'ประยุทธ์'ถก'ฮุนเซน'ขยายการค้า

'ประยุทธ์'ถก'ฮุนเซน'ขยายการค้า

"ประยุทธ์" หารือข้อราชการเต็มคณะกับ "สมเด็จฮุนเซน" เดินหน้าขยายความร่วมมือการค้าการลงทุนทุกด้าน

เน้นพัฒนาพื้นที่ชายแดนและเส้นทางคมนาคมร่วมกัน โดยเฉพาะเครือข่ายระบบราง ตั้ง "เวิร์คกิ้ง กรุ๊ป" ประสานงานใกล้ชิด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าหารือข้อราชการเต็มคณะกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในโอกาสเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เมื่อบ่ายวานนี้ (30 ต.ค.)

ผู้นำทั้งสองประเทศได้ร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ความสัมพันธ์ในระยะต่อไปเพื่อรักษาบรรยากาศความสัมพันธ์อันดีในปัจจุบันให้ยั่งยืน เน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและบริเวณชายแดน

โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวขอบคุณที่รัฐบาลกัมพูชาแสดงความเข้าใจและสนับสนุนรัฐบาลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย และความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชากำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดีมาก ทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์และอนาคตร่วมกัน ความร่วมมือที่ใกล้ชิดจะเป็นพลังผลักดันความรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ ไทยประสงค์เห็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับกัมพูชาที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขยายการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ชายแดน จึงให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนา โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและความเชื่อมโยงระหว่างกัน ซึ่งจะเอื้อต่อการไปมาหาสู่ระดับประชาชน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ไทยมุ่งส่งเสริมสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและพื้นที่แนวชายแดน จึงเสนอให้แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายก้าวข้ามความรู้สึกอคติต่างๆ และเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน อันจะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับความสัมพันธ์ในอนาคต

ลุยถกพัฒนาร่วมคมนาคม-ชายแดน

ผู้นำทั้งสองประเทศ ยังเห็นพ้องขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เสนอให้จัดการประชุม Annual Leaders’ Retreat และใช้กลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม (JCBD) ไทย-กัมพูชาเป็นกลไกหลัก โดยไทยพร้อมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JCBD ครั้งที่ 2 และ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอให้จัดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า เพื่อให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้หารือถึงความคืบหน้าแนวทางการผลักดันและแก้ไขอุปสรรคของความร่วมมือในการพัฒนาในพื้นที่ชายแดนต่อไป

สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งรัฐบาลไทยมีนโยบายผลักดันการพัฒนาในพื้นที่ดังกล่าว และเห็นชอบให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจเพิเศษในส่วนที่ติดกับกัมพูชาที่ จ.สระแก้ว และ จ.ตราด

ประเด็นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอให้ตั้ง working group ระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้กลไก JCBD เพื่อเร่งรัดการดำเนินการให้สอดคล้องกันทั้งสองฝ่าย รวมถึงจัดตั้งศูนย์รับซื้อผลิตผลการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนและพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษต่างๆ ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเร่งดำเนินการแล้ว และกำลังศึกษาแนวทางการดำเนินงานเร่งรัดให้หารือคณะทำงานฝ่ายกัมพูชาต่อไป

ขอกัมพูชาเร่งแก้เก็บภาษีซ้ำซ้อน

ส่วนความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันสนับสนุนภาคธุรกิจไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกัมพูชาเป็นจุดหมายสำคัญของนักธุรกิจไทยมาโดยตลอด ทั้งในแง่การเป็นตลาดสินค้าของไทย แหล่งลงทุน ฐานการผลิต แหล่งแรงงาน ตลอดจนการเป็นจุดเชื่อมทางบกไปยังภาคใต้ของเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม ไทยขอให้กัมพูชาเร่งขจัดอุปสรรคด้านกฎหมายที่ส่งผลต่อการค้าการลงทุนข้ามแดน พร้อมผลักดันให้เริ่มกระบวนการเจรจาจัดทำอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน เพื่อดึงดูดนักลงทุนไทยให้มากขึ้น

ลุยเปิดจุดผ่านแดนหนองเอี่ยน-สตึงบท

สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ผู้นำทั้งสองประเทศหารือเกี่ยวกับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท (ฝั่งไทยอยู่ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว) ซึ่งฝ่ายไทยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และการออกแบบรายละเอียดโครงการพัฒนาจุดผ่านและถนนเชื่อมต่อไปยังถนนหมายเลข 5 ซึ่งใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ และขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้เตรียมแผนสร้างถนนเชื่อมต่อมายังจุดดังกล่าว

รัฐบาลทั้งสองจะเร่งรัดให้ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมาธิการว่าด้วยการเปิดจุดผ่านแดนหนองเอี่อน-สตึงบทโดยเร็ว

ด้าน สมเด็จฮุนเซน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาต่างๆ จะดำเนินการผ่านการเจรจา เพื่อไม่ให้ปัญหาที่คั่งค้างเป็นอุปสรรคของความสัมพันธ์ โดยจะลดความไม่ลงรอยกัน เน้นความสัมพันธ์ความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ทั้งนี้ขอให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยร่วมมือกันสกัดกั้นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน

ลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ

ภายหลังการหารือทวิภาคี พล.อ.ประยุทธ์ และสมเด็จฮุนเซน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ คือ บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยการขจัดการค้าเด็กและหญิงและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมต่อเครือข่ายเส้นทางรถไฟ และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมต่อเครือข่ายเส้นทางรถไฟระหว่างสองประเทศ มีสาระสำคัญที่ทั้งสองประเทศจะสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์อาเซียนให้เอื้อต่อการขนส่งทางบกในภูมิภาค (ทั้งทางถนนและระบบราง) ให้มีประสิทธิภาพ บูรณาการความปลอดภัยและยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงทุกประเทศและประเทศคู่ค้าใกล้เคียง โดยไทยและกัมพูชาจะตั้งคณะกรรมการร่วมพัฒนาการเดินรถร่วมกัน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะไม่เกี่ยวข้องกันประเด็นด้านเขตแดนใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะมุ่งเน้นเชื่อมต่อทางคมนาคมขนส่งของสองประเทศ