"ปฏิทินความสุข" ที่จะพาเราไปเข้าใจตัวเองด้วยการระบายสี
ลืมการท่องสีประจำวันแบบเดิมๆ ไปก่อน เพราะเรื่องของ ‘สี’ ที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ คือ สีที่สะท้อนความรู้สึกของเราในแต่ละวันซึ่งถูกระบายลงไปบนปฏิทิน
ขอเวลาสัก 1-2 นาที.. พอจะได้ไหม? ถ้าใครเดินมาถามคุณแบบนี้ เชื่อว่า หลายคนอาจตอบว่า “ได้”
แต่ถ้าถามใหม่ว่า ขอเวลาให้ “ตัวคุณเอง” สัก 1-2 นาทีจะได้ไหม ? ไม่ต้องตอบออกมาดังๆ ก็ได้ แค่คิดไว้ในใจแล้วอ่านบรรทัดต่อไปก็พอ..
ขอให้ลืมการท่องสีประจำวันแบบเดิมๆ ไปก่อน เพราะเรื่องของ ‘สี’ ที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ คือ สีที่สะท้อนความรู้สึกของเราในแต่ละวันซึ่งถูกระบายลงไปบนปฏิทิน
‘ปฏิทิน’ ที่ไม่ได้บอกวันหยุด วันสำคัญ หรือวันเงินเดือนออก แต่มันกำลังรอที่จะบอกว่า ชีวิตของคุณมีความสุข หรือความทุกข์ มีความโกรธหรือความเศร้า แม้แต่มีความรัก หรือแค่วันที่เฉยๆ ฯลฯ ซึ่งไม่มีใครบอกได้ นอกจากตัวคุณเอง..
‘จุดประกาย’ ชวนไปสนทนากับทีมงาน ‘ชูใจ’ ครีเอทีฟเอเยนซี ผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจค ‘ปฏิทินความสุข’ ซึ่งทำออกแจกและหมดไปอย่างรวดเร็ว จนตอนหลังทีมงานได้เปิดให้ผู้ต้องการดาวน์โหลดไฟล์ไปปรินท์ได้ด้วยตัวเอง (ดาวน์โหลดปฏิทินความสุขได้ที่นี่) เพื่อชักชวนทุกคนมาร่วมกันทบทวนตัวเองในปี 2562 นี้ว่า แต่ละวันของคุณเป็นอย่างไร ด้วยการเลือกมาหนึ่งสีและระบายลงไป
สีส้ม สำหรับวันที่สนุก สดใส ร่าเริง เบิกบาน, สีชมพู เมื่อรู้สึกรัก อบอุ่น อิ่มเอิบ, สีเขียว สะท้อนถึงความสบายใจ ผ่อนคลาย, สีเหลือง ที่รู้สึกเฉยๆ ปกติ ธรรมดา
สีน้ำเงิน สำหรับวันที่รู้สึกเบื่อ เซ็ง ส่วน สีม่วง ใช้แทนวันที่รู้สึกสับสน มีความกังวล หรือ แปรปรวน และแน่นอนว่า สีแดง เป็นตัวแทนวันที่หงุดหงิด โกรธ โมโห ขณะที่ สีดำ ใช้แทนวันที่ท้อ เศร้าโศก เสียใจ รวมทั้งหมด 8 สี 8 อารมณ์
เม้ง ประสิทธิ์ วิทยะสัมฤทธิ์, ใจ๋ กุลวรรธน์ ศรีกฤษณพล, บอม ปัณณวิชณ์ แซ่โง้ว และ อาร์ม ณัฐวัฒน์ ขันโททอง คือ ทีมงานที่เรามาพูดคุยในครั้งนี้
บอม เล่าถึงโปรเจคนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ความสุขประเทศไทย” ว่า ต้องการสื่อสารเรื่องสุขภาวะทางปัญญา โดยเฉพาะการสร้างความสุขอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นในใจคน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ ผู้คนแสวงหา การมี การเป็น หรือปีนป่ายไปสู่จุดที่สูงขึ้น แต่บางคนก็เติมไม่เต็ม ซึ่งการกลับมาค้นหาความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาวัตถุก็เป็นโซลูชั่นหนึ่งให้คนเจอความสุขได้จริงๆ
และด้วยความที่โลกเดี๋ยวนี้หมุนเร็วจี๋ หากพวกเขาจะสื่อสารเรื่องความสุขผ่านคลิปสักคลิป ต่อให้ไอเดียเจ๋งมาก ไม่นานก็ถูกลืม แต่กับปฏิทินความสุขนี้จะอยู่ในชีวิตประจำวัน ในทุกๆ วันของชีวิต
นี่มันวิปัสสนาเลยนะ แค่เปลี่ยนให้มันดูป๊อปๆ หน่อย
เขาอาจจะไม่ต้องรู้จักธรรมะ
ไม่ต้องรู้จักการนั่งสมาธิก็ได้
“ลองคิดเล่นๆ ว่า ถ้าเราสามารถทบทวนตัวเองได้ทุกวันก็น่าจะดี เลยเสนอว่า ทำเป็นปฏิทินดีไหม ส่วนเรื่องดีไซน์ ก็มาจากเรื่องดวงดาว หรือโหราศาสตร์ เลยออกมาคล้ายๆ กับแผนที่ดวงดาว เพราะแต่ละคนก็มีดวงดาวของตัวเอง” ใจ๋ อธิบายถึงจุดเริ่มต้นไอเดียที่พอเขาโยนไปกลางวงประชุม ทีมงานทุกคนก็เห็นดี
จากตอนแรกคิดจะทำเป็นแอพพลิเคชั่น แต่สุดท้ายก็เห็นตรงกันว่า Physical copy นี่แหละ ที่จะอยู่กับเราไปจนตาย
“ตอนที่ใจ๋เสนอไอเดีย ผมบอกทีมว่า เฮ้ย.. นี่มันวิปัสสนาเลยนะ แค่เปลี่ยนให้มันดูป๊อปๆ หน่อย เขาอาจจะไม่ต้องรู้จักธรรมะ ไม่ต้องรู้จักการนั่งสมาธิก็ได้ ผมว่า มันเหมาะกับคนเมือง แล้วมันก็เป็นดาต้าน่ะ พอทำเสร็จครบปี จะเห็นเลยว่า ดัชนีความสุขของเราเป็นยังไง เหมือนมัน simplify หัวใจออกมาให้เข้าใจง่ายขึ้น วันไหนที่รู้สึกว่า แย่มากๆ พอถอยออกมา ก็จะเห็นว่า.. เออ เรามีวันอื่นๆ ที่มีความสุขตั้งเยอะ ชีวิตกูมัน not bad นะ” เม้งร่วมเสริม
อาร์ม, บอม, ใจ๋ และ เม้ง
บอมเปรียบเทียบแนวคิดที่ชอบพูดกันว่า บนกระดาษสีขาว มีจุดสีดำ คนส่วนใหญ่ก็จะเห็นแต่จุดสีดำ ทั้งๆ ที่สีขาวเป็นพื้นที่ที่ใหญ่กว่ามาก ซึ่งถ้าเราถอยออกมามองให้กว้าง ก็จะเห็นสีขาวชัดขึ้น
เพราะหัวใจสำคัญ คือ การทบทวนตัวเอง ซึ่งเมื่อทำทุกวัน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน และเป็นปี เราก็จะได้เห็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น ได้เห็นว่า เราทุกข์มากไปไหม จะทำอย่างไรให้วันต่อๆ ไปดีกว่าที่เป็นอยู่ หรือแม้แต่วันที่สุขจนหัวใจพองฟู ก็จงอย่าลืมช่องสีดำ หรือวันที่เคยทุกข์ เพื่อไม่ให้หลงระเริงจนเกินไป
เหมือนมัน simplify หัวใจออกมาให้เข้าใจง่ายขึ้น
วันไหนที่รู้สึกว่า แย่มากๆ พอถอยออกมา
ก็จะเห็นว่า.. เออ เรามีวันอื่นๆ ที่มีความสุขตั้งเยอะ
ชีวิตกูมัน not bad นะ
“คนเรามักมองแค่ปัจจุบัน มองแค่ตรงนี้ เช่น โดนหัวหน้าด่ามา ก็จะจมอยู่กับความคิด เช่น ด่าตัวเองว่า ไม่ได้ความ แต่ถ้าเราลองหยุดคิดสักนิดว่า มันก็เป็นแค่จุดๆ หนึ่งบนเส้นชีวิตของคุณ ถ้าลองทบทวนตัวเองและมองให้กว้างขึ้นก็จะเห็นช่วงเวลาอื่นๆ ที่อาจจะดีกว่าที่เราคิด หรือยึดติดอยู่ก็ได้” ใจ๋ เสริม
ฟังแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่า.. ถ้าเรานึกถึงความสุขเยอะๆ แล้วจะมาหักล้างกับความทุกข์ได้ไหม ?
“มันก็คงได้นะ แต่ก็จะเป็นความพยายามกลบเกลื่อน แล้วถ้าวันหนึ่ง มีเหตุให้เราต้องโกรธ เราก็จะโกรธอีก ถ้าเรายังไม่รู้จักมันดีพอ หรือถ้าตอบแบบธรรมะ คือ ยิ่งเราเห็นความทุกข์ เราก็จะหายทุกข์ ทันทีที่เรารู้ว่า เราโกรธ เราก็จะหายโกรธ” บอมบอก
ทั้งนี้ ปฏิทินไม่ใช่เครื่องมือสร้างสุข แต่เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้เราทบทวนตัวเองได้ง่ายขึ้น โดยผู้ระบายสีลงไปก็คือตัวเราที่ต้องทำความเข้าใจตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
“สุขหรือทุกข์ก็ไประบายสีเอา แล้วเลิร์นนิ่งมันจะเกิดขึ้นเอง ทันทีที่คุณได้เฝ้าดูหรือทบทวนตัวเอง ได้เห็นหัวใจขึ้นๆ ลงๆ เช่น เห็นสีดำมากๆ ก็จะตั้งคำถามว่า เฮ้ย ทำไมมันดำปี๋เลยวะ แล้วคุณก็จะคิดเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยไม่ต้องมีใครมาบอก เพราะมันเป็นเรื่องของคุณเองนั่นแหละ” เม้งเสริม
ไม่ต่างกับบอมที่เอ่ยถึงปลายทางที่อยากเห็นว่า
“ถ้ารางวัลในแต่ละวัน คือ การที่เขาได้เห็นสีดีๆ ในตัวเอง เขาก็คงพยายามที่จะทำให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิตน้อยลง นี่เป็นสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น”