มนต์ 'รัก' ฉบับนักเขียน

มนต์ 'รัก' ฉบับนักเขียน

ผลงานนวนิยายไซไฟแฟนตาซีเรื่อง The White Road สร้างชื่อดร.ป๊อปบนทำเนียบนักเขียนจนวันนี้เขาก็ยังสร้างสรรค์ผลงานได้ดีไม่มีตกหล่น

นอกจากผลงานนวนิยายแนวแฟนตาซีเรื่อง The White Road ของเขาจะถูกใจนักอ่านทั่วประเทศแล้ว ฝีปากและลีลาของดร.ป๊อป - ฐาวรา สิริพิพัฒน์ ก็เข้าขั้นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจเลือดใหม่ที่บอกได้เพียงว่าหาตัวจับได้ยาก

เผลอแป๊บเดียวก็สิบปีแล้วที่นวนิยายไซไฟแฟนตาซีเรื่อง The White Road ถือกำเนิดขึ้น พร้อมกับสร้างนักเขียนหนุ่มหน้าใสที่ใครๆ ก็จับตามอง และจัดเขาอยู่ในทำเนียบนักเขียนรุ่นใหม่ที่มาแรงที่สุดในยุคนั้น และแน่นอนว่ากาลเวลาก็ดำเนินไปไม่มีวันหยุด โลกแห่งจินตนาการที่ ดร.ป๊อป - ฐาวรา สิริพิพัฒน์ รังสรรค์ขึ้นนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปตาม แต่เชื่อมั่นได้ว่าแม้อายุอานามจะเพิ่ม จินตนาการก็ยังบรรเจิดที่สำคัญเข้มข้นด้วยสัจธรรม จนต้องยอมรับว่าถึงวันนี้ยังไม่มีใครเอาเขาลงจากทำเนียบนักเขียนฝีมือดีได้

\นอกจาก ดร.ป๊อป จะเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ชั้นเยี่ยมแล้ว ที่น่าประหลาดและมีนักเขียนน้อยคนนักจะทำได้ คือ เป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจซึ่งไม่ว่าจะไปพูดที่ไหนก็อบอวลด้วยความรักและจินตนาการเสมอๆ

ตอนนี้มีผลงานเล่มใหม่หรือยัง

ผลงานเล่มล่าสุดคือ Boys & A Doll เป็นผลงานรอบสิบปีของผม เป็นแนวแฟนตาซีแต่เน้นโรแมนติกมากขึ้น เกี่ยวกับปริศนา การต่อสู้ เรื่องลึกลับ และเรื่องไม่คาดฝัน ความรักที่เน้นคือรักหลายรูปแบบมาก เพราะแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากเขียนหนังสือเล่มนี้คือ เป็นแฟนตาซีที่สนุกเร้าใจแล้วสามารถให้คนอ่านไปต่อยอดได้ด้วย

ผมเอาความรักหลากรูปแบบในสังคมไทยมาต่อยอดในหนังสือเล่มนี้ ทั้งความรักแบบพ่อแม่ พี่น้อง ครูอาจารย์ลูกศิษย์ คู่รัก หรือเพื่อนสนิท เพื่อให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงความรักแบบที่อยู่ในชีวิตเขา

โดยใช้ฉากทั้งหมดเป็นประเทศไทย ตัวละครก็เป็นคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน คิดว่าความเป็นไทยมีความเป็นสากลในแบบของมัน และเราอยากสะท้อนสังคมของเราให้ออกมาในรูปของนิยาย แต่ไม่เหมือนนิยายทั่วไป เพราะตัวละครแต่ละตัวมีพลังเหนือธรรมชาติ และแน่นอนว่าทุกคนมีความรักในรูปแบบต่างๆ

มีตัวเองในเรื่องใด
มีส่วนหนึ่งครับ ผมเองไม่ใช่ตัวเอกนะ ตัวละครในเรื่องนี้มีหลากเรื่องราวมาก ผมเองเป็นในมุมของนักเขียนคนหนึ่งซึ่งอยากสะท้อนว่าชีวิตผมมีความรักรูปแบบไหน เผชิญกับอะไรบ้าง ความสุข ความทุกข์ และเราฝ่าฟันมันได้อย่างไร ชีวิตผมมีความรักหลากรูปแบบที่เป็นตัวอย่าง เป็นอุทธาหรณ์ให้คนได้ ให้กำลังใจคนได้ ตัวเราไม่ได้เป็นตัวเอกอะไรหรอก แต่เราเป็นตัวละครหนึ่งมากกว่า

สิบปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง
สิบปีในวงการผมรู้สึกว่ามองโลกเปลี่ยนไปเยอะนะ เพราะถ้าเป็นสิบปีก่อนเป็นวัยรุ่น เราจะรู้สึกว่าเราเขียนหนังสือเอาสนุก เขียนเอามัน อยากจะเต็มที่ อยากจะบ้าพลัง ถ่ายทอดจินตนาการ เป็นอารมณ์ของเด็กไฟแรง พอมาสิบปีต่อมาผมรู้สึกว่ามองคนรอบกายมากขึ้น เมื่อก่อนเราอาจไม่มองว่าคนเขาคิดอย่างไรกับเรา รู้แต่ว่ามันเป็นหนังสือขายดี ทุกคนมีหน้าที่อ่าน...จบ แต่พอสิบปีต่อมารู้สึกว่าเราตัวเล็กลงครับ การที่ตอนเด็กๆ เรามองตัวเองใหญ่ ทำให้เรามองคนรอบข้างน้อยลง แต่พอเราตัวเล็กลงทำให้เราติดดินมากขึ้น อาจเป็นผลจากการที่ผมไปทัวร์โรงเรียนเยอะมาก เป็นพันรอบ เจอคนเป็นล้าน และการได้เข้ามาเจอคนใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิต ความรักเป็นสิ่งสวยงาม การได้ทำอะไรเพื่อความรัก การเอาใจใส่คนอื่น ใจเขาใจเราเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากทำผลงานที่ถ้าคนอ่านๆ ไปเขาต้องเกิดความรักกับตัวเองหรือคนรอบกายเขา

เราอยากให้คนเกิดทัศนคติบวก มีแรงบันดาลใจ นี่คือสิ่งที่เปลี่ยน ดร.ป๊อปไปทุกอย่างเลย ความรักเปลี่ยนได้ทุกอย่าง อย่างน้อยผมคนหนึ่งที่เปลี่ยน สิบปีต่อมาผลงานจึงโตขึ้นอย่างที่เห็น ผมใช้เวลาถึงหกปีเขียนหนังสือเล่มนี้ แก้ไขเป็นร้อยครั้ง แม้กระทั่งคืนก่อนปิดต้นฉบับผมก็ยังแก้และเติมอยู่ สิบปีที่ผ่านมาทำให้ผมจริงจังกับการเขียนวรรณกรรมมากขึ้น

เทียบกับเรื่องก่อนๆเป็นอย่างไร
เป็นไปตามวัยครับ อย่าตอนเด็กมุมมองของเรามีแต่เพื่อน เกรียนๆ แก๊งก์ๆ ก็มองเห็นคนแต่ด้านเดียว มิติของตัวละครจะไม่ชัดเจนเท่าเรื่อง Boys & A Doll ในเรื่องนี้ตัวละครทุกตัวไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์แม้แต่ตัวเดียว ถ้าไวท์โร้ดจะขาวโพลน ดำมืด แต่นี่ทุกตัวเป็นสีเทาหมดเลย แม้แต่ตัวละครที่ดีก็จะมีด้านเลวร้ายในตัวเอง เพราะคนเราไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความไม่ดีนั้นอาจมีเหตุผลอื่น เช่น ปกป้องคนที่เขารัก มันคือสัญชาติญาณมนุษย์ แม้แต่ตัวละครที่เลวมากก็จะมีด้านละเอียดอ่อน มีมุมใจอ่อน

หมายความว่าอยากพูดเรื่องสังคมมากขึ้น เรื่องความเป็นจริงมากขึ้นใช่ไหม
ใช่ ผมอยากพูดเรื่องความจริง แต่เอาเรื่องแฟนตาซีเหนือธรรมชาติมาใส่ในนั้น เพราะฉะนั้นวรรณกรรมของผมตั้งแต่ Girls & A Doll ตัวละครจะเป็นคนค่อนข้างมาก แต่ในเรื่องนี้พัฒนาจนเป็นคนที่จับต้องได้ เพียงแต่ว่ามีเรื่องพลังซึ่งก็ต้องคลุกคลีกับเขาถึงจะเห็นอีก ผมเปรียบเทียบพลังเหล่านี้เหมือนกับความรักของแต่ละคน คุณมีความลับแต่ผมก็ไม่รู้ แต่เพื่อนคุณอาจจะรู้ พลังในเรื่องจึงไม่ได้สนองแง่บวกแก่คนอย่างเดียว แต่เป็นโทษด้วย

ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเด็กเพราะจินตนาการ มีวิธีสร้างจินตนาการอย่างไร
ผมอ่านหนังสือเยอะ และรับรู้สื่อเยอะ ทั้งดูหนัง ฟังเพลง อ่านการ์ตูนบ้าง สัมผัสผู้คนรอบกาย ดูหนังทุกสัปดาห์ อ่านหนังสือสัปดาห์ละเล่ม ทั้งหนังสือแปล ทั้ง text รู้สึกว่าการอ่านหนังสือเป็นการเปิดโลกจินตนาการ ยิ่งหนังสือที่ไม่มีภาพผมจะชอบ เราได้คิดเอง สานต่อเอง จินตนาการมาจากการรับรู้สื่อทุกชนิดแม้แต่ผู้คนรอบกาย

จินตนาการกับความรู้วิชาการ...อะไรสำคัญกว่า
ต้องไปคู่กัน อย่าทิ้งอย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า เพราะถ้าคุณทิ้งความรู้ก็ไม่มีอาวุธไปสู้เขา แต่ถ้ามีความรู้ไม่มีจินตนาการก็ไม่มีเอกลักษณ์เช่นกัน ผมจึงบอกเด็กๆ เวลาไปทอล์คโชว์ว่าความรู้ต้องตั้งใจเรียนผสมกับทำกิจกรรม เพื่อหาโอกาสให้ตัวเอง การหาโอกาสให้ตัวเองทำให้รู้จักตัวเอง เมื่อรู้จักตัวเองคุณจะรักตัวเอง ภูมิใจในตัวเองมากขึ้น คุณจะเห็นจุดดีจุดด้อยของตัวเองมากขึ้น

มีทอล์คโชว์สร้างแรงบันดาลใจด้วยหรือ
ผมทำร่วมกับนานมีบุ๊คมาแล้วสี่ปี ตั้งแต่ปี 2009 แสดงไปแล้วพันกว่ารอบครับ ผู้ชมก็เป็นล้านคน เราไปปลุกแรงบันดาลใจให้เขาเชื่อมั่นในตัวเอง รู้จักสร้างแรงบันดาลใจ มีเป้าหมายในชีวิต ในการอ่าน การเขียน ธีมล่าสุดเปลี่ยนเป็น Dr.POP Mr.Inspiror Show เพื่อให้เขารู้สึกถึงความรัก เอาความรักไปต่อยอด เกิดเป็นคำว่า 'เอกรัก' เป็นความรักที่ไม่ซ้ำใคร รู้สึกว่าถ้าเราเอาความรักเป็นแรงบันดาลใจ สิ่งต่างๆ จะสำเร็จได้ เกิดพลังขับเคลื่อนบางอย่าง แต่ก่อนจะรักคนอื่นคุณต้องรักตัวเองก่อน

เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือ
ใช่ ผมเอาประสบการณ์ไปสอนเด็ก เมื่อก่อนเราประสบความสำเร็จโดยการรักตัวเองมันความรู้สึกหนึ่ง มันได้แค่ความรู้สึกหนึ่ง แต่เมื่อเป็นความรักรอบกาย ความรักที่มีต่อคนอื่นมันได้อีกความรู้สึกหนึ่ง กลายเป็นหนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีวิตเด็กหลายคน ซึ่งไวท์โร้ดไม่เคยทำได้

จากเมื่อก่อนกระแสตอบรับบอกว่า มัน สนุก สะใจ หักมุม คาดเดาไม่ได้เลย Boys & A Doll ก็มีอย่างนั้น แต่สิ่งที่ผู้อ่านเล่มนี้เกือบทุกคนบอกว่ามันเปลี่ยนชีวิตเขา ทำให้รักคนรอบกายมากขึ้น อยากทำดีกับคนรอบกายมากขึ้น หลายคนอ่านแล้วน้ำตาไหล เขาไปขอโทษเพื่อน ไปกราบพ่อแม่ โทรไปขอบคุณแฟน หนังสือเล่มนี้จะประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่พิมพ์ซ้ำกี่ครั้งหรือยอดขายเท่าไร แต่มันขึ้นกับว่าเปลี่ยนชีวิตคนได้แค่ไหน และหนังสือเล่มนี้ทำได้

เหมือนความฝันเลยหรือเปล่า
เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันมากกว่า ผมไม่เคยฝันว่าหนังสือเราจะเปลี่ยนชีวิตคนได้ คิดแต่ว่าคนจะอ่าน สนุกกับมัน แต่ถึงจุดนี้เราทำให้คนเหล่านี้มีสิ่งที่เรามีได้ เขาขอบคุณความรักที่มีรอบกาย

ไปพูดสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างไร
เริ่มต้นจากเข้าวงการได้แค่เดือนสองเดือนก็มีโรงเรียนติดต่อให้ไปทัวร์ แรกๆ ก็นั่งสัมภาษณ์ พูดคุยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก พบปะผู้อ่าน แต่พอเราโตขึ้นรู้สึกว่าแค่ไปสัมภาษณ์ไม่พอ เลยคิดเปลี่ยนเป็นการทอล์คโชว์เพื่อปลุกแรงบันดาลใจให้เขา ซึ่งก็เปลี่ยนรูปแบบโชว์มาเรื่อยๆ

ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งเปลี่ยนความคิดของเด็กจนหมด การมองโลกของเขา ทำให้เขารักการอ่านให้ได้ คนที่เคยเห็นแก่ตัว เราทำให้เขาเปลี่ยนไป และสิ่งสำคัญคือผมเน้นเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อนมาก เพราะท้ายที่สุดคนเหล่านี้จะอยู่กับคุณไปจนโต

กระแสตอบรับเป็นอย่างไร
ดีครับ กอดคอกันร้องห่มร้องไห้ก็มี เป็นภาพที่เกิดขึ้นประจำ แต่สิ่งที่ผมดีใจมากคือเขาบอกว่าหนังสือเราเป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตเขา พอเสร็จโชว์เขาอาจจะอยากได้หนังสือเราไปอ่าน ผมว่ามันเป็นกุศลอย่างหนึ่ง การที่ทำให้คนรักการอ่านได้มันคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และผมคิดว่าชีวิตผมที่มีวันนี้มีเงิน มีโอกาสดีๆ เพราะการอ่านหนังสือ ผมอยากให้หนังสือเปลี่ยนชีวิตใครหลายคน อย่างน้อยให้เขาเริ่มอ่าน และเป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง ไม่ใช่ใครบังคับ

และกระแสตอบรับที่ดีมากคือเพื่อนหลายคนหันมาเข้าใจกันมากขึ้น หลายคนงอนกันมาสามสี่ปีแล้วกลับมารักกัน เป็นสิ่งที่ดี เขาได้ให้อภัย

ทอล์คโชว์ต้องใช้จิตวิทยามาก เรียนรู้จากไหน
จากประสบการณ์ล้วนๆ เลยครับ การโชว์บ่อยๆ มันเรียนรู้ว่าจังหวะไหนทำให้เขาสนใจได้ แต่ละโชว์มีไดนามิค เหมือนพี่โน้ส-อุดม เขาเป็นไอดอลผมเลย

ผมเป็นนักพูดตั้งแต่ตอนเรียน โต้วาทีตั้งแต่ม.6 การพูดอยู่ในสายเลือด พ่อแม่ผมเป็นผู้บริหารมีศิลปะการพูดอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่ารักการพูด มันคือสิ่งที่ถ่ายทอดสิ่งที่เราคิดได้เร็วที่สุด และผมยอมรับเลยว่าอาจารย์ของผมคือพี่โน้ส-อุดม ผมดูเดี่ยวเป็นร้อยรอบ ดูจนจำได้ว่าเดินไปตรงไหน ผมดูว่าพี่เขาใช้น้ำเสียงอย่างไร พี่เขาประสานสายตาอย่างไร อาจารย์จตุพลผมก็ดู ผมดูนักพูดหลายคนแม้แต่ต่างประเทศก็ดู ดารา นักร้อง ผมก็ดูหมดเพื่อเอาศาสตร์ทุกการแสดงมารวมบนเวที

ประสบความสำเร็จตั้งแต่เด็ก ยังมีฝันที่ไปไม่ถึงไหม
หลายอย่าง ผมอยากให้หนังสือผมเป็นภาพยนตร์ และตอนนี้มีแผนที่วางไว้ว่าจะทำหนังสือที่บางที่สุดในชีวิตของผม แต่เป็นหนังสือที่จริงที่สุด รวมถึงเพลงที่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง จริงๆ หนังสือเล่มนี้ต้องมีเพลงประกอบหนึ่งเพลง ทำแล้วแต่มีผู้ใหญ่ให้ปรับเปลี่ยนเนื้อหน่อย ผู้ใหญ่คนนั้นคือพี่บอย-โกสิยพงษ์ กับพี่นภ-พรชำนิ

ได้ร่วมงานกับเจ้าพ่อเพลงรัก มีผลต่อทัศนคติด้านความรักไหม
พี่บอยเป็นคนทำให้ผมเชื่อในความรัก ผมโตมากับเพลงค่ายเบเกอรี่ ผมผูกพันกันทุกบทเพลงของค่ายนี้ ไม่ใช่แค่พี่บอย พี่ตูน-บอดี้สแลม พี่ป็อด-โมเดิร์นด็อก วงบิ๊กแอส วงเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจทำให้ผมอยากอยู่บนเวที อยากมีสักวันที่ยืนบนเวที ไม่ใช่ในฐานะนักพูด แต่เป็นนักร้องที่คนร้องเพลงเราได้ โบกมือไปกับเรา กระโดดไปกับเรา

เขียนหนังสือ ทอล์คโชว์ ทำเพลง ครบเครื่องเกินไปหรือเปล่า
หลายคนบอกว่าเราพยายามทำทุกอย่าง เราพยายามเป็นทุกอย่าง ผมรู้สึกว่าชีวิตคนเราเกิดมาจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แล้วทำไมผมจะต้องกลัวว่าผมจะทำอะไร ผมทำดีกว่า ถ้ามันดีหรือไม่ดีค่อยมาว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่ผมขอทำ ถ้ากลัวว่าทำแล้วสู้คนอื่นไม่ได้ ทำแล้วจะไม่ดี งั้นไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะถ้าคุณคิดอย่างนั้น ทุกครั้งที่ทำอะไร มั่นใจได้เลยว่ามีคนทำได้ดีกว่าคุณแน่นอน ไม่ต้องกลัวหรอกครับ แต่เราลองทำดีกว่าให้คุ้มค่ากับที่เกิดมาเป็นคน

บอกคนที่ยังไม่กล้าทำตามฝัน
ผมไม่รู้ว่าคุณลังเลอะไร ถ้าคุณกลัวว่าจะสู้คนอื่นไม่ได้ ผมบอกได้เลยว่าเหนือฟ้ามีฟ้า คุณทำดีขนาดไหนมีคนทำดีกว่าคุณแหละ แต่คุณทำเถอะ ทำให้รู้ว่าคุณทำได้ อย่างน้อยได้ทำก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำหรือเปล่า เราอย่าอยู่เพื่อความฝันของคนอื่น เราอยู่เพื่อความฝันของเรา แล้วทำให้ถึงที่สุด ผมพยายามกับงานเพลงมาแล้วสิบปี ตั้งแต่มัธยม เสนอค่าย เข้าออกแกรมมี่สิบปี แต่ผมยังไม่หยุด ผมเพิ่งไปพบผู้ใหญ่แกรมมี่มาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แล้วเขาก็ยังให้โอกาส

เขาบอกว่าเพลงผมดีกว่าเมื่อก่อนที่เคยฟัง นี่คือสิ่งที่ฟังแล้วน้ำตาจะไหล เมื่อก่อนเขาว่าตลอดเลย แต่ครั้งนี้เขานั่งฟังอย่างตั้งใจ แล้วบอกว่าผมเข้าใจแล้วว่าต้องทำอะไร แค่นี้ผมก็ 'ฟิน' แล้ว ลองสักตั้ง แล้วคุณจะมีความทรงจำที่เห็นความสำเร็จของตัวเองแล้วน้ำตาไหล

กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ทำอย่างไร
ชีวิตดร.ป๊อปไม่ง่ายหรอกครับ ที่คิดว่าง่ายเพราะคุณเห็นข้างหน้าแล้ว ลองถามคนที่อย่เบื้องหลังสิคุณจะรู้ว่าไม่มีอะไรง่าย การเป็นดร.ป๊อปไม่ได้แปลว่าทำอะไรต้องดังตลอดนะ ไม่ใช่ ทุกอย่างมีผลพวงมา ถ้าผมดีแต่ทีมงานผมไม่ดีก็ไปไม่เป็นนะ แต่นี่ดีตั้งแต่ผู้บริหารยันทีมงานทุกคน เขาเชื่อในตัวผม ยอมให้ทำแม้บางอย่างจะดูไร้สาระเขาก็ยอม อย่าคิดว่ามันง่าย ทุกคนยากหมด คุณคิดหรือว่าดร. ป๊อปไม่เคยโดนด่า ในเน็ตโดนด่าตลอด หาว่าสร้างกระแสนู่นนี่ ยังไม่เคยทำเลย (หัวเราะ) เราก็ทนได้ เพราะอะไรที่ไม่จริงมันทำร้ายเราไม่ได้ เราอยู่กับความจริงดีกว่า การเผชิญทุกอย่างทำให้เราแข็งแกร่ง ทั้งตัวผม ทั้งทีมงาน โดนมาสารพัด แต่เราอยู่กับความจริง ถ้าเชื่อความรักกับความจริงก็อยู่ได้

เชื่อในความรักแบบนี้ ความรักของดร.ป๊อปคืออะไร
ความรักของผมมีสองแบบ ผมแบ่งคนเป็นสี่ประเภท คนรู้จัก เพื่อน เพื่อนสนิท คนสนิท คนรู้จักคือผมรู้ว่าเป็นใคร เพื่อนคือปฏิสัมพันธ์ด้วยประปราย เพื่อนสนิทคือทุกเรื่องราว แต่คนสนิทคือคนที่ผมตายแทนได้ บังเอิญว่าผมโชคดีที่มีคนสนิทเป็นร้อย แล้วคนเหล่านั้นก็ให้ความรักแท้แก่เรา

ความรักคือการให้แต่ความรักแท้คือการให้และได้รับอย่างเท่าเทียม นี่คือนิยามความรักของผม