ครม.รื้อระบบเหมาจ่ายค่าตอบแทนสธ.มีผล1เม.ย

ครม.รื้อระบบเหมาจ่ายค่าตอบแทนสธ.มีผล1เม.ย

ครม.รื้อระบบเหมาจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรสาธารณสุขมีผล 1 เม.ย. ชี้รูปแบบใหม่ดึงดูดให้ทำงานในพื้นที่ห่างไกลเพราะค่าตอบแทนสูง

ร้อยโทหญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.มีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในคราวประชุม ครั้งที่ 7/2556 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2556 ตามที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี เสนอ โดยที่ประชุมครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2556 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2557 (ระยะที่1) ตามมติคณะกรรมการพิจารณาทบทวนระบบการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในภาครัฐเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2556 ทั้งนี้ หากมีผู้ใดได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายรวมกับค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายที่เคยได้รับอยู่เดิมอย่างมีนัยสำคัญ ให้ สธ. พิจารณากำหนดอัตราค่าตอบแทนขั้นต่ำเพื่อช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินไป

รองโฆษก กล่าวอีกว่า สำหรับแหล่งเงินในการดำเนินการเพื่อเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายนั้น ให้กับสธ. ใช้จ่ายจากเงินบำรุงของโรงพยาบาลก่อน หากไม่เพียงพอให้เสนอขอใช้เงินงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ระยะต่อไปมอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ สธ. ร่วมกันพิจารณาถึงความเหมาะสม โดยให้ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีการประเมินผลการดำเนินการในระยะที่ 1 โดยให้จัดทำข้อสรุปอย่างรอบด้านและชัดเจนก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

"เนื่องจากนโยบายของนายกรัฐมนตรีคือต้องการให้มีการจ่ายค่าตอบแทนตามความเป็นจริง เพราะปกติการจ่ายค่าตอบแทนจะแบ่งเป็นพื้นที่เขตเมือง และแบบทุรกันดาร ซึ่งพื้นที่ทุระกันดารมีการกำหนดนิยามไว้ตั้งแต่ในอดีตแต่ปัจจุบันการพัฒนาประเทศเปลี่ยนแปลงไป บางพื้นที่เป็นพื้นที่เขตเมืองจากที่เคยเป็นพื้นที่ทุรกันดารจึงมีการกำหนดค่าตอบแทนเหมาจ่ายใหม่แต่ไม่ใช่ยกเลิกทั้งหมด แต่จะมีการเพิ่มในเรื่องของการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานด้วยที่จะมีการกำหนดสัดส่วนออกเป็นสองระยะ"รองโฆษก กล่าว

ร.ท.หญิงสุนิสา กล่าวอีกว่า ในระยะแรกจะมีผลตามกฎหมายวันที่ 1 เม.ย. 2556 อาทิ อัตราเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายที่จะจ่ายให้โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะแบ่งออกเป็นระยะเวลาในการทำงาน คือกลุ่มที่ทำงาน 1 - 3 ปี 4 - 10 ปี และ 11 ปีขึ้นไป โดยในกลุ่มทำงาน 1 - 3 ปี นั้นค่าตอบแทนสำหรับแพทย์และทันตแพทย์ในพื้นที่ชุมชนเมืองและพื้นที่ปกติจะได้เฉลี่ย 10,000 บาท แต่ถ้าเป็นพื้นที่ทุระกันดารมากเฉลี่ยอัตราใหม่จะได้เหมาจ่าย 3 หมื่นบาท ส่วนทุระกันดารปกติจะได้ 2 หมื่นบาท ซึ่งอัตราใหม่จะส่งเสริมความเป็นธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่ที่ห่างไกล จะเป็นการดึงดูดใจให้บุคลากรทางการแพทย์อยากไปทำงานในพื้นที่ทุระกันดารมากขึ้นเพื่อกระจายความเป็นธรรมให้ประชาชนให้ได้รับบริการทางการแพทย์ เนื่องจากจะการันตีว่าท่านได้ค่าตอบแทนแน่นอนแม้ว่าในโรงพยาบาลในพื้นที่ทุระกันดารจะมีคนไข้ไม่มาก

รองโฆษกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากจะเพิ่มอัตราส่วนค่าตอบแทนให้แล้วยังจะลดความเหลื่อมล้ำของเจ้าหน้าที่ระดับอื่น ได้แก่ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่อื่น ที่มีช่องว่างในการรับค่าตอบแทนน้อยกว่าแพทย์ที่ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายหลักหมื่นบาท อาทิ เภสัชกร ถ้าทำงานในพื้นที่ชุมชนเมืองจะได้รับค่าตอบแทน 2,500 บาท แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจะได้ 8,000 - 10,000 บาท ที่ได้มากขึ้นกว่าหลักเกณฑ์เก่า เพราะคนที่ทำงานในพื้นที่ห่างไกลต้องได้รับค่าตอบแทนมากกว่าคนพื้นที่เมือง ในขณะเดียวกันพยาบาลและบุคลากรอื่นก็จะได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นเช่นกันถ้าทำงานในพื้นที่ห่างไกล