คาดหุ้นแกว่งกรอบแคบรอผล'เฟด'

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าว่า บรรยากาศการลงทุนช่วงต้นสัปดาห์อาจจะมีการซื้อ-ขายที่เบาบาง เนื่องจากรอความชัดเจนของผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด

โดยปัจจัยที่ต้องติดตามมี 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.ผลการประชุมเฟด ในวันที่ 28-29 ต.ค. 2.ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 3/57 ของกลุ่มเรียล เซคเตอร์ (Real Sector หรือ ภาคการผลิตที่แท้จริง) ทั้งในและต่างประเทศ 3.ทิศทางฟันด์โฟลว์ ซึ่งจะไหลเข้ามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับผลประกอบการ บจ. ขณะที่ช่วงปลายปียังมีประเด็นให้ติดตาม คือ แรงซื้อของแอลทีเอฟ (กองทุนหุ้นระยะยาว) ที่จะเข้าซื้อมากช่วงปลายปี จากสถิติให้ตัวเลขไว้ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ให้กรอบดัชนีแนวรับอยู่ที่ 1,520 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,550-1,555 จุด โดยดัชนียังคงอยู่ในช่วงของการพักฐาน

กลยุทธ์การลงทุน แนะจับตาผลประกอบการของกลุ่มเรียล เซคเตอร์ คาดว่าน่าจะมีตัวเลขออกมาดี ในกลุ่มสื่อสาร ADVANC-INTUCH-THCOM และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ QH- PS- SPALI ส่วนตัวเลขที่คาดว่าจะออกมาชะลอตัว คือ กลุ่มยานยนต์

ขณะที่ นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีซีมิโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าคาดว่าจะแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ นักลงทุนต่างจับตารอดูผลประชุมเฟดต่อท่าทีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งแต่เดิมคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นช่วงกลางปีหน้า แต่หากผลการประชุมรอบนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้เดิม อาจทำให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับ เป็นปัจจัยลบต่อหุ้นไทย

แต่ในทางตรงกันข้าม หากขยายเวลาการปรับขึ้นออกไป ก็จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อหุ้นไทย

ส่วนการยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ คิวอี นั้น คาดว่าคงจะยุติตามแผนเดิม อาจจะมีความหวังบ้างที่จะยืดเวลาออกไป ขณะที่ฝั่งยุโรป คาดว่าคงจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนออกมาแน่นอน