เปิดแผนกู้วิกฤติ'บินไทย'

เปิดแผนกู้วิกฤติ'บินไทย'

"ประยุทธ์"ลั่นการบินไทย"ไม่ล้ม" รัฐพร้อมดูแล เห็นชอบแผนฟื้นฟู2ปี แก้ปัญหาขาดทุน สั่งปรับเที่ยวบินใหม่

ยุติบินเส้นทางขาดทุน 10% ของเที่ยวบินทั้งหมด พร้อมเตรียมขายทรัพย์สิน-เครื่องบิน 22 ลำในเดือนก.ค.นี้ ขณะ"จรัมพร"เผยปลดพนักงาน 5 พันคน หลังลดต้นทุนด้านอื่นไม่เพียงพอ

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เริ่มเดินหน้าแผนฟื้นฟู หลังจากคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เห็นชอบ โดยตั้งเป้าจะยุติการขาดทุนในปีนี้ได้ และเริ่มกลับมาเติบโตได้ในปี 2560

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) วานนี้(26 ม.ค.) ว่า คนร.เห็นชอบในหลักการแผนฟื้นฟูการบินไทย และได้สั่งการให้ไปทำต่อโดยส่วนที่ต้องแก้ไขต้องลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ลดเส้นทางที่ไม่คุ้มค่าลง ต้องตัดสินทรัพย์จำหน่ายขายทิ้งออกไปเพื่อปรับลดรายจ่ายเพราะตอนนี้ธุรกิจการบินมีการแข่งขันกันสูงมาก

"ที่บอกว่าขาดทุนจนต้องประกาศล้มละลาย ยืนยันว่าการบินไทยไม่ล้ม จะล้มได้ไงรัฐดูแลอยู่ แต่ที่ต้องให้ทำคือปรับลดรายจ่ายและให้สามารถมีรายได้เพิ่ม การบินมันเคลื่อนไหวทุกนาที ที่เข้าไปประเมินตรวจสอบไม่ใช่ผมคิดเอง แต่มีคณะกรรมการภายนอกเข้าไปตรวจสอบ และนำว่าต้องปรับเรื่องบริหารจัดการ เรื่องพนักงาน เรื่องรายได้ เจ้าหน้าที่ ในเรื่องของสินทรัพย์ เส้นทางบิน ทุกอย่างต้องปรับหมด ส่วนที่จะขายทรัพย์สินก็ขายบางส่วน ไม่ได้ขายทั้งหมดเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งาน แต่อันนี้ก็ต้องขาย ไม่ใช่ว่าไปผ่านส่วนต่าง อยากจะซื้อก็ติดต่อมา จะเข้าเว็บไซต์ ให้เป็นธรรมมากที่สุด”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าคนร.เห็นชอบแผนฟื้นฟูของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน ) โดยแผนฟื้นฟูของการบินไทยมี 5 ประเด็นหลัก คือ

1. การปรับเส้นทางบิน จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ เส้นทางบินที่ขาดทุนอย่างแน่นอน และขาดทุนอย่างต่อเนื่องจะให้หยุดบินไปก่อนและใช้เวลา 6 เดือน 12 เดือน และ 18 เดือนในการพิจารณาที่จะกลับมาฟื้นฟูการบินอีกครั้ง ส่วนเส้นทางที่ขาดทุนแต่มีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้ ให้พิจารณาปรับลดจำนวนเที่ยวบินลง และให้ฟื้นฟูกลับมาภายใน 6 - 12 เดือน

สำหรับเส้นทางที่พอมีกำไร ให้พัฒนาและเพิ่มการบริการ โดยเน้นการเชื่อมต่อเส้นทางบินเพื่อมิให้ขาดช่วงโดยเฉพาะในส่วนของ 2 กลุ่มแรกที่มีการหยุดบินและลดจำนวนเที่ยวบินจะต้องมีการดำเนินเพื่อมิให้ผู้โดยสารไม่ได้รับผลกระทบ

2. การปรับแผนการตลาด โดยจะเน้นการปรับกลยุทธ์ในการขายตั๋วให้เพิ่มสัดส่วนการขายตั๋วผ่านระบบออนไลน์ และการจำหน่ายตั๋วเอง รวมทั้งการขยายเครือข่ายการขายตั๋วให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้มากขึ้น

3.แผนการขายทรัพย์สินและอากาศยานที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ปลดระวางเครื่องบิน 22 ลำเพราะมีการปรับลดและเลิกเส้นทางบินจึงต้องปรับลดจำนวนเครื่องบินให้เหมาะสมด้วย ดังนั้นเครื่องบินที่ไม่เหมาะสมหรือสิ้น เปลืองน้ำมันก็ต้องปลดระวาง หรือดำเนินการขายทิ้ง เพื่อช่วยลดภาระด้านการซ่อมบำรุงและค่าจอดต่างๆ

4. ปรับโครงสร้างอัตรากำลัง ตามแผนจะปรับลดพนักงานจากปัจจุบัน 2.5 หมื่นคน ปรับลด 5 พันคน ให้เหลือ 2 หมื่นคน แต่ยังไม่กำหนดช่วงเวลา ซึ่งจะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับแผนการเกษียณก่อนกำหนดและแผนสมัครใจลาออกด้วย

5. ปรับปรุงพัฒนากิจการที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของการบินไทย (Non -Core) เช่น กิจการโรงแรม กิจการขนส่งน้ำมัน เป็นต้น จะต้องไปพิจารณาว่าส่วนใดจะโอนออกไป หรือขายกิจการ จะไปพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง

สั่งเจรจายืดเวลาส่งมอบเครื่องบิน

"การให้การบินไทยกลับมามีกำไรได้ต้องตัดในส่วนที่ทำให้ติดลบมากๆ ออกไปก่อน เช่น เคยลงทุน 2 แสนล้านต่อปี อาจลดลงเหลือ 1.5 แสนล้านบาท ส่วนแผนการรับมอบเครื่องบินใหม่และการชำระหนี้เครื่องบินนั้นก็ให้มีการเจรจาเพื่อขอยืดเวลาการรับมอบและการชำระหนี้ออกไป แต่ไม่ได้ยกเลิกแผนการสั่งซื้อเครื่องบิน “ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า

อย่างไรก็ตามภายในเดือน ก.พ.นี้ จะเริ่มใช้มาตรการเหล่านี้ได้ทันที เป็นไปตามอำนาจของฝ่ายบริหารและบอร์ดการบินไทย ส่วนการปรับลดหรือยกเลิกเส้นทางบิน หรือการขายตั๋วนั้นฝ่ายบริหารสามารถดำเนินการได้ทันที แต่แผนที่จะต้องมีการใช้งบประมาณจะต้องเสนอขออนุมัติจาก ครม. เช่น การปรับลดบุคลากร ต้องเสนอ ครม.ก่อน

สำหรับการขายสินทรัพย์ของการบินไทยมี 2 ส่วน คือ การขายเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งาน กับการขายที่ดิน หรืออาคารหากพิจารณาว่า ไม่ได้มีการใช้งาน รวมทั้งกิจการบางส่วนด้วย รายละเอียดฝ่ายบริหารจะไปพิจารณาอาคารสำนักงานหรือที่พักในต่างประเทศนั้น ดีดีการบินไทย (นายจรัมพร โชติกเสถียร) แจ้งว่าข้อมูลยังไม่พร้อมขอกลับไปพิจารณาและจำนำมาเสนอ คนร.ในครั้งต่อไป “ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า

บินไทยคาดปีนี้หยุดขาดทุนได้

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง 5 ไตรมาส และผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุด ก.ย. 2557 ขาดทุน 9,210.73 ล้านบาทนั้น บริษัทฯจึงได้จัดทำแผนปฏิรูปองค์กร โดยคณะกรรมการบริษัทฯได้ผ่านความเห็นชอบแผนปฏิรูปดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2558 และบริษัทฯ ได้เสนอแผนให้คนร.เห็นชอบ

สาระสำคัญในแผนปฏิรูปฉบับนี้ ครอบคลุมสภาพ ปัญหาขององค์กร กลยุทธ์และแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์ กรอบเวลาในการดำเนินการ ตัวชี้วัดผลการดำเนินการและการจัดหาเงินทุนในการดำเนินการ ขั้นตอนในการปฏิรูปการบินไทย มี 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก ลดการขาดทุนให้ได้โดยเร็ว โดยยกเลิกเส้นทางที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องและไม่มีศักยภาพในการทำกำไร และเร่งสร้างรายได้เพิ่มจากเส้นทางที่มี การบินไทยมีความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงการหารายได้เสริม ขั้นตอนที่สอง สร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขัน โดยเสริมสร้างสมรรถนะของการบินไทย

ในด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และบุคลากร ปรับปรุงประสิทธิภาพ ในการหารายได้ บริหารต้นทุน รวมถึงยกระดับการให้บริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ การบินไทย

จะยังคงให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Services) และยังคงจุดยืนที่จะเป็น First Choice Carrier with Touches of THAI ส่วนขั้นตอนที่สาม เป็นการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างมีกำไรในระยะยาวโดยใช้จุดแข็งขององค์กรเป็นหลักในการเติบโต

ทั้งนี้ การปฏิรูปตามขั้นตอนดังกล่าว ขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์หลัก 6 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. การปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางบิน (Network Strategy) 2. การปรับปรุงฝูงบิน (Fleet Strategy) 3. การพาณิชย์ (Commercial Strategy) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหารายได้เพิ่มขึ้น 4. การปรับปรุงการปฏิบัติการและต้นทุน (Operations & Cost Strategy) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพตามมาตรฐานสากล รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย 5. การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร (Organization Strategy) 6. การจัดการกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ (Portfolio Strategy) อย่างเป็นระบบ กำหนดธุรกิจหลัก(Core Business) และธุรกิจสนับสนุน (Non-core Business) ให้ชัดเจน

แผน2ปีกลับมาเติบโตในปี 2560

นายจรัมพร กล่าวว่าแผนปฏิรูปการบินไทยที่ผ่านการพิจารณาของ คนร.ครั้งนี้ เป็นแผนระยะ 2 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2559 โดยมั่นใจจากแผนปฏิรูปฟื้นฟูครั้งนี้จะช่วยให้ในปี 2558 สามารถหยุดขาดทุนอย่างแน่นอน ก่อนกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืนในปี 2560

"ปีนี้ รายได้ไม่ถึง 2 แสนล้านบาท แต่จะหยุดขาดทุนได้อย่างแน่นอน"

สำหรับเรื่องการปรับลดพนักงาน 5,000 คน เรื่องนี้จะให้ความสำคัญการลดต้นทุนการบริหารงานค่าใช้จ่ายด้านอื่นก่อน หากไม่เพียงพอ ถึงจะพิจารณาปรับลดพนักงาน แต่ในส่วนการปรับลดพนักงานจะต้องมีอีกหลายขั้นตอน

สำหรับขั้นตอนการปฏิรูปการบินไทย หลังจากนี้มี 3 ขั้นตอน 6 กลยุทธ์ ประกอบด้วย ขั้นตอนแรกลดการขาดทุนให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยปีนี้มีแผนยกเลิกเส้นทาง ลดความถี่เที่ยวบินที่ขาดทุนต่อเนื่องและไม่มีศักยภาพทำกำไร ประมาณ 10% ของเที่ยวบินทั้งหมด เช่น ยกเลิกเที่ยวภูเก็ต -กรุงโซล กรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้

"เที่ยวบินสุราษฎร์ธานี อุดรธานี อุบลราชธานีจะลดความถี่ลงและให้สายการบินไทยสมายล์บินแทน พร้อมกับเร่งสร้างรายได้จากเส้นทางที่ได้เปรียบ"

ขายเครื่องบินปีนี้22ลำ

นายจรัมพร กล่าวอีกการขายทรัพย์สินจะพิจารณาขายเครื่องบินก่อน 22 ลำ ภายในเดือนก.ค.นี้ จากทั้งหมด 102 ลำ ส่วนทรัพย์สินอื่น เช่น บ้านพัก และสำนักงานต่างประเทศ ก็ต้องประเมินอีกครั้ง ขณะที่ธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจการบินไทย เช่น หุ้นโรงแรม จะต้องพิจารณาอีกครั้ง ถ้าไม่สามารถบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพก็อาจต้องขาย

"หลังจากนี้จะไปจัดทำแผนบริหารทรัพย์สินเพื่อดูทรัพย์สินส่วนไหนมีศักยภาพ มีผลตอบแทนดีจะเก็บไว้ แต่ถ้าไม่ดีก็จะขายทิ้ง อย่างไรก็ตามเท่าที่ดูปีนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องขายธุรกิจนอกเหนือจากการขายเครื่องบิน"

ราคาหุ้นบริษัทการบินไทย (THAI) ปิดตลาดวานนี้(26 ม.ค.) ลดลง 0.80 บาท หรือ 5.10% อยู่ที่ 14.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 154.81 ล้านบาท

จ่อขายหุ้นนอกแอร์-บาฟส์-โรงแรม

แหล่งข่าวจากการบินไทย เปิดเผยว่า การยกเลิกเส้นทางบินที่ไม่ทำกำไร คือกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก ซึ่งยกเลิกให้บริการไปเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-มาดริด และกรุงเทพฯ-มอสโก ตั้งเป้าจะยกเลิกให้บริการในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ขณะที่เส้นทางกรุงเทพฯ-ลอสแองเจลิส มีแนวโน้มว่าต้องยกเลิกให้บริการเช่นกัน

สำหรับเส้นทางที่ต้องพิจารณาว่าจะยกเลิกหรือจะให้บริการต่อไป เพราะเป็นเส้นทางที่ไม่ทำกำไรแต่ยังมีศักยภาพ โดยจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 เช่น กรุงเทพฯ-โรม กรุงเทพฯ-มิลาน กรุงเทพฯ-บรัสเซลส์ กรุงเทพฯ-บริสเบน กรุงเทพฯ-ซัปโปโร กรุงเทพ-โคลัมโบ กรุงเทพฯ-เดนปาซาร์ กรุงเทพฯ-ไฮเดอราบัด

แผนฟื้นฟูของการบินไทยยังระบุว่า จะปรับปรุงฝูงบินให้มีความเหมาะสม โดยปีนี้มีแผนขายเครื่องบินเก่ารวม 28 ลำ และปลดระวางเครื่องบินโบอิง 747-400 และแอร์บัส เอ 340-600 รวม 14 ลำ และจะลดแบบเครื่องบินเหลือ 8 แบบ จาก 11 แบบ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลและการซ่อมบำรุง

นอกจากนั้น การบินไทยยังมีแผนขายหุ้นในสายการบินนกแอร์ ที่ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 39% ขายหุ้นในบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือบาฟส์ที่ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 22.59% ขายหุ้นในโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิที่ถืออยู่ 30% รวมทั้งขายหุ้นในโรงแรมอมารีแอร์พอร์ตและโรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน เพื่อเป็นการจัดกลุ่มธุรกิจให้เหมาะสม