รวบหม่องแจ้งความเท็จหวังผลัดจ่ายเงินกู้รายวัน

รวบหม่องแจ้งความเท็จหวังผลัดจ่ายเงินกู้รายวัน

ตำรวจ รวบหม่องแจ้งความเท็จ อ้างถูกอุ้มรีดสูญเสียทรัพย์สินกว่า 30,000 บาท หวังนำใบแจ้งความผลัดจ่ายเงินกู้รายวัน

ที่ สน.สำเหร่ พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 พ.ต.อ.สุรวุฒิ แสงรุ่งเรือง ผกก.สน.สำเหร่ พ.ต.ท.ภัสพงษ์ บุตรไทย รอง ผกก.สส. สน.สำเหร่ และ พ.ต.ท.สายชล ปัญจชัย สว.สส.สน.สำเหร่ แถลงข่าวจับกุมนายหม่องเอ (Maung Aye) อายุ 38 ปี สัญชาติพม่า ผู้ต้องหาแจ้งความเท็จ โดยจับกุมตัวได้ขณะเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ ว่าถูกคนร้ายอุ้มขึ้นรถไปรีดชิงทรัพย์เงินสด จำนวน 30,000 บาท โดยเจตนาจะนำใบแจ้งความไปผลัดผ่อนหนี้เงินกู้ที่หยิบยืมมาจากนายทุนรายวัน

พล.ต.ต.รัษฎากร กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก นายหม่องเอ ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ ว่า ถูกคนร้าย 3 คน ใช้อาวุธปืนจี้และใช้ถุงคลุมศีรษะบังคับขึ้นรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น สีบรอนซ์เงิน ขณะเดินทางมารับเงินสด จำนวน 30,000 บาท ที่หยิบยืมจากเพื่อนบริเวณหน้าร้านอาหารสุธัญทิพย์ ปากซอยเจริญนคร 36 แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กทม.ก่อนที่คนร้ายทั้ง 3 คน จะชิงเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้วถีบลงจากรถ โดย นายหม่องเอ เตรียมเอกสารการตรวจร่างกายจากแพทย์ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เข้ามาเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความด้วย แต่เมื่อฝ่ายสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านอาหารดังกล่าว ซึ่งมีอยู่ถึง 2 ตัว ปรากฏว่า ในห้วงเวลาตั้งแต่เช้ามืดจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่พบภาพเหตุการณ์แต่อย่างใด ทำให้ นายหม่องเอ ยอมจำนนรับสารภาพว่าเตรียมหลักฐานแต่งเรื่องมาแจ้งความเท็จเพื่อต้องการนำใบแจ้งความไปผลัดผ่อนชำระหนี้เงินกู้นายทุนรายวันเท่านั้น จึงคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวน นายหม่องเอ ให้การรับสารภาพว่า เข้ามาทำงานเย็บผ้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายในบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 3 นานหลายปีแล้ว โดยได้รับเงินเดือนประมาณเดือนละ 10,000 บาท แต่ด้วยความที่ระยะหลังแม่ตนป่วยเป็นมะเร็งและเบาหวานต้องส่งเงินค่ารักษากลับไปประเทศพม่าสูงถึงเดือนละ 12,000 บาท ทำให้เงินไม่พอใช้ต้องหันไปหยิบยืมจากนายทุนเงินกู้ชาวพม่าด้วยกัน กระทั่งถึงเวลาชำระเงินแล้วหาทางออกไม่ได้ จึงเดินทางเข้าพบแพทย์ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ตามสิทธิ์ประกันสังคมอ้างว่าถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกาย โดยถูกถีบแผ่นหลังตกจากรถ และแพทย์ก็ออกใบรับรองให้จนเป็นหลักฐานเดินทางมาแจ้งความเท็จและถูกสอบเค้นก่อนถูกดำเนินคดีได้ดังกล่าว

ด้าน พ.ต.ท.สายชล กล่าวว่า หลังจาก นายหม่องเอ นำใบรับรองจากแพทย์เดินทางมาแจ้งความเมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา ทำให้ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจต้องระดมกำลังช่วยกันไล่ตรวจกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียง ตามคำให้การของนายหม่องเอ ตลอดทั้งวัน เนื่องจากเหตุอุ้มขึ้นรถรีดชิงทรัพย์นั้นถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจอีกทั้งนายหม่องเอ ยังเป็นชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อสอบเค้นไปแล้วปรากฏว่าเป็นการแจ้งความเท็จ จึงดำเนินการตามกฎหมายและส่งตัวฟ้องศาลเพื่อผลักดันกลับประเทศบ้านเกิดต่อไป