รสชาติที่แตกต่าง...จากเกาะสุมาตราถึงนิการากัว

        เมื่อ Nespresso (เนสเพรสโซ) ชวนคอกาแฟเดินทางสู่ดินแดนต้นกำเนิดของต้นกาแฟในหลากหลายประเทศ ในงาน Nespresso Back to the Origin พร้อมทดสอบรสชาติของกาแฟ 5 รสชาติใหม่ในบรรยากาศจำลองผืนป่าที่ Warehouse 30 ถนนเจริญกรุง  

             สีสันของผืนป่าและ “กลิ่น” ของกาแฟอบอวลชวนให้ลิ้มลองรสชาติของกาแฟแก้วเล็ก ๆ กับขนมหลากสีที่ออกแบบมาจับคู่กับกาแฟแต่ละรสชาติ โดยผู้รู้เรื่องกาแฟ คุณสาธิต กลิ่นสาโรจน์ Coffee Specialist จากเนสเพรสโซ อธิบายถึงที่มาของเมล็ดกาแฟและรสชาติที่แตกต่างกันตามต้นกำเนิดของกาแฟ

          ก่อนจะได้ชิมกาแฟแก้วแรก ผู้รู้เรื่องกาแฟบอกว่า กว่าจะได้กาแฟรสชาติที่ใช่นั้นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟของเนสเพรสโซ ได้ออกสำรวจค้นหาแหล่งต้นกำเนิดกาแฟ โดยเริ่มจากภูเขาสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ไปจนถึงเนินสูงในประเทศนิการากัว ด้วยเชื่อว่ากาแฟในแต่ละภูมิประเทศมีเอกลักษณ์และความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร  และได้ร่วมมือกับเกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกกาแฟท้องถิ่น ผสมผสานกับ 5 เทคนิคการแปรรูปกาแฟอย่างเชี่ยวชาญของแต่ละท้องถิ่น จนได้กาแฟ Master Origin 5 รสชาติใหม่ ในชื่อ The Master Origin Collections

          กาแฟแก้วแรกเสิร์ฟในช็อตเอสเพรสโซมาจาก เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย หรือ Master Origin Indonesia ที่นี่เกษตรกรใช้วิธีสกัดกาแฟแบบเปียก อันเป็นกรรมวิธีแบบท้องถิ่น เรียกว่า Wet Hulling เนื่องจากบนเกาะมีความชื้นและฝนตกเร็ว ทำให้ชาวไร่กาแฟสามารถสกัดเมล็ดพันธุ์ขณะที่ยังชื้นและสดใหม่ กาแฟที่ได้จึงมีรสชาติเข้มข้น และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบยาสูบและใบไม้เขียว ความเข้มข้นระดับ 8

          แก้วที่สอง Master Origin Ethiopia แนะนำให้ดื่มคู่กับขนมที่มีครีมชีสกับแอพริคอท ที่นี่เป็นแหล่งปลูกอาราบิก้าที่ได้รับการคุ้มครองแหล่งปลูก เกษตรกรเก็บเมล็ดกาแฟด้วยมือแล้วนำไปเมล็ดไปตากแห้ง เรียกว่า Natural dry processing โดยเกษตรกรท้องถิ่นในเอธิโอเปียมีความชำนาญด้านสกัดแบบแห้งมายาวนาน โดยตากผลกาแฟบนเนินสูงและต้องคอยกลับด้านของเมล็ดให้ถูกแสงแดดครบทุกด้าน เมื่อครบ 4 สัปดาห์ก็นำเมล็ดกาแฟที่ยังไม่กะเทาะคัดแยกส่วนเอาเมล็ดด้านในมาทำกาแฟบด ซึ่งจะมีกลิ่นหอมเหมือนแยมผลไม้และดอกส้ม รสสัมผัสนุ่มนวล ความเข้มข้นระดับ 4

        แก้วต่อไป Master Origin India ชาวไร่กาแฟแดนภารตะใช้กรรมวิธีสกัดกาแฟแบบ Moonsoon คือนำเมล็ดกาแฟดิบที่เก็บเกี่ยวแล้วปล่อยไว้ริมชายฝั่ง ให้รับความชื้นและแสงแดดในช่วงลมมรสุม วิธีนี้ได้มาจากเรือขนส่งเมล็ดกาแฟที่ได้ฝ่าลมมรสุมระหว่างการขนส่ง ทำให้เมล็ดกาแฟซึมซับความชื้นจากทะเล ส่งผลให้เมล็ดกาแฟพองตัวขึ้น และเมื่อถูกแสงแดดก็ทำให้เมล็ดกาแฟหดตัวลง การพองตัวและหดตัวนี้เองที่ทำให้เกิดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และอินเดียมาสเตอร์ออริจินนี้ได้นำวิธีนี้มาใช้ในศตวรรษที่ 21  โดยนิยมใช้กาแฟอาราบิก้า แต่เพื่อรสชาติที่แปลกใหม่เนสเพรสโซได้นำกรรมวิธีนี้มาใช้กับกาแฟโรบัสต้า คอกาแฟเมื่อได้สัมผัสแก้วนี้จะรู้สึกว่ารสชาติค่อนข้างขม อมเปรี้ยวเล็กน้อย ได้กลิ่นอบเชยและเครื่องเทศโชยมาเบา ๆ ความเข้มข้นระดับ 11

      แก้วที่สี่ Master Origin Nicaragua หลังจากจิบกาแฟมา 3 แก้ว และเรียนรู้ถึงแหล่งปลูกกาแฟที่ส่งผลถึงรสชาติของกาแฟอย่างชัดเจน เช่นกาแฟจากที่นี่ใช้กรรมวิธี Black honey คือการปลอกเปลือกแล้วนำกะลากาแฟที่ยังคงมีเมือกจากผลกาแฟอยู่ไปตากแห้งบนเนินเขาสูงของนิการากัว เพื่อให้ความหวานของน้ำตาลธรรมชาติซึมซาบเข้าสู่เมล็ดกาแฟ ต้องตากนาน 30 วัน และคอยพลิกเมล็ดซึ่งทำให้เมล็ดกาแฟเปลี่ยนสีดำเข้ม เมื่อนำไปผลิตจึงได้กาแฟที่มีรสชาติหอมหวาน นุ่มนวล ผู้รู้เรื่องกาแฟแนะนำว่า เหมาะกับการชงคาปูชิโน่ และอร่อยมากเมื่อดื่มกับของหวานอย่างโยเกิร์ตมูสกับสตรอว์เบอร์รี่ครัมเบิ้ล

          แก้วที่ห้า Master Origin Colombia การปลูก เก็บเกี่ยว และการผลิตกาแฟเปรียบได้ดังการผลิตไวน์ มีขั้นตอนและซับซ้อนไม่น้อย เช่น การสกัดกาแฟของนิการากัว ใช้วิธี Late Harvest หรือเก็บเกี่ยวตอนสุกคาต้นจนเมล็ดกาแฟเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม จึงเป็นกาแฟที่โตเต็มที่บนกิ่งและมีความหวานอยู่ในผลกาแฟ ทำให้กาแฟแก้วนี้มีรสชาติที่หอมเหมือนไวน์แดง จิบแรกก็ให้ความรู้สึกสดชื่น สามารถชงได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ความเข้มข้นระดับ 6

       ไม่น่าเชื่อว่า ช็อตเล็ก ๆ จากกาแฟ 5 แก้ว จะให้ความรู้สึกแตกต่างทั้งสีสัน กลิ่นและรสสัมผัส พร้อมพาเราท่องไปยังดินแดนจุดเริ่มต้นของแหล่งปลูก โดยกาแฟจากท้องถิ่นเหล่านี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ของเนสเพรสโซทั่วโลก (ราคากล่องละ 240 บาท) สั่งซื้อได้ที่ Nespresso boutique สยามพารากอนชั้น 1, Nespresso Pop-Up Boutique, Emquartier Helix Quartier ชั้น G และ Nespresso Central Embassy ชั้น 2, โทรฟรี 1800-019090, www.nespresso.com