แคปติวา ดีเซล ความคล่องตัวของเอสยูวี

แคปติวา ดีเซล ความคล่องตัวของเอสยูวี

รถในรูปแบบอย่างเอสยูวี ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น อาจจะด้วยความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย

หลังๆ มานี้ ผมรู้สึกว่ารถในรูปแบบอย่างเอสยูวี ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น อาจจะด้วยความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย หรือว่าหลายคนเริ่มเห็นถึงความจำเป็นในช่วงที่ความไม่แน่นอนของภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการแก้ปัญหาหรือป้องกันของคนที่เกี่ยวข้องนั้นก็แน่นอนเช่นกัน ส่วนจะสำเร็จหรือล้มเหลวแน่นอน ก็ลองเดากันดูครับ

ผู้เล่นหลักๆ ในตลาดยังมีไม่มากนัก โดยเฉพาะรถระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท หรือ ล้านกลางๆ ผู้นำตลาดในขณะนี้คือ ฮอนด้า ซีอาร์-วี และที่ตามมาก็คือ แคปติวา ของเชฟโรเลต

และเร็วๆ นี้ ช่วงปลายปี จะมีคู่แข่งเข้ามาเพิ่มอีก 1 รุ่น คือ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 แต่ผมดูๆ แล้วคิดว่าแต่ละคันก็มีจุดขายที่แตกต่างกันไป

ซีอาร์-วี อาจจะดูเป็น เอสยูวี ในเมือง แคปติวาดูจะลุยมากกว่า บึกบึนกว่า แต่ว่าก็ว่าเถอะครับ ในเรื่องของการใช้งานจริง ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร ส่วน มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 คงต้องรอให้รถเข้ามาก่อนซึ่งก็คงจะอีกไม่นานนัก

สำหรับ แคปติวา เปิดตัวมาพักใหญ่แล้ว ส่วนโมเดลใหม่ ยังไม่ถึงเวลา แต่ทางเชฟโรเลตก็สร้างความเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ ทั้ง ไมเนอร์เชนจ์ หรือ การใส่เทคโนโลยีใหม่ๆเข้าไป ซึ่งช่วงนี้แคปติวา ก็มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล โดยกลุ่มเบนซินก็มีรุ่น อี 85 เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย

สำหรับ แคปติวา รุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบันก็มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของอุปกรณ์หลายๆ รายการ เป็นต้นว่า กันชนหน้า กระจังหน้า ไฟตัดหมอก ไฟท้าย กันชนหลัง ปลายท่อไอเสียโครเมียม และล้ออัลลอย

สำหรับรุ่นดีเซล ช่วงที่เปิดตัวใหม่ๆ ได้รับคำชมค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องของสมรรถนะและการขับขี่ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบแปรผัน (VGT) วีซีดีไอ 2 ลิตร 4 สูบ DOHC คอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่น ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบไดร์เวอร์ชิฟท์ คอนโทรล ให้ผู้ขับเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเอง

เครื่องยนต์ที่ว่า เรียกแรงม้า และแรงบิดได้ที่รอบต่ำ และทำงานที่รอบกว้างในส่วนแรงบิด ช่วยให้การตอบสนองทำได้ดี กำลังมาอย่างรวดเร็วในทุกครั้งที่เรียก แม้จะเป็นเครื่องยนต์ที่ดูว่ามีขนาดไม่ใหญ่นักเมื่อเทียบกับตัวถังที่ค่อนข้างจะมีขนาดใหญ่ น้ำหนักรถเปล่าเฉียดๆ 2 ตัน

ทำให้มันเป็นเอสยูวีที่มีความคล่องตัวสูงทีเดียว ขับได้ง่ายขึ้นอย่างมากในสภาพจราจรหนาแน่น อย่างในกรุงเทพฯ ที่ต้องอาศัยแรงบิดในการนำพารถสอดแทรกไปยังพื้นที่ว่าง เนื่องจากบ้านเรานั้นคนนิยมอยู่ทุกช่องจราจร ไม่ว่าจะขับเร็วหรือขับช้า หรือขับไปโทรไปก็ตาม

การเรียกความเร็วก็ทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถไล่ขึ้นไประดับ 150-160 กม./ชม. ได้ และตัวรถยังนิ่งน่าพอใจ ไม่มีอาการร่อนให้รู้สึกได้ แม้ว่าจะเป็นรถที่มีความสูงก็ตาม ส่วนการขับที่ความเร็วปกติในระดับ 120-130 อันนี้สบายๆ

ส่วนการเรียกกำลังที่ความเร็วสูง ซึ่งได้ใช้บ่อยๆ ในการขับขี่ออกเส้นทางต่างจังหวัด ด้วยเหตุผลไม่ต่างจากในกรุงเทพฯ ก็คือ มีรถกระจายอยู่เต็มถนน ก็ทำได้ดีเช่นกัน เครื่องยนต์กับช่วงล่างช่วยได้เยอะ

อย่างเส้นทางที่ผมใช้กรุงเทพฯ มุ่งหน้าเขาใหญ่ ตลอดเส้นทางก่อนขึ้นเขาใหญ่ผมต้องเปลี่ยนช่องทางไปมานับครั้งไม่ถ้วน ก็ได้แต่หวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันมารยาทในการใช้รถบ้านเราจะดีขึ้นเหมือนอารยประเทศ ที่ใครช้าก็ควรอยู่ช่องทางสำหรับรถช้า และหลบให้คันที่เร็วกว่าทุกครั้งไป ซึ่งมีส่วนช่วยให้สภาพจิตในการขับรถดีขึ้น ไม่เครียด และที่สำคัญกว่าก็คือช่วยชาติลดการนำเข้าน้ำมันได้มากมาย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ารถกินน้ำมันมากที่สุด ก็ช่วงเร่งๆ หรือออกตัวนี่แหละครับ ดังนั้น การขับที่ต้องเบรกบ่อยๆ แล้วเร่งบ่อยๆ ก็ทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก

ตัวเกียร์เองก็ทำงานได้ดี จังหวะเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล ไม่สะดุด ไม่กระชาก ตอบสนองเครื่องยนต์ได้ดี ช่วยให้ขับได้สนุกเพิ่มขึ้น

เส้นทางช่วงขึ้นเขาใหญ่ เห็นได้ชัดถึงการทำงานของเกียร์ เพราะสภาพเส้นทางเช่นนั้น รถต้องมีการเปลี่ยนเกียร์บ่อยครั้ง เพราะมีทั้งโค้ง เนินขึ้น เนินลง ตลอดทาง ทำให้เห็นถึงการทำงานของเกียร์ได้ดีขึ้น ส่วนช่วงล่างซึ่งเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท สำหรับด้านหน้า และอิสระยึด 4 จุด พร้อมระบบยกตัวอัตโนมัติ ที่ด้านหลัง ก็ช่วยนำพารถผ่านเส้นทางต่างๆ ได้อย่างไม่ยาก ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย เรียกว่าความคล่องตัวในเส้นทางอย่างนี้ ดีกว่ารถเก๋งบางรุ่นด้วยซ้ำไป

การขับในเส้นทางโค้งแบบแรงๆ อาจจะรู้สึกได้ถึงการโยนตัวของตัวถังบ้าง แต่ไม่มากนัก และก็ยังสามารถเล่นแรงๆ กับโค้งได้

ส่วนระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ให้มาครบครัน เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังก์ชันซึ่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียง และระบบปรับอากาศ ระบบช่วยออกตัวบนเนิน และระบบช่วยขับลงเนิน ช่วยผู้ขับที่ไม่คล่องตัว ไม่แน่ใจจะใช้เบรกใช้เกียร์อย่างไรได้ดีทีเดียว

ส่วนระบบความปลอดภัยก็มีทั้งเอบีเอส ระบบเสริมแรงเบรก ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว รวมถึงระบบป้องกันการพลิกคว่ำ

ผมขับ แคปติวา ดีเซลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงทางบนภูเขา ค่าเฉลี่ยการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่อ่านได้จากคอมพิวเตอร์ของรถ อยู่ที่ 11.6 กม./ลิตร ก็ถือว่าใช้ได้ครับ