Girls Don’t Cry ไม่ใช่ทุกคนที่ร้องไห้

Girls Don’t Cry ไม่ใช่ทุกคนที่ร้องไห้

(รีวิวไม่สปอยล์) นี่เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดวลี “อย่าสปอยล์” ขึ้นตั้งแต่ยังไม่เข้าโรง

อาจเพราะคุณสมบัติที่ว่าหนังอาจสนุก อาจมีปมบางอย่างที่คาดเดาไม่ได้ อาจมีหักมุมในตอนจบ ฯลฯ และหนึ่งในนั้นอาจเพราะเป็นหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับสมาชิกวงไอดอลหญิงที่มาแรงที่สุดแห่งยุค BNK48 และผู้กำกับคือ เต๋อ - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ชื่อชั้นของหนังจึงน่าจะ ‘มีอะไร’ จนหลายคนอยากดูด้วยตาตัวเอง

ตั้งแต่ชื่อเรื่องและตัวอย่างหนังที่ปล่อยมา นอกจากเรียกเสียงฮือฮาให้เหล่าโอตะและคนที่กำลังแอบสังเกตการณ์ไอดอลกลุ่มนี้อยู่ห่างๆ สิ่งหนึ่งซึ่งหลายคนตั้งตารอคือน้ำตาเป็นถังที่ต้องท่วมจอและท่วมโรงเป็นแน่

แต่ในหนัง เรื่องดราม่ากลับไม่ใช่แกนหลัก และแน่นอนว่าความน่ารักสดใสที่เห็นเป็นฉากหน้าเมื่อ BNK48 ขึ้นแสดงหรือออกสื่อก็ไม่ใช่สิ่งที่หนังดึงมาเป็นจุดขาย ในทางกลับกันหนังกำลังเล่าเรื่องอีกด้านที่หากไม่ใช่เมมเบอร์ ไม่ใช่ต้นสังกัด ไม่ใช่ครูสอนร้องสอนเต้น ไม่ใช่ทีมงาน ไม่ใช่คนที่คลุกวงในจริงๆ อาจจะไม่รู้มาก่อน บางอย่างทำให้แม้แต่คนที่ติดตามวงนี้มาตั้งแต่เริ่มก็เพิ่งจะได้รู้จากหนัง

แต่ใช่ว่าจะมีแค่เรื่องใหม่ๆ เพราะเกือบครึ่งเรื่อง (หรืออย่างน้อยก็เศษหนึ่งส่วนสี่) เป็นภาพที่เคยเห็นได้ในรายการ BNK Senpai ในช่วงโปรโมทวง แต่ด้วยการตัดสลับ จัดวาง ตามแบบฉบับเต๋อ นวพล ทำให้การนั่งดูเด็กสาว 26 คน ตอบคำถามต่อหน้ากล้องกันยาวๆ กลับไม่น่าเบื่อเลย

เรื่องการใช้วิธีสัมภาษณ์ ถาม-ตอบ แบบนี้น่าสนใจ แม้ทีมงานจะเข้าไปคลุกคลีและถ่ายทำหลายช่วงเวลาทั้งเบื้องหลัง เบื้องลึก แต่สิ่งที่จะบอกความเป็นตัวเอง บอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเมมเบอร์ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่เมมเบอร์ได้มาเล่าเอง

ก่อนดูหนังเรื่องนี้ ธงแรกที่ตั้งคือ เราจะเกลียดเมมเบอร์คนไหนหรือเปล่า เพราะตัวอย่างหนังที่ดึงบางประเด็นมาชวนให้แอบคิดว่าด้านมืดของ BNK48 ช่างน่ากลัว การแข่งขัน ฆ่าฟัน จะทำให้ทัศนคติต่อเด็กกลุ่มนี้เปลี่ยนไปคนละขั้ว

ต้องยอมรับว่าหนังได้ดึงบางแง่มุมของเมมเบอร์บางคนออกมาขยี้ได้ลึก เป็นการขยายสิ่งที่แฟนๆ ได้รู้อยู่บ้าง แต่ไม่เคยรู้ลึกขนาดนี้ อย่างกรณี ‘จิ๊บ BNK48’ ที่อยู่ในตำแหน่งอันเดอร์เกิร์ลมาตลอด ทั้งที่เป็นเมมเบอร์ที่มีความพยายามมากไม่แพ้ใครในวง ที่สำคัญจิ๊บมีความสามารถการร้องเพลงในขั้นดี เต้นก็ดี แต่หลายปัจจัยทำให้เธอยังไม่ได้รับโอกาสติดเซ็มบัตสึ (ตัวจริงในแต่ละซิงเกิล) ความคิดที่จะประกาศจบการศึกษา (ลาออกจากวง) มีขึ้นกับหลายคนรวมถึงจิ๊บ แต่บางอย่างทำให้เธอยังสู้ต่อ แม้จะเป็นผู้รั้งท้ายในความหมายของการติดเซ็มบัตสึก็ตาม ความในใจจากอันเดอร์เกิร์ลเพิ่งเคยถูกสะท้อนอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ผ่านสื่อ แต่อีกด้านก็มีเสียงสะท้อนจากคนบนยอดเขาของความสำเร็จด้วย

‘เฌอปราง BNK48’ เป็นเมมเบอร์คนหนึ่งที่มีแอร์ไทม์ค่อนข้างมากในหนัง เชื่อว่าไม่ใช่เพราะความเป็นกัปตันหรือความเป็นท็อปเมมเบอร์ที่เรียกแอร์ไทม์ได้ แต่คือสิ่งที่ ‘คนข้างบน’ เผชิญมาตลอด ตั้งแต่แรงกดดัน, ความคาดหวัง, การวางตัว, การแข่งขัน และอีกสารพัดที่หลายคนมองไม่เห็นนอกจากภาพของเมมเบอร์ที่ประสบความสำเร็จ

เหมือนจะเป็นหนังที่ขายดราม่า แต่ถ้าใครรอคอยน้ำตาของเด็กกลุ่มนี้ บอกเลยว่าไม่ใช่ทุกคนที่ร้องไห้ แต่เมื่อน้ำตาหยดแรกไหลออกมาจากเมมเบอร์คนหนึ่ง แล้วตามมาด้วยอีกหลายคน ก็เป็นช่วงเวลาที่คนดูต้องกลั้นน้ำตาไว้เหมือนกัน

ช่วงเศร้าและซึ้งของหนังเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากน้ำตาของเมมเบอร์เพียงอย่างเดียว แค่เรื่องราวที่พวกเธอพบเจอ บางเรื่องก็ทำให้มือที่กำลังหยิบป็อปคอร์นเข้าปากต้องหยุดชะงัก พร้อมกับหัวใจที่สั่นไหว เด็กตัวแค่นี้ ต้องเจอสถานการณ์ขนาดนี้เชียวหรือ แต่นั่นก็เป็นเส้นทางที่พวกเธอเลือกแล้ว

อย่างที่บอกไปว่าหนังไม่ได้มีแค่เรื่องเศร้า และเป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังพยายามบอกว่ามีตัวละครหนึ่งคอยเบรกอารมณ์ให้หนังที่ขึ้นชื่อว่าต้องมีน้ำตา มีอารมณ์ขันเป็นสีสันบ้าง เพื่อไม่เป็นการสปอยล์หนัง จะบอกแค่ว่า ปูเป้ BNK48 มาเหนือชั้นกว่าที่เห็นในตัวอย่างหนังหลายเท่า ทั้งจังหวะ ความเป็นธรรมชาติ ทัศนคติ มั่นใจว่าในงานจับมือครั้งล่าสุด แถวของสาวเชียงรายคนนี้ต้องยาวกว่าเดิมหลายเท่าแน่นอน (เขียนในวันก่อนมีงานจับมือวันที่ 18-19 ส.ค.2561)

ข้อดีอย่างหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือผู้กำกับให้ความสำคัญกับเมมเบอร์โดยไม่อ้างอิงกับความนิยม แต่เล่นกับปมของแต่ละคน ยิ่งใครมีปมที่น่าเล่นก็จะถูกนำมาขยาย ทำให้เหล่าอันเดอร์เกิร์ลมีปากมีเสียงมากกว่าที่เคยมีมาในทุกๆ สื่อ และนี่ก็ทำให้คนดูได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้ว เด็กที่ไม่ถูกเลือกอาจมีแง่มุม ความสามารถ ความพยายาม และความคิดที่น่าทึ่งอีกมากมาย

จังหวะของหนังเป็นอีกจุดแข็งในหนังของเต๋อเสมอมา รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ถูกหยิบมาใส่ในจังหวะที่เหมาะสมตลอดทั้งเรื่อง และแน่นอนว่าหนังของผู้กำกับคนนี้ยังรักษามาตรฐานตอนจบได้อย่างไว้ลาย ถึงแม้จะถูก ‘น้ำใส BNK48’ ดักคอไว้ตั้งแต่ในเรื่องแล้วว่า ไม่ชอบหนังที่ตัดจบแบบให้กลับไปคิดเอง อาจไม่ตัดฉับเดียวอย่างกับฟิล์มขาดเหมือนหนังอาร์ตฝรั่งเศส แต่ก็ทิ้งปมให้คนดูได้อยู่ดี

จากความกังวลแรกที่กลัวว่าเราจะเกลียดเมมเบอร์คนใดที่ต้องเห็นอีกด้านอย่างที่ มิวสิค BNK48 กล่าวไว้ว่า ‘ดาร์ค’ ซึ่งก็มีด้านที่ไม่คาดคิดอยู่เยอะจริงๆ แต่น่าประหลาดใจว่า แม้ไม่ใช่ BNK48 ที่น่ารักคาวาอี้ เรากลับรักเมมเบอร์เหล่านี้มากกว่าเดิม แถมยังกระจายความชื่นชอบนี้ไปได้จนครบทุกคนจนลืมไปเลยว่าเราเคยโอชิใคร

2561_08_16_1

2561_08_16_2

2561_08_16_3

2561_08_16_4

2561_08_16_6