กลุ่ม'ต้าน-หนุน'ชุมนุมใหญ่

กลุ่ม'ต้าน-หนุน'ชุมนุมใหญ่

สถานการณ์การชุมนุมใน กทม.เริ่มตึงเครียดมากขึ้น กลุ่มต่อต้านรัฐบาลปักหลักชุมนุมใหญ่ นปช.ทยอยเดินทางเข้ากรุง ด้านรัฐบาลเปิดวอร์รูมจับตา

การชุมนุมของโฆษกกลุ่มต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมและระบอบทักษิณ ยังปักหลักชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทรวงการคลัง และศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ โดยมีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาสมทบอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ ได้มีการตั้งเวทีปราศรัยถาวร ที่บริเวณหน้าอาคารศูนย์ราชการ บี

กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เดินทางไปชุมนุมหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และมีการรวมตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุมในบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ชุมนุม

ในช่วงเที่ยงวานนี้ (29 พ.ย.) มีการเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุม 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเดินขบวนไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรี และอีกกลุ่มเดินไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกา ถนนวิทยุ โดยผู้ชุมนุมที่จะไปยังพรรคเพื่อไทยนั้น ได้มีการรวมตัวบริเวณหน้าตึกชาญอิสสระทาวเวอร์ 2

ผู้ชุมนุมหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย เรียกตัวเองว่ากลุ่มคนรักชาติ ถนนเพชรบุรี ต่อต้านระบอบทักษิณ ที่มาจากตึกชาญอิสสระ ได้เดินทางมาสมทบพร้อมรถขยายเสียง 2 คัน มาปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ทั้งนี้ แกนนำบนรถขยายเสียงยืนยันว่าจะไม่มีการทำผิดกฎหมาย โดยขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยืนเต็มพื้นที่ ถนนเพชรบุรี ขาเข้า และยาวไปถึงหน้าอาคารไทยซัมมิท ซึ่งอยู่ติดกับพรรคเพื่อไทย โดยมีพนักงานในตึกไทยซัมมิทจำนวนมากออกมาเป่านกหวีดให้กำลังใจผู้ชุมนุมด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศบนรถขยายเสียงเป็นระยะๆ ว่าขอชื่นชมผู้ชุมนุมที่แสดงออกอย่างสวยงามในระบอบประชาธิปไตยหากจะยื่นหนังสือหรือข้อเรียกร้องก็ให้แกนนำประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำหรับสถานการณ์ที่บริเวณถนนราชดำเนินนอก ปรากฏว่ากลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษากลุ่ม คปท. และ นายอุทัย ยอดมณี แกนนำกลุ่มคปท. พร้อมด้วยกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันผลักดันประตูของกองทัพบกจนพังลง โดยทหารกองรักษาการณ์ที่อยู่บริเวณประตูด้านหน้าหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับผู้ชุมนุม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากได้ทยอยเดินเท้าเข้ามาภายในกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมกับได้นำรถขยายเสียงเข้ามาปราศรัย เพื่อขอยื่นหนังสือเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และกองทัพประกาศจุดยืนต่อชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และเรียกร้องให้ยืนเคียงข้างประชาชน

เจ้าหน้าที่ทหาร ได้พูดคุยกับแกนนำคปท.และกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อขอให้เข้ามาชุมนุมด้วยความสงบ และให้อยู่เฉพาะภายในบริเวณสนามหน้าตึกกองบัญชาการ

ทั้งนี้ การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบไม่มีความวุ่นวาย จากนั้นในช่วงบ่ายผู้ชุมนุมเคลื่อนออกจากกองทัพบก โดยใช้เวลาในการทำกิจกรรมภายในกองทัพบกประมาณ 3 ชั่วโมง

รัฐบาลเปิดวอร์รูมติดตามสถานการณ์

รัฐบาลได้เปิดเป็นศูนย์กระจายข่าวสารหรือวอร์รูมของฝ่ายรัฐบาล โดยรัฐบาลและรัฐมนตรีแถลงข่าวทั้งวัน โดยพลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าสถานการณ์การยึดพื้นที่กองทัพบก และกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการพบผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และได้มีการยื่นหนังสือถึง ผบ.ทบ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ย้ำไม่ให้ใช้ความรุนแรง และให้รับหนังสือเพื่อนำไปดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้บุกรุกสถานที่ราชการหลายหน่วยงาน เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

"ยังไม่มีการใช้กำลังทหารเข้าปฏิบัติการเพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยเจ้าพนักงานหลักยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจ (ผบ.ตร.) ที่ดูแล ศอ.รส. และจะไม่มีการเคลื่อนย้ายทหารออกมา"

พลเอกนิพัทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่มีสถานการณ์การชุมนุมกองทัพได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอดว่าจะดำรงตนอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ จึงขอยืนยันว่าผู้บัญชาเหล่าทัพทุกกองทัพรวมถึงตนยังคงอยู่ในกรอบและปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่อยากเห็นพี่น้องทั้งหลายปฏิบัติตนผิดกฎหมายในขณะนี้

เมื่อถามว่าการรายงานสถานการณ์กับเหล่าทัพทางวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ขณะนี้ เหล่าทัพมีความอึดอัดกับสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า คนที่รับผิดชอบคือผบ.สส. จะประสานดูแลกับผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ และตนกับผู้บัญชาการทุกๆ เหล่าทัพอยู่เสมอ

"ผมเชื่อว่าคำว่าเวลาจะเป็นตัวเยียวยาสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมก็อยากเวลาเยียวยามันสั้นที่สุด และขอยืนยันว่ารัฐบาลและกองทัพอยากให้เกิดการพูดคุยกัน" พล.อ.นิพัทธ์ กล่าว

บช.น.สั่งพร้อมรับสถานการณ์

ด้านกองบัญชาการตำรวจนครบาลกำชับสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยที่ทำการส่วนหน้าสะพานมัฆวานฯและพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามาในเขตต้องห้ามเด็ดขาดและให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ชุมนุมที่ก่อความไม่สงบเรียบร้อยไม่เคารพกฎหมายตามคำสั่ง ศอ.รส.

นอกจากนี้ บช.น. มีคำสั่งกำชับสั่งการไปยังตำรวจ สน.ต่างๆ เข้มงวดกวดขันตรวจตราความเรียบร้อยสถานที่ราชการในพื้นที่ที่อาจเป็นจุดเสี่ยงจุดล่อแหลมต่อการบุกรุกเข้าปิดล้อมและจุดกำลังตำรวจเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย 24 ชั่วโมงและให้นำแท่งแบริเออร์ขนาดใหญ่ ขึงตาข่าย วางรั้วลวดหนาม รวมถึงด่านตรวจความมั่นคงคัดกรองบุคคลเข้าออกบริเวณโดยรอบอย่างเข้มงวดรวมถึงบริเวณโดยรอบที่ตั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาลอย่างถี่ถ้วน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงปิดการจราจรเส้นทางสำคัญแยกนางเลิ้ง แยกสวนมิสกวัน แยกวังแดงไม่ให้ผ่านเข้าออกเพื่อความปลอดภัยและตรึงกำลังรอบที่ทำการส่วนหน้าตั้งแต่แยกวัดเบญฯ ถึงแยกพล 1 ซึ่งห่างจากประตูทางเข้าด้านหน้า บช.น. 200 เมตร

ตร.เพิ่มสามกองร้อยคุมสถานีไทยคม

ด้าน พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ปทุมธานี ได้สั่งเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเป็นสามกองร้อยเข้ามาตั้งอยู่ในสถานีภาคพื้นดินไทยคม ตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั่วกทม.-นนทบุรี-ลาดหลุมแก้ว-บางพลี ในพื้นที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันผู้ก่อเหตุเข้ามาในเขตพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว ภายหลังจากเหตุการณ์ม็อบได้เกิดปะทะกันในพื้นที่เหตุอำเภอเมือง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งจุดตรวจที่ผ่านเข้าพื้นที่สถานีบริการภาคพื้นดินไทยคม ซึ่งเป็นถนนสายรองจำนวน 4 จุด และสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจตรวจเข้มรถที่จะผ่านเข้าออกหน้าสถานีไทยคม โดยจะไม่ให้มีกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มเข้ามาชุมนุมในพื้นที่และก่อความวุ่นวายโดยเด็ดขาด

เสื้อแดงทยอยเดินทางเข้ากรุง

ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง มีมวลเดินทางเข้ามาอย่างเนื่องเช่นกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้แกนนำประกาศชุมนุมใหญ่ในวันที่ 30 พ.ย. แต่เนื่องจากสถานการณ์ชุมนุมตึงเครียดในกรุงเทพฯ ทำให้ต้องรีบเดินทางมาก่อนกำหนดเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลายจังหวัดมีการเดินทางอย่างคึกคักของมวลชน โดยมีแกนนำในพื้นที่และส.ส.เพื่อไทยในจังหวัดเป็นกำลังหลักสำคัญในการประสานมวลชน เพื่อให้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ

สำหรับมวลชนคนเสื้อแดงที่จะเดินทางเข้ามา คาดว่าหลายหมื่นคน โดยมีการประสานมวลชนในจังหวัดอุดรธานี หนองคาย นครพนม ขอนแก่น เลย นครราชสีมา และในภาคกลางมีมวลชนจากจังหวัดลพบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ

ผู้ชุมนุมหลายจังหวัดชุมนุมศาลากลาง

สำหรับการชุมนุมในต่างจังหวัด ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมารวมตัวหน้าศาลากลางในหลายจังหวัด ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออก

ที่บริเวณหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีหลังใหม่ มีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมารวมตัว กว่า 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากพื้นที่เขตเลือกตั้งของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อแสดงสัญลักษณ์การต่อต้านรัฐบาล โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอีกจำนวนหนึ่งตั้งแถววางแผนกั้นป้องกันวางกำลังดูแลความเรียบร้อยไม่ให้กลุ่มมวลชนบุกขึ้นตัวอาคาร

ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้านหน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ศาลากลาง มีกลุ่มมวลชนจำนวนกว่า 300 คน ได้ออกมารวมตัวเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการโบกธงชาติ เป่านกหวีด และตีมือตบ ส่งเสียงโห่ร้อง และรับฟังการปราศรัยจากแกนนำการเคลื่อนไหว เพื่อสื่อสารและแสดงพลังไปถึงยังกลุ่มมวลชนตามเวทีต่างๆ ในกรุงเทพฯ

ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี บรรยากาศยังคงเงียบเหงา มีเพียงผู้ดูแลสถานที่การชุมนุม คอยตรวจสอบความเรียบร้อยเท่านั้น และบางส่วนเปิดชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ติดตามความเคลื่อนไหวที่กรุงเทพฯ

ขณะเดียวกัน มีนักเรียนจากโรงเรียนบางแห่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความตั้งใจที่จะร่วมเวทีการปราศรัยที่บริเวณศาลากลางจังหวัด มานั่งรอตั้งแต่เช้า โดยที่แกนนำผู้ชุมนุมชี้แจงว่า พลังมวลชนจะนัดแนะมารวมตัวอีกครั้งตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไป ซึ่งช่วงเช้าจะดูแลในเรื่องของสถานที่ อาหาร น้ำดื่ม ห้องน้ำ ห้องส้วมบริการมวลชนในช่วงเย็น

ส่วนที่จังหวัดระนอง มีกลุ่มมวลชนจาก 5 อำเภอในจังหวัดระนอง ยังปักหลักนอนค้างคืนที่ศาลากลางจังหวัดระนอง ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา และยังคงปักหลักเปิดเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดระนองต่อไปอีกอย่างไม่มีกำหนด โดยในช่วงคืนที่ 2 ที่ผ่านมาพบมีประชาชนเข้ามาร่วมฟังกว่า 3,000 คน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในคืนนี้วันที่ 29 พ.ย. 2556 ซึ่งเป็นวันที่สาม และเป็นวันศุกร์ คาดว่าจะมีประชาชนจาก 5 อำเภอเดินทางมาร่วมชุมนุมมากกว่าปกติทุกวัน โดยคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5,000 คน

สำหรับกิจกรรมบนเวทีปราศรัยที่จัดขึ้นที่บริเวณหน้าศาลากลาง จ.ระนอง มีแกนนำสลับกันขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยโจมตีการบริหารงานของรัฐบาล

ที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ยังปิดทำการ 1 วัน เนื่องจากกลุ่มมวลชนในจ.สงขลา ออกดาวกระจายไปตามสถานที่ราชการต่างๆเพื่อให้ข้าราชการหยุดทำงาน ซึ่งโดยภาพรวมของส่วนราชการในจังหวัดสงขลา ยังคงเปิดให้บริการตามปกติทุกหน่วยงาน

กลุ่มบุคลากรการแพทย์ขอนแก่นร่วมต้าน

ที่จังหวัดขอนแก่น มีกลุ่มแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่น นำโดย นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย รอง ผอ.อาวุโส - ผอ.ศูนย์อุบัติเหตุ รพ.ขอนแก่น และนพ.สมคิด เลิศสินอุดม นายแพทย์ผู้ชำนาญการ ในฐานะหัวหน้ากลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ ร่วมกับกลุ่มแพทย์จาก รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น นำโดย รศ.นพ.อนัฆพงษ์ พันธุ์มณี อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และพ่อค้าประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาล ประมาณ 400 คน ได้รวมกลุ่มเป่านกหวีดแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการบริหารประเทศของรัฐบาล

จากนั้นผู้เข้าร่วมการชุมนุมทั้งหมดได้ร่วมกันเป่านกหวีด ตะโกน "ออกไป ออกไป" ร้องเพลงเราสู้ และหนักแผ่นดิน ก่อนแยกย้ายกันไปทำงานและนัดหมายไปร่วมชุมนุมที่เวทีต่อต้านรัฐบาล บริเวณลานน้ำพุ ริมบึงแก่นนครในช่วงค่ำ

สำหรับที่จังหวัดหนองคาย ได้มีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลชาวหนองคาย ที่มีทั้งกลุ่มเครือข่ายประชาชนรักชาติและสถาบันจังหวัดหนองคาย และกลุ่มคนหนองคายคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรมและปฏิรูปประเทศไทย ได้ที่นัดหมายกันโดยผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กมารวมตัวกันที่หน้าศาลหลักเมือง พร้อมถือป้ายข้อความขับไล่รัฐบาล คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และเป่านกหวีด

ในระหว่างนั้น ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงขับขี่รถจักรยานยนต์ประมาณ 30 คัน วิ่งผ่านมาและบีบแตรไล่ ส่วนกลุ่มต่อต้านได้เป่านกหวีดไล่เสียงดังสนั่น จากนั้นได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนข้างศาลากลางจังหวัดหนองคาย เพื่ออ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย