางตรง หรือทางโค้ง ขับแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย หรือเครียด บวกกับมุมมองที่ชัดเจนรอบทิศทาง กับความสูงที่มากกว่าเก๋ง ก็ช่วยให้ขับแบบรู้สึกสบายๆ เรียกว่าจะขับแบบเร่งรีบก็ไม่มีปัญหา หรือขับเอาเพลิน กินลมชมวิวไปเรื่อย ก็ทำได้ดี

การขับขี่ของผมเที่ยวนี้ก็มีทั้งในเมือง ทางด่วน หรือลองกดคันเร่งเต็มๆ แถวบางนาตราด หรือพระราม 2 และก็ยังมีเส้นทางเล็กๆ และออกนอกถนนบ้าง ไปกินลมชมวิว รวมถึงกินอาหารทะเลอร่อยๆ ราคามิตรภาพอีกด้วย ท่านใดสนใจก็เชิญนะครับ แถวๆ ศาลเจ้าพ่อมัจฉานุ โครกคราม สมุทรสาคร ไปไม่ยาก เข้าทางบางขุนเทียน ชายทะเล จนสุด ถึงทางตันเลี้ยวขวา ก็สังเกตป้ายจุดชมโลมา ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไป จากนั้นก็พึ่งพาปากสักหน่อยครับ ถามคนท้องถิ่นดู

กลับมาที่แคปติวา ลิมิเต็ด อีดิชั่น อย่างที่บอกกว่า เชฟโรเลตผลิตจำนวนจำกัด 600 คัน แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยอดไปเท่าไร ถ้าอยากขับรถค่าตัว 1.48 ล้านบาท คันนี้ ก็ลองสอบถามกับโชว์รูมดูเอาครับ