'เพซแมน'ขับสนุก อารมณ์มินิ

'เพซแมน'ขับสนุก อารมณ์มินิ

ใครเป็นแฟนมินินี่คงสนุกไม่น้อย คือต้องเดาว่ามินิจะแตกหน่ออะไรออกมาอีกหรือเปล่า

เพราะตั้งแต่รหัสรถเล็กชื่อดัง มาอยู่ภายใต้การพัฒนาของบีเอ็มดับเบิลยู มันมีรถย่อยออกมามากมาย เพื่อจับตลาดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็มีเสียงออกตอบสนองออกไป 2 ทาง ทั้งที่สนุกด้วย กับอีกส่วนบอกว่ามันชักจะไม่ใช่มินิเสียแล้ว

แต่ถ้ามองในเชิงธุรกิจ ก็ต้องถือว่ามินิประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะไม่ว่าจะมีตัวถังรูปแบบใด ก็ยังสามารถดึงเข้ามายังชื่อมินิได้อยู่ดี เพียงแต่ว่ารูปทรงที่แตกต่างกันไป ก็คือ ทางเลือกตามความเหมาะสมในการใช้งาน หรือความชอบของแต่ละคน

รุ่นล่าสุดของมินิ ก็คือ เพซแมน ซึ่งออกมาเป็นรุ่นที่ 7 ต่อ จากมินิ แฮทช์, มินิ เปิดประทุน, ตัวยาวอย่าง คลับแมน, เอสยูวี ในรุ่น คันทรีแมน,คูเป้ และโรสเตอร์ เปิดประทุน

เพซแมน เหมือนจับเอามินิแฮทช์ มาบวกกับคันทรีแมน แล้วหาร 2 กลายเป็นรถแบบ 2 ประตู ทรงสูง หรือ จะเรียกว่า ครอสโอเวอร์ ก็ได้

มันเป็นรถที่มีขนาดใหญ่พอๆกับคันทรีแมน แต่ยาวกว่า และยาวที่สุดในกลุ่มมินิ คือ 4,115 มม. ส่วนความกว้างอยู่ที่ 1,786 มม. และสูง 1,522 มม.

ห้องโดยสารที่ใหญ่กว่าตัวอื่น ทำไมไม่ทำเป็น 4 ประตู เหมือนคันทรีแมน หลายคนอาจจะมีคำถามเช่นนี้ โดยส่วนตัวครับ ผมว่ารถกลุ่มนี้ ไม่ได้ขายแค่เรื่องของการใช้งาน แต่ขายดีไซน์ ขายลูกเล่น ขายเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะหากทำเป็น 4 ประตู ก็อาจจะดูธรรมดาเกินไป เหมือนเป็นเวอร์ชั่นหนึ่งของ คันทรีแมน ก็เลยออกแบบให้คนที่จะนั่งเบาะหลังต้องมุดเข้าไป ผ่านการพับ และเลื่อน เบาะหน้าทั้งฝั่งคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้าแบบง่ายๆ จากปุ่มควบคุมปุ่มเดียวด้านหลังเบาะ ซึ่งถือว่าการพับการเลื่อนทำได้สะดวกครับ และตัวถังที่ใหญ่กว่า กับประตูทั้ง 2 บานที่ยาวเป็นพิเศษ ทำให้คนนั่งแถวหลังขึ้นลงได้ไม่ยาก แต่คงไม่เหมาะกับคนมีอายุ หรือ เด็กขี้บ่นมากนัก

เรื่องการออกแบบคงไม่พูดมากนัก เพราะอยู่ที่ความชอบแต่ละคน แต่มุมของผม เพซแมน ออกแบบมาให้มีส่วนร่วมกับพี่น้องทั้ง 6 และมีเอกลักษณ์ของตัวเองก็คือ รูปทรงหลังคาที่ลาดลงไปด้านหลัง มุมมองภายนอกผสมกันไปทั้งความน่ารัก สปอร์ต และดูหรูหราไปในตัว

ส่วนภายใน รายละเอียดต่างๆ ก็คล้ายกับรุ่นอื่นส่วนใหญ่ เช่นมาตรวัดทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางคอนโซลหน้า ปุ่มต่างๆเช่น ปุ่มปิด-เปิดไฟ ประตู ระบบขับขี่ เป็นแบบแท่ง เป็นต้น

ภายใน เพชแมนเลือกที่จะใช้สีดำเป็นตัวคุมโทน เพื่อเพิ่มอารมณ์สปอร์ต รวมถึงพวงมาลัย หรือว่าคันเกียร์หุ้มหนัง เย็บด้วยด้ายดำ เติมสีสันด้วยสีของผ้าเบาะเล็กน้อย

เพซแมน ออกแบบมาเป็นรถ 4 ที่นั่ง และมีลูกเล่นคือรางอเนกประสงค์ ซึ่งวางของเล็กๆน้อยๆ ได้ แต่ถ้าอยากจะติดกล่องใส่ของ หรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาใช้กับรางที่ว่านี้เพิ่มเติม ก็ต้องไปซื้อจากโชว์รูมครับ

เพซแมนมี 3 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2 รุ่น และดีเซล 1 รุ่น ซึ่งรุ่นที่อยู่กับผมตอนนี้เป็นตัวล่างสุด ราคา 2.49 ล้านบาท ก็คือ เบนซิน 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตรที่ 4,250 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 11.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้184 กม./ชม.

เครื่องยนต์ธรรมดา ไม่มีเทอร์โบ แรงม้าต่ำสุดใน 3 รุ่น แต่ว่าเพียงพอกับการใช้งานแล้วครับ 122 แรงม้าที่ได้มา ถือว่าเหลือเฟือ ส่วนรุ่นเทอร์โบที่แรงม้าโดดขึ้นไป 184 ผมถือว่าเป็นลูกเล่นมากกว่า หรือสำหรับคนที่พร้อมจะจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับความสนุก และทันใจที่ได้เพิ่มขึ้น

แต่กับรุ่นพื้นฐานที่ผมขับอยู่นี้ ลำพังแค่โหมดสปอร์ตที่มีให้ ซึ่งจะควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ให้ตอบสนองดีขึ้น ผมยังแทบจะไม่ได้ใช้งาน ส่วนใหญ่ก็ขับธรรมดาๆ นี่แหละครับ ก็สนุกได้แล้ว จะเลือกสปอร์ตบ้างก็ช่วงที่ต้องการตอบสนองของพวงมาลัยที่สปอร์ตขึ้น เหมาะกับการเลื้อยไปมามากกว่า

อัตราเร่งระดับ 11.5 วินาที ก็ถือว่ารวดเร็ว ขณะที่อัตราเร่งช่วงกลางทำได้ดี โดยไม่ต้องกดน้ำหนักคันเร่งมากมายนัก ส่งผลให้มันคล่องตัวมากกับเส้นทางในเมืองหรือช่วงที่รถหนาแน่น และไม่เป็นระเบียบ หรือเส้นทาง 2 เลน ส่วนทางที่ต้องอาศัยกำลังเครื่องยนต์ให้นำพารถไปอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว

ผมเลือกเส้นทางทดสอบทั้งในกรุงเทพ ทั้งพื้นราบ ทางด่วน ออกต่างจังหวัดด้วยเส้นพระราม 2 เข้าเพชรเกษม มุ่งหน้าเพชรบุรี ก่อนกลับมาผ่านเส้นทางเล็กๆย่านแม่กลอง มุ่งหน้าปากท่อ ราชบุรี ก่อนกลับสู่ถนนใหญ่เพชรเกษมอีกครั้งที่ราชบุรี ซึ่งก็มีความหลากหลาย ทั้งทางใหญ่ ทางเล็ก ทางโค้ง ทางขรุขระ

อารมณ์ของเพซแมน ยังมีความเป็นมินิ เต็มเปี่ยม ถึงจะมีขนาดใหญ่ขึ้น สูงขึ้น แต่ความคมของรถยังไม่หายไป เล่นกับโค้งได้สนุก พวงมาลัยแม่นยำ ล้อเกาะถนนแน่นหนึบ และให้ความรู้สึกคล้ายว่าคนขับเป็นส่วนหนึ่งของตัวรถ คือรถกับคนไล่โค้งไปพร้อมๆ กัน และยังถ่ายทอดสภาพถนนได้ชัดเจน เรียบก็คือเรียบ ขรุขระก็คือขรุขระ ซึ่งตรงนี้แฟนมินิ หรือผู้ชอบการขับขี่แบบสนุกจะชอบ เพราะเหมือนดึงอารมณ์ที่คุ้นเคยมาใส่ให้รถตัวใหญ่ แต่ใครที่ชอบแบบนุ่มนวลอาจรู้สึกว่ามันกระด้างไปสักหน่อย

แต่ถ้าถามผม ผมชอบแบบนี้แหละครับ