'สุภิญญา'เสนอรื้อเกณฑ์อนุญาตทีวีสาธารณะ

'สุภิญญา'เสนอรื้อเกณฑ์อนุญาตทีวีสาธารณะ

"สุภิญญา"หวังใช้เสียงประชาชนเปลี่ยนใจบอร์ด กสท ค้านเกณฑ์การให้ใบอนุญาตทีวีดิจิทัล 12 ช่อง แย้งควรเจาะจงเกณฑ์การจัดสรรเพิ่มขึ้น

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท) ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวในงานการประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดเห็นผู้บริโภคกับทีวีดิจิทัล หัวข้อ “ทีวีสาธารณะและชุมชนที่อยากเห็น” ว่า จากกรณีที่การให้ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลในกลุ่มช่องสาธารณะจำนวน 12 ช่อง เดือนพ.ค.นี้ จะใช้เกณฑ์การตัดสินด้วยวิธีการพิจารณาด้านความเหมาะสม (บิวตี้ คอนเทสต์)

แนวทางการจัดสรรดังกล่าว เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปี 2551 แต่เกณฑ์การพิจารณา ปรากฏว่ามีเนื้อหาการพิจารณาที่กว้างมาก เพียงแค่ต้องเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง และเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรก็เข้าร่วมได้ ดังนั้นจึงเกิดการจัดงานขึ้น เพื่อระดมความเห็นภาคประชาชนนำเสนอต่อบอร์ด กสท

อย่างไรก็ตาม การประชุมบอร์ด กสท ครั้งต่อไป วันที่ 11 มี.ค.จะนำเสนอผลการประชุมของงานครั้งนี้บรรจุเข้าวาระไม่ทัน แต่จะนำประเด็นเร่งด่วนบางประการเข้าหารือเท่านั้น ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะนำเสนอครั้งต่อไป

"สิ่งที่คาดหวังเพื่อนำไปสู่การที่บอร์ดมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันในการออกประกาศ กสทช. เรื่องการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนในการพิจารณาใบอนุญาตช่องทีวีดิจิทัลในกลุ่มช่องบริการสาธารณะทั้ง 12 ช่อง ให้ลงรายละเอียดมากกว่านี้"

ขณะที่ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค (สอบ.) กล่าวว่า สำหรับการให้ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลช่องสาธารณะทั้ง 12 ช่องแล้ว ในฐานตัวแทนของกลุ่มผู้บริโภคต้องการให้ กสทช. มีเกณฑ์การพิจารณาการตีความที่ชัดเจนที่ละเอียดกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อเป็นการป้องกันการซ่อนรูปต่างๆ ขององค์กรขนาดใหญ่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในกลุ่มช่องสาธารณะ หรือใช้เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ

รวมถึงสิ่งที่ผู้บริโภคยังต้องการคือต้องการให้ช่องสาธารณะเป็นของสาธารณะอย่างแท้จริง คือ ภาคประชาชนเข้าถึงได้ และได้ประโยชน์ อาทิเช่น ต้องกำหนดให้ผังรายการของกลุ่มช่องสาธารณะ ต้องแบ่งช่วงเวลาให้ประชาชนได้มีเวทีพูด เวทีแสดงความคิดเห็น หากมีปัญหาเดือดร้อนและต้องการการแก้ไข หรือการห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ทำร้ายสุขภาพประชาชนด้วยวิธีต่างๆ