ตามหาหว่องที่ ‘ฮ่องกง’

ตามหาหว่องที่ ‘ฮ่องกง’

จากวลีฮิตสู่การเดินทางที่ทั้ง ‘ว้าว’ และ ‘หว่อง’ บนเกาะฮ่องกงที่ไปกี่ทีก็ยังเหมือนต้องมนต์

ตั้งแต่ได้รับคำชวนจากการท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board) ให้ร่วมแข่งขันจักรยานในมหกรรมจักรยานสุดยิ่งใหญ่ของฮ่องกง นอกจากความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปปั่นจักรยานทั่วฮ่องกงหลายสิบกิโลเมตรอีกครั้ง ภาพสถานที่ท่องเที่ยวมากมายของเมืองที่ได้สมญานามว่าเป็น ’เสน่ห์ตะวันออก’ ยิ่งเร่งเร้าความรู้สึกให้รอวันเดินทางไปแทบไม่ไหว

นอกจากงานแข่งจักรยาน สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน แหล่งชอปปิง วัดวาและศาลเจ้า ระยะสองสามปีมานี้มักจะได้ยินวลีหนึ่งที่ว่า ‘กระทำความหว่อง’ บางคนพูดถึงมัน บางครั้งได้เห็นจากแฮชแท็กในโซเชียลมีเดีย มันมักจะมาพร้อมกับภาพแสงไฟหรือไม่ก็บรรยากาศชวนเหงา ถึงจะรู้ที่มาอยู่บ้างว่า ‘หว่อง’ ในที่นี้คือ หว่อง การ์ ไว หรือ หวัง เจีย เหว่ย ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังแห่งฮ่องกงที่ผลงานทุกเรื่องของเขามีกลิ่นอายเฉพาะตัว คือส่งผ่านความเหงาทะลุจอออกมาชำแรกลึกในใจผู้ชมด้วย แสงไฟนีออนยามค่ำคืน ถนนเฉอะแฉะเมื่อฝนซา หรือภาพแก้วเหล้าในไนท์คลับที่เหลือเพียงน้ำแข็งกับน้ำสีอำพันก้นแก้ว แน่นอนว่าฉากหลังของเกือบทุกความเหงาในหนังของเฮียหว่องคือฮ่องกง

45282651_2009299189128883_5064609440984989696_o  

  • ฮ่องกง is here

ทีแรกผมยังไม่รู้ว่าการเยือนฮ่องกงคราวนี้จะมีโอกาสกี่มากน้อยที่จะได้พบกับบรรยากาศอย่างที่ว่า แต่ถึงไม่เจอก็ยังน่าจะได้สัมผัสฮ่องกงอย่างที่ฮ่องกงเป็น ไม่มุมใดก็มุมหนึ่ง จนกระทั่งมาถึง จากครั้งแรกและครั้งก่อนๆ ถึงจะไม่ใช่หน้ามือเป็นหลังมือ แต่เกาะแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปอยู่ตลอด ว่ากันว่ามากี่ครั้งฮ่องกงจะเปลี่ยนไปทุกครั้ง เพราะการพัฒนาเกิดขึ้นตลอดเวลาบนเกาะนี้

ในสมัยราชวงศ์ชิง จีนพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นครั้งแรกเมื่อปี 1842 จึงเป็นเหตุให้อังกฤษเข้ายึดครองเกาะฮ่องกง และในช่วง 60 ปีต่อมา รัฐบาลอังกฤษจึงได้ทำสัญญาเช่าเกาลูน นิวเทอร์ริทอรี่ส์และเกาะรายรอบอีก 235 แห่งเพิ่มเติม

จนกระทั่งวันที่ 1 กรกฎาคม 1997 ฮ่องกงได้คืนสู่อธิปไตยของจีนอีกครั้งโดยมีสถานะเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน ภายใต้หลักบริหาร ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ฮ่องกงมีสิทธิ์ปกครองตนเองในระดับสูง ผูกขาดระบบนายทุนได้ พิจารณาคดีและออกกฏหมายได้เอง ค้าขายได้อย่างเสรีและมีเสรีภาพในการพูด

45210337_2009299315795537_7339539539049840640_o

จากประวัติศาสตร์ของฮ่องกงอาจทำให้บางคนเข้าใจว่าการถูกโยกไปโยกมา เปลี่ยนประเทศปกครองครั้งแล้วครั้งเล่าจะทำลายความเป็นฮ่องกงไปหมดสิ้น แต่ในความจริง ฮ่องกงกลับกลายเป็นส่วนผสมของการเลื่อนไหลทางวัฒนธรรมของโลกตะวันตกกับตะวันออก เป็นดินแดนที่มีทั้งจิตวิญญาณและการพัฒนาในคราวเดียวกัน สิ่งหนึ่งที่สะท้อนความเป็นฮ่องได้ดีคือ อาคารบ้านเรือน ซึ่งส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบตึกสูงหลายชั้นเพื่อซอยย่อยห้องหับให้ได้มาก ตอบโจทย์วิถีชีวิตบนเกาะที่มูลค่าที่ดินแพงหูฉี่

แม้ฮ่องกงจะเป็นประเทศหนึ่งที่ร่ำรวยที่สุดและประชากรหนาแน่นที่สุดต่อพื้นที่ สิ่งที่มีมากไม่แพ้กันคือความเหลื่อมล้ำ ขณะที่เศรษฐีก็รวยล้นฟ้าแต่ยังมีคนจนจำนวนมหาศาล ถึงอพาร์ทเมนต์จะเป็นที่อยู่อาศัยของคนหลายชนชั้น ทั้งยากจน ฐานะปานกลาง หรือคนค่อนข้างมีเงินก็อาศัยอยู่บนอาคาร

เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 การอพยพเข้ามาของชาวจีนแผ่นดินใหญ่เคยทำให้ย่านเกาลูนเป็นสลัมลอยฟ้ามาแล้ว ด้วยจำนวนผู้เข้ามาอาศัยจำนวนมากทำให้มีตึกสูงผุดขึ้นราวดอกเห็ด ห้องเช่าขนาดเล็กถูกเปิดให้ผู้คนเข้าอยู่อย่างไร้การควบคุม สุดท้ายมีตึกกว่า 300 หลังบนพื้นที่นี้ จนถึงปี 1994 ทางการจีนและอังกฤษตัดสินใจทุบตึกเหล่านี้ทิ้งเพื่อแก้ปัญหาแหล่งเสื่อมโทรม โดยชดเชยค่าเสียหายและหาที่อยู่ใหม่ให้ทุกคน แม้สลัมลอยฟ้าที่เกาลูนจะเป็นเพียงอดีต แต่ตึกสูงในฮ่องกงก็ยังมีอยู่ทุกที่ อาจไม่แออัดมากทว่ายังได้กลิ่นอายความเป็นฮ่องกงไม่เสื่อมคลาย

ขณะที่นั่งรถผ่านหรือเดินผ่านตึกพวกนี้ หลายครั้งก็ชวนให้นึกถึงฉากในภาพยนตร์ฮ่องกงทั้งของหว่อง การ์ ไว และของผู้กำกับคนอื่นๆ บางทีความแออัดหนาแน่นอาจมีความเหงามากมายอยู่ในนั้น

45213298_2009299002462235_5571086660432560128_o

 

  • เข้า ’ห้องกรง’ ที่ ‘ฮ่องกง’

เป็นมุกตลกที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ กับการเล่นคำเกือบจะพ้องเสียงระหว่าง ‘ฮ่องกง’ กับ ‘ห้องกรง’ ซึ่งหมายถึงคุกนั่นเอง แต่ที่เราได้เดินเข้าไปในห้องกรงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะนี่คุกจริง เพียงแต่ว่ากาลเวลาเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นเพียงร่องรอยของประวัติศาสตร์เท่านั้นเอง

สิ่งหนึ่งซึ่งตกทอดมาจากการปกครองของอังกฤษคือกระบวนการยุติธรรม ก่อนที่จะมีระบบตุลาการแบบอังกฤษเข้ามาในฮ่องกง ชุมชนชาวจีนจะพึ่งพาวัดเพื่อให้ช่วยระงับข้อพิพาท อย่างที่พวกเขาได้ทำมานานหลายศตวรรษ แต่วิธีการดั้งเดิมกลับมีช่องโหว่มากมาย จนสุดท้ายการเข้ามามีอำนาจของอังกฤษก่อร่างสร้างตัวเป็น Tai Kwun สถานีตำรวจกลาง ซึ่งสถานที่ตั้งอาคารหลังนี้ยังคงตั้งอยู่ใกล้วัดจีนหลายแห่งกลายเป็นสัญลักษ์ของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งโลกตะวันออกกับตะวันตกของย่านนี้

45208082_2009299159128886_158886890571825152_o

Tai Kwun มีความหมายว่า ‘สถานีใหญ่’ ในภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นชื่อเล่นของสถานีตำรวจนี้ ในอดีตราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่นี่คือ สถานีตำรวจกลาง สำนักงานคณะผู้พิพากษากลาง และเรือนจำวิคตอเรีย ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารทางประวัติศาสตร์ 16 แห่ง และพื้นที่กลางแจ้งขนาด 13,600 ตารางเมตรในใจกลางย่านธุรกิจของฮ่องกง

นอกจากประวัติศาสตร์ยาวนาน ในแง่สถาปัตยกรรม Tai Kwun เป็นผลงานอันงดงาม อดีตอาคารสำนักงานใหญ่ตำรวจแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่สำคัญของศิลปะนีโอคลาสสิก ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของ Tai Kwun ถูกสร้างขึ้นระหว่างปีพ.ศ.2405 และปีพ.ศ.2407 หากสังเกตจะพบว่าอาคารเหล่านี้มีทางเดินแยกสำหรับการขนส่งนักโทษระหว่างสถานีตำรวจ ศาล และตัวเรือนจำ

ทางสโมสร Hong Kong Jockey Club ได้ใช้เวลาถึง 10 ปีในการวางแผนงานอนุรักษ์มรดกทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ โดยได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศ และด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากชุมชน สถาปัตยกรรมเก่าแก่เหล่านี้ได้ย้อนเวลา กลับคืนสู่อดีตอันรุ่งเรือง จากอาคารหนึ่งไปสู่อาคารหนึ่ง จากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่ง ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างใกล้ชิดที่สุด

เพื่อให้เห็นภาพและรู้จักสถานที่มากขึ้น แต่ละอาคารจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ทั้งจำลองห้องขังโดยใช้ห้องขังเดิมมาปรับปรุงใหม่เล่าเรื่องอย่างน่าสนใจ และที่สะกดคนดูได้อยู่หมัดคือ ห้องจำลองเรือนนอนของผู้ต้องขังให้คนได้เข้าไปสัมผัสความรู้สึกพร้อมกับชมวิดีทัศน์ชีวิตนักโทษ

ถึงจะไม่เห็นความหว่องที่ชัดเจน แต่ที่นี่ทำให้เราเห็นฉากชีวิตของคนที่ก้าวพลาด แม้ไม่หว่องแต่ก็คงเหงาไม่แพ้กัน

45209156_2009299139128888_3163245144375820288_o

อีกสถานที่ที่ไปกี่ครั้งก็ต้องแวะไป แม้ธีมหลักคือศิลปะเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมด้วยไอเดียใหม่ๆ ในทุกครั้ง นั่นคือ PMQ เดิมคือ Police Married Quarters ปัจจุบันอดีตอาคารที่พักตำรวจเป็นสถานที่จัดเก็บงานของศิลปินและดีไซเนอร์หนุ่มสาวมากฝีมือทั้งหลายและนักออกแบบในฮ่องกง

ที่นี่ไม่เพียงแต่จะได้พบกับสินค้าที่สร้างสรรค์จากสตูดิโอและดีไซเนอร์ต่างๆ แต่ที่นี่ยังมีการจัดนิทรรศการและเวิร์คชอปตลอดทั้งปี เป็นโอกาสให้ได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของงานความคิดสร้างสรรค์ในท้องถิ่น ที่ผนวกเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อย่างลงตัว

45261580_2009299662462169_464398351106834432_o

45313816_2009299399128862_8728038664107458560_o

 

  • Art of East

ขณะที่หัวคิดวนเวียนแต่เรื่อง ‘หว่อง’ ถนนหนทางและกำแพงในย่านเซ็นทรัล กลับชวนสะดุดตาด้วยภาพศิลปะ และร้านรวงมากมาย เมื่อพูดถึงย่านนี้หนีไม่พ้นความเป็นย่านประวัติศาสตร์ ทั้งเก่าแก่และมีเอกลักษณ์ที่สุดของฮ่องกง เป็นเหรียญสองด้านในแง่มุมต่างๆ ทั้งเก่าแก่แต่เต็มไปด้วยความทันสมัย ทั้งมีมนต์ขลังของเอเชียแต่ทรงเสน่ห์แบบอังกฤษ เป็นย่านที่ทั้งคึกคักและสงบเงียบในคราวเดียว

การท่องเที่ยวฮ่องกงได้วางเส้นทางไว้สำหรับการเดินสำรวจย่านนี้ไว้คร่าวๆ แล้ว คือไปตามถนนแต่ละสายสำคัญ อาทิ ถนน Wyndham Street, ถนน Caine Street, ถนน Possession Street, Queen's Road Central รวมถึงถนน Hollywood ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนสายแรกที่สร้างขึ้นในยุคอาณานิคมเพื่อแล่นผ่านใจกลางเมือง

45269017_2009299022462233_1645767356850372608_o

ตามถนนสายเก่าของย่าน Central จะได้พบกับสถานที่สำคัญที่เป็นแหล่งรวมทางศิลปะตั้งแต่ภาพสตรีตอาร์ตบนกำแพงหลายภาพฝีมือศิลปินทั้งชาวฮ่องกงและชาติอื่นๆ ทั้งสวยงามและมีความหมายซ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังมีแกลเลอรี่มากมายดึงดูดให้เข้าไป เต็มไปด้วยผลงานของศิลปินทั้งชื่อดังและดาวรุ่ง การเดินเล่นในย่านเซ็นทรัลอาจทำให้ได้พบกับแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์อันบรรเจิดผ่านงานศิลปะและดนตรี ไปจนถึงอาหารการกิน

ขณะที่บางคนพยายามหลีกเลี่ยงวัดวาและศาลเจ้า ด้วยความรู้สึกว่าการมาไหว้พระที่ฮ่องกงเป็นเรื่องที่ธรรมดาและ ‘ทุกคนต้องทำ’ เกินไป เอาเข้าจริงหากมาฮ่องกงแล้วไม่ได้ไหว้พระขอพรสักหน่อยก็คงเหมือนมาไม่ถึงจริงๆ นั่นแหละ แต่สำหรับคนที่ไม่อยากไปไกลกว่าย่านเมือง ที่ถนน Ladder Street ถนนสายเก่าแก่อีกสายสร้างขึ้นตั้งแต่พ.ศ.2300 เมื่อเดินลงมาจากถนน Ladder Street จะได้พบกับหลังคาสีเขียวของ วัด Man Mo ซึ่งแวดล้อมด้วยตึกสูง

วัด Man Mo คาดว่าถูกสร้างขึ้นระหว่างปีพ.ศ.2390 และปี 2405 วัดนี้ประกอบด้วยตัววัด Man Mo, ศาลเจ้า Lit Shing Kung และศาลเจ้า Kung Sor

เหตุผลหนึ่งที่เลือกวัดนี้แม้จะมีตัวเลือกวัดอีกมาก เพราะที่นี่มีเทพเจ้าอักษรศาสตร์และเทพเจ้าสงคราม สำหรับคนที่ทำงานเชิงสร้างสรรค์ งานสื่อสารมวลชน นักเขียน และที่เข้าข่าย การได้มากราบไหว้ช่วยเสริมสร้างพลังใจได้มากทีเดียว ส่วนศาลเจ้า Lit Shing Kung นั้นถูกสร้างขึ้นสำหรับประดิษฐานเทพสวรรค์ทั้งหมด และศาลเจ้า Kung Sor ในอดีตถือเป็นสถานที่ประชุมสำหรับการแก้ปัญหาภายในชุมชนด้วย

45399455_2009299309128871_9184147578009157632_o

...

  หลังจากใช้เวลาส่วนหนึ่งเพื่อตามหา ‘ความหว่อง’ แม้ไม่ถึงกับขวนขวาย แต่ก็พยายามกวดสายตามองหาภาพจำแบบที่หลายคนเชื่อในวลีดังกล่าว มีบ้างที่แสงไฟยามค่ำคืนพอจะสะท้อนความหว่องอย่างในฉากหนัง มีบ้างที่มองไปบนถนนบางสายแล้วนึกเหงาในใจ แต่นั่นกลับไม่ชัดเจนพอ หรือเมื่อทบทวนอีกครั้งบางทีฮ่องกงอาจมีอะไรมากมายให้สัมผัส ค้นหา เรียนรู้ สนุกกับมัน มากกว่าแค่ความหว่องแบบหว่องๆ ของใครบางคน

45318505_2009299075795561_1027520760349982720_o

45437272_2009299262462209_7091262340254924800_o

45302262_2009299545795514_5813319641946128384_o

45244350_2009299425795526_3224167485943054336_o

45302301_2009299469128855_3254156274748620800_o