จีแคปเอ็นพีแอลพุ่ง11%ชี้'หุ้นใหญ่'ถือระยะยาว

จีแคปเอ็นพีแอลพุ่ง11%ชี้'หุ้นใหญ่'ถือระยะยาว

"จีแคป"รับเอ็นพีแอลไตรมาส3พุ่งทะลุ11%หลังไตรมาส2 อยู่ที่11% ผลจากเข้าช่วงโลว์ซีซันธุรกิจ ชี้หุ้นใหญ่ถือระยะยาว

นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จี แคปปิตอล ผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 11% สาเหตุจากเข้าสู่ฤดูฝนและการหายไปของโครงการรับจำนำข้าว แต่เชื่อว่าทั้งปีจะสามารถควบคุมหนี้เสียไม่ให้เกิน7%ได้

"ในไตรมาส 2 เอ็นพีแอลเราเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 11% และจะสูงสุดในไตรมาส 3 มีแนวโน้มจะสูงกว่า 11% เป็นช่วงที่สูงที่สุด ซึ่งเรายังไม่สามารถบอกได้ว่า เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นไปที่เท่าใด แต่เฉลี่ยทั้งปีมองว่า จะสามารถควบคุมหนี้เสียไม่ให้เกิน 7%"

เขากล่าวว่า โดยหนี้เสียที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝนที่ถือว่าเป็นช่วงโลว์ซีซันทางธุรกิจ ประกอบกับการจ่ายเงินรับจำนำข้าวมีความล่าช้า และมีการยกเลิกโครงการดังกล่าวไป แต่เรายังมีมุมมองที่ดีเพราะกว่า 60% ของลูกหนี้เอ็นพีแอล ยังมีการผ่อนชำระอยู่ แต่อาจมีการล่าช้าออกไปบ้าง บริษัทได้ดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ใกล้ชิด โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจเยี่ยมถึงบ้านลูกค้าตรวจสอบศักยภาพของลูกหนี้ว่า ยังสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ เพื่อปรับการชำระหนี้ให้เหมาะสม ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรอง 2.5% ของมูลหนี้ทั้งหมด

"มองว่าระดับปัจจุบัน ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ช่วงไตรมาส 4 ที่ถือว่าเป็นไฮซีซันของธุรกิจ จากการเข้าสู่ฤดูการทำนาปี สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ แม้จะมีภาวการณ์ต่างๆ เข้ามากระทบบริษัท แต่บริษัทยังมีมุมมองดีว่า น่าจะมีการเติบโตของรายได้ที่ระดับ 15-20% เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ได้"

ทั้งนี้ในครึ่งปีหลังบริษัทจะดำเนินการออกสินเชื่อรถเกี่ยวนวดข้าวมือ 2 เพราะตลาดดังกล่าวยังไม่มีผู้ประกอบการเข้าทำธุรกิจ มีมูลค่าการตลาดรวมประมาณ 200-300 ล้านบาท โดยช่วงต้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำสัญญากับบริษัทในนามีข้าว เพื่อปล่อยสินเชื่อรถมือ 2 จุดเด่นของสินเชื่อรถเกี่ยวนวดข้าวมือ 2 นั้นมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่ารถมือหนึ่งที่ 0.50%

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาออกสินเชื่อระยะสั้น เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้มีเงินสดในการทำธุรกิจโดยเน้นลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดีด้วย รวมถึงบริษัทได้มีการออกหุ้นกู้เพื่อรองรับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อในอนาคต โดยจะออกหุ้นกู้ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ระยะ 1 ปี 6 เดือน จำนวน 300 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.2 % คาดว่าจะออกจำหน่ายได้ในต้นเดือน ต.ค.

สำหรับการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 2 ราย มองว่า จะเกิดจากการหมดระยะเวลาห้ามผู้ถือหุ้นใหญ่ซื้อขายหุ้น เดิมกำหนดไว้หลังการเข้าทำการซื้อขายหุุ้นจะไม่สามารถขายหุ้นได้ในระยะเวลา 6 เดือน เมื่อพ้นเวลาดังกล่าว จะสามารถขายหุ้นออกได้ 1 ใน 4 ที่ถืออยู่ ซึ่งกองทุน ส่วนบุคคลธนาคารออมสินโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กองทุน ส่วนบุคคล United Overseas Bank Limited โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด มีการขายออกมาบางส่วน

"เรามองว่า เป็นการบริหารเงินกองทุนแต่ละกองทุน ปัจจุบันทั้งสองกองทุนถือหุ้นกองทุนละ 7.99% ส่วนบริษัทสองน้ำ มีการขายหุ้นออกมาบ้าง และปัจจุบันถือหุ้นอยู่ที่ 30.25% ซึ่งในส่วนของบริษัท สองน้ำ มีนโยบายจะถือหุ้นของบริษัทไม่ต่ำกว่า 30%"