ชิบาริ ศาสตร์แห่งพันธนาการ ปมเงื่อนที่มากกว่าเรื่องเพศ สู่การคลายปมในใจ

ชิบาริ ศาสตร์แห่งพันธนาการ ปมเงื่อนที่มากกว่าเรื่องเพศ สู่การคลายปมในใจ

รู้จักโลกแห่งพันธนาการด้วยเชือก ‘ชิบาริ’ ศาสตร์การมัดของญี่ปุ่น ก้าวข้ามภาพจำเรื่องเพศและความรุนแรง ในปมของชิบาริมีการคลายปมบางอย่างอยู่

ค่ำคืนของปาร์ตี้ปิดนิทรรศการ Rope Seduction ที่ ไมเนอร์ - เพชรดา ปาจรีย์ หรือ Unnamedminor ร่วมกับช่างภาพ Thanit Photo และแกเลอรี่ Maison Close Bkk เราตามมาคุยกับไมเนอร์ ว่าด้วยงานศิลปะของเธอ ซึ่งใช้ชิบาริเข้ามาเป็นแกนหลัก

ชิบาริ (Shibari) ศาสตร์การมัดเชือก จากพันธนาการเพื่อลงทัณฑ์สู่การมัดที่ตอบสนองรสนิยมทางเพศอันรุนแรงแบบ BDSM ซึ่งมีการวางบทบาทผู้กระทำและถูกกระทำ จริงๆ แล้วชิบาริมีรายละเอียดมากกว่าที่เข้าใจกัน และยังนำมาใช้ในจุดประสงค์หลากหลาย เราต่างรู้ว่ามีกลุ่มนี้อยู่ แต่ไม่รู้ว่าอย่างไร

ใต้แสงสีแดง บนโซฟากำมะหยี่ที่จะกลายเป็นเวทีการแสดงในอีกไม่กี่ชั่วโมง ไมเนอร์นั่งลงเล่าเรื่องงานของเธอให้ฟัง

หญิงสาววัยต้น 30 ที่เขียนรีวิวหนังใต้ดินมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ศิลปากร ร้านเฟม วิดีโอ คือแหล่งที่เธอค้นพบโลกของหนังนอกกระแส ทำให้ได้เห็นฉากเกี่ยวกับชิบาริ ซึ่งนำเสนอต่างจากที่ปรากฏในหนังเร้าอารมณ์ทางเพศสำหรับผู้ใหญ่

“ในหนังเอวี เราจะเห็นอารมณ์ของผู้ถูกมัดด้านเดียว แต่ในหนังที่เนอร์ดู ได้เห็นเรื่องสรีระและอารมณ์ของมนุษย์มากกว่า เห็นแล้วรู้สึกแปลก สงสัยว่าทำได้ยังไง และชอบสรีระมนุษย์อยู่แล้วด้วย เป็นสิ่งที่แปลกกว่าอย่างอื่นที่เคยเห็น ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ เหมือนเราเข้าไปมีส่วนร่วมกับสุนทรียศาสตร์ในร่างกายเขา มันน่าสนใจ”

20180923105106249

ไมเนอร์ - เพชรดา ปาจรีย์

เป็นความชอบที่เชื่อมกับรสนิยมทางเพศของเธอ แต่กว่าที่ไมเนอร์จะหยิบจับมาทำเป็นงาน ก็หลังจากเรียนจบปริญญาโท เมื่อความว่างโหวงเริ่มเข้ามากัดกิน การนำสิ่งที่รักกลับมาเติมเต็มคือคำตอบ ไมเนอร์เริ่มศึกษาการมัดแบบชิบาริ และเข้าสู่สังคมของคนที่มีความชอบเดียวกัน ทำให้เธอได้เรียนอย่างถูกต้องกับอาจารย์ “นี่เป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิต ถ้าพลาด ไม่พิการก็ตาย คนไทยชอบงานมัดค่อนข้างเยอะ แต่ด้านความรู้ก็ยังมีไม่มาก เพราะเราเห็นกันแค่นั้น”

งานแสดงในปาร์ตี้ปิดนิทรรศการนี้จึงเป็นการรวมตัวเหล่าผู้หลงใหลงานเชือก (Rope Geek) และยังได้แจมกับผู้คลั่งไคล้ชุดยางรัดรูป (Latex Fetish) ซึ่งเป็นรสนิยมที่แตะอยู่ใกล้กัน และทำงานร่วมกันในบางที

20180923112159763

ชิบาริ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 800 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยเอโดะ ในอดีตเรียกว่า คินบาคุ ความหมายคือพันธนาการ สมัยที่กุญแจมือยังไม่กำเนิด เชือกที่ซามูไรใช้มัดอาชญากรหรือเหล่าเชลยจึงต้องแน่นหนาพอที่จะตรึงพวกเขาไม่ให้หลุดหนี ไม่ต่างจากวิธีจัดการกับสิ่งต่างๆ อย่างมีแบบแผนของชาวญี่ปุ่น เช่น พิธีชงชา หรือการจัดดอกไม้ เงื่อนปมที่ผูกก็ต้องคิดค้นระเบียบวิธีขึ้นมา ถึงกับมีความต่างตามลำดับชนชั้นอีกด้วย

การพันธนาการหมายถึงมีผู้กระทำและถูกกระทำ และบางครั้งเชลยก็เป็นหญิง การกดขี่ทางเพศผู้ที่อยู่ใต้พันธนาการจึงเกิดขึ้น เพศรสอันรุนแรงซึมซาบอยู่มนุษย์บางกลุ่มอยู่แล้ว เชือกและการมัดปมก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ตอบสนองอารมณ์ทางเพศของบุคคลที่ต้องการวัตถุบางอย่างเพื่อเร้าอารมณ์ให้ถึงที่สุด (Fetish)

จากคินบาคุ ต่อมาก็ถูกเรียกให้ง่ายขึ้นเป็น ชิบาริ ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนไปตามกาล ผสมผสานความงามและศิลปะต่างๆ เข้ามา รวมถึงขยายขอบเขตให้ไกลไปกว่าเรื่องเพศ

เรื่องใต้ดินขึ้นบก

โด่ง เชือกแดง Rope Master วัย 48 ปี ที่มีประสบการณ์มัดมากว่า 10 ปี เขาบอกตรงๆ ว่าในยุคนั้นการมัดเป็นกิจกรรมของกลุ่มผู้มีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM นั่นแหละ และยังเป็นงานทักษะเฉพาะที่ใช้สำหรับการถ่ายแบบปฏิทินนู้ดอีกด้วย ชื่อเสียงของเขาได้รับการบอกต่อกันในกลุ่มช่างภาพและนางแบบ

20180923111313946

โด่ง เชือกแดง กำลังโชว์มัดนางแบบ

“เริ่มจากที่เราเห็นจากหนัง แล้วลองฝึก มีเพื่อนไปญี่ปุ่นซื้อหนังสือสอนมัด เอามาซีรอกซ์แจกจ่ายกันในกลุ่ม สมัยก่อนยังไม่มีอินเทอร์เน็ตแพร่หลาย ก็เรียนรู้ผิดๆ ถูกๆ พอเริ่มมีตำราภาษาอังกฤษเข้ามา ได้ไปดูการแสดงของอาจารย์ชาวญี่ปุ่น ดูไปเรียนรู้ไป พัฒนามาเรื่อยๆ”

ทักษะการมัดของโด่ง เชือกแดง รวดเร็วและแม่นยำ เงื่อนปมของเขางดงาม คืนนั้นในช่วง Rope Jam ซึ่งเป็นโชว์มัดของ Rope Master 4 คน มัดตามความถนัดของตัวเอง เท็น Rope Master หนุ่มตัวสูงหน้าตาดี อธิบายว่าแต่ละคนมีทักษะและสไตล์การมัดที่ต่างกัน

“เหมือนศิลปะน่ะครับ คุณมีพู่กันเหมือนกัน แต่วาดภาพออกมาไม่เหมือนกัน”

20180923112149810

โด่ง เชือกแดง บอกว่าช่วงหลังงานชิบาริก็เริ่มขึ้นจากใต้ดินสู่บนดิน กลายเป็นศิลปะและการโชว์มากขึ้น เขาได้เห็นงานโชว์เชิงศิลปะของอาจารย์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ก็อยากทำบ้าง โชว์ทักษะของโด่งนั้นน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะจังหวะการแขวนตัวนางแบบให้ลอยอยู่กลางอากาศ

หญิง - ญาดา แก้วบุรี อีกหนึ่ง Rope Master ที่ไม่อยากเรียกตัวเองว่ามาสเตอร์ หญิงคือหนึ่งในคนไทยไม่กี่คนที่ผ่านการเรียนกับอาจารย์ เธอถนัดการแขวนแบบห้อยหัวเป็นพิเศษ หญิงทำงานศิลปะและสนใจเรื่องแนวนี้เป็นพื้นฐาน เธอสนใจเชือกมา 2 – 3 ปีแล้ว

“เราคอนโทรลชีวิตเราไม่ค่อยได้ มีสิ่งอื่นทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่มีความสุขหลายอย่าง แต่พอมาทำเชือก ทำให้เรามีความพยายาม จดจ่อ ทุกครั้งที่งานออกไปถ้าเห็นข้อผิดพลาด เราสามารถแก้ไขได้ แบบมัดรู้สึกอึดอัดอย่างไร เราก็แก้ได้ ทำให้เรารู้สึกดี ที่ทำทุกอย่างเป็นไปตามต้องการได้”

เธอว่าชิบาริเป็นการเล่นสวมบทบาท ไม่ต่างจากการสวมเสื้อผ้าที่แตกต่าง พอหมดวันก็ถอดออก เป็นเพียงบทบาทที่สวมชั่วคราว “แค่การละเล่นที่ทำให้เรามีความสุข”

20180923110348413

โชว์ชิบาริของหญิงผสมความเป็นตัวเอง เธอใส่เรื่องราวเข้าไปในนั้น โดยจับคู่ทำงานมัดกับเพื่อนสนิท แนน - บุหลัน โชคมณีทรัพย์ ซึ่งทำงานศิลปะเหมือนกันและเป็นแบบมัดให้มาตลอด

“วันนี้เครียดมาก อยากให้เลือดตกหัวหน่อย” บางทีเธอก็จะมาขอให้เพื่อนมัดห้อยหัวแก้เครียด งานการแสดงที่ออกแบบร่วมกัน เป็นงานเชิงสัญลักษณ์สื่อถึงบาปทั้ง 7 และการบำเพ็ญทุกรกิริยา เพื่อไปสู่การตระหนักรู้บางอย่าง บุหลันบอกว่าการบำบัดสำหรับแต่ละคนไม่เหมือนกัน และสำหรับเธอการใช้ความเจ็บปวดถือเป็น Pain Solution ที่ทำให้เธอเอาชนะใจตัวเองได้

“งานชิบาริมีหลายแบบ งานเรามีเรื่องราวตลอด ไม่ใช่แค่มัดๆ เฆี่ยนๆ จบ เราพัฒนาให้เป็นศิลปะ มีการแสดงออกให้คนเห็นว่าตรงนี้ให้อะไรกับเขาบ้าง เราไม่ได้เจาะจงว่าอะไร แต่ถ้า 10 คนดู เขามีความเห็นที่แตกต่างกัน นั่นคือเราประสบความสำเร็จแล้ว” 

ณ ขณะมัด

มุมมองที่มีต่อชิบารินั้นแตกต่างตามการรับรู้ สำหรับ Rope Bunny หรือนางแบบผู้ถูกมัด ชิบาริก็ให้ประสบการณ์ที่แตกต่าง

น้ำจืด  - กิตาหรัง ทาสี Rope Bunny ที่ทำงานคู่กับไมเนอร์มาตลอด 2 ปี ตั้งแต่เริ่มต้น สาวหุ่นบางไม่เคยมองว่าตัวเองเซ็กซี่ เธอค้นหาความงามและความรักในร่างกายตัวเองจากการถูกมัด น้ำจืดชอบศิลปะและรู้สึกว่าเส้นสายของเชือกบนสรีระของผู้หญิงนั้นสวยงาม เมื่อสนใจก็อยากลอง เมื่อลองก็ได้รู้

“เหมือนปลดปล่อยอะไรบางอย่าง เพราะมีความอันตราย เราต้องอยู่กับตัวเอง จึงลืมเรื่องที่กังวลมาก่อนหน้านี้ คนขี้กังวลหรือซึมเศร้าจะคิดไปเรื่อย แต่ขณะที่มัด เราต้องคอยสังเกตตัวเอง ตรงนี้เราโอเคไหม เจ็บหรือเปล่า ตรงไหนชา ต้องบอกเขา เหมือนการทำสมาธิอยู่กับเชือก”

เป็นงานที่ต้องใช้ความไว้วางใจกันระหว่างคนสองคน ทั้งการถึงเนื้อถึงตัว และการวางตัวเองไว้ในสถานการณ์ที่อันตราย บางท่าทางที่ถูกจับวางเหมือนการนวดไทย ไม่เจ็บ แต่อึดอัด ครั้นปลดเชือกก็ผ่อนคลาย เลือดสูบฉีด นอกจากสบายแล้วยังทำให้น้ำจืดมั่นใจในตัวเอง รักร่างกาย รักตัวเองมากขึ้น และได้เติมเต็มบางสิ่ง

20180923105450492

สำหรับ พีพี วัย 22 ปี ที่เป็นโรคซึมเศร้า เธอไม่ได้เชื่อมโยงความชอบงานเชือกกับอาการโรค พีพีถูกบางอย่างในงานชิบาริของไมเนอร์ดึงดูดให้เธอมาลองเป็นแบบมัด การทำงานด้วยกันมาราว 4 - 5 เดือน ชักนำพีพีเข้าสู่สังคมชาว Rope Geek สังคมใหม่ที่ได้เพื่อนอายุมากกว่าหลายปี สังคมที่เปิดกว้างและไม่ตัดสิน ทำให้ใจของเธอผ่อนคลาย ส่งผลดีต่อโรคซึมเศร้า

งานมัดชิบาริที่มีทั้งรูปแบบอันเป็นระบบและสร้างสรรค์ใหม่ได้ ไลน์เชือก สรีระ และความใส่ใจต่อร่างกาย เส้นเลือด กล้ามเนื้อ ทำงานสอดคล้องกันไปทำให้เกิดความงาม นั่นคือเสน่ห์สำหรับพีพี ในห้วงแห่งการมัด ช่วยให้เธอทำความรู้จักตัวเองผ่านร่างกาย ไม่ต่างจากการออกกำลังกายที่เธอชื่นชอบ

“เวลาถูกมัดรู้สึกเหมือนออกกำลังกาย โฟกัสกับตัวเอง ลมหายใจ ดูว่าเจ็บตรงไหน หรือสังเกตตัวเอง อย่างเวลามัดกับพี่หญิง เขาจะอธิบาย ถ้าเอาขึ้นแบบนี้ จะเจ็บตรงไหนกี่เปอร์เซ็นต์ อย่าทิ้งน้ำหนักที่ขาอย่างเดียวนะ ต้องทิ้งที่สะโพกด้วย แต่ละคนมีสไตล์ไม่เหมือนกัน เราก็สังเกตตามเลยว่าเราเป็นเหมือนที่เขาบอกไหม ถ้าไม่เหมือน เชือกอาจวางผิดเส้น ต้องบอกเขา หรือวันไหนที่เครียด หัวเราก็จะวนกับเรื่องนั้น ก็ได้ไตร่ตรองแบบมีสมาธิ”

ถามผู้มัดอย่างโด่ง เชือกแดง ว่าทำไมคนจึงชอบถูกมัด สังเกตการณ์ส่วนตัวของเขาบอกว่า

“มันเป็นความรู้สึกที่เขาอยากให้ตัวเองได้รับความเจ็บปวดบ้าง อึดอัด เพื่อระบายบางอย่างในใจออกมา ซึ่งถ้าทำร้ายตัวเองก็เจ็บปวดไป แต่เมื่อถูกมัดจะได้อยู่กับตัวเอง หลายคนเป็นแบบนี้นะ เหมือนเขาส่งชีวิต จิตใจ ร่างกายให้มาอยู่ในมือเรา ในความควบคุมของเรา ปลอดภัยหรือเจ็บปวดก็อยู่ที่ Rope Master ฉะนั้น งานมัด ความปลอดภัยต้องมาอันดับหนึ่ง ต้องรู้เรื่องเงื่อน เรื่องการถ่วงน้ำหนักตัว เวลาผมมัดก็ไม่มั่ว ถามเขาตลอดว่าคุณมีความเจ็บปวดตรงไหนไหม มัดไลน์แบบนี้ได้ไหม ถ้าไม่ได้ผมก็จะเลี่ยง ไม่ใช่ใครจะมัดแบบเดียวกันได้หมด”

โอบอุ้มเธอไว้ไม่ให้ร่วงหล่น

“คิดว่าวันหนึ่งคุณอยู่กับตัวเองมากแค่ไหน” ไมเนอร์ถาม นิ่งคิดพักเดียวเราก็พบว่าอาจไม่มีสักขณะจิต

“ไม่มีมือถือ ไม่มีอย่างอื่น คนเราไม่ได้อยู่กับตัวเองเลย แม้แต่เวลาเข้าห้องน้ำ” การไม่ได้หยุดอยู่กับตัวเองเพื่อทบทวนเรื่องต่างๆ ทำให้หลายครั้งเราก็ไม่อาจหาคำตอบแก่คำถามที่รบกวนจิตใจ

ไมเนอร์เปรียบวิธีของเธอเหมือนการนั่งสมาธิ “เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่เราทำงานกับแบบมัด เราได้อยู่กับตัวเอง เรียนรู้ร่างกายตัวเอง เรียนรู้คนอีกคน ทบทวนความคิดของตัวเองในขณะอยู่เฉยๆ เหมือนคนที่นั่งสมาธิเองไม่ได้ แต่มีเราเป็นผู้กระทำที่เข้ามาโอบอุ้มเขา ให้เขาทำตรงนั้นได้ เขาก็จะเริ่มทบทวนในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทบทวน ได้คิดในสิ่งที่ไม่เคยตอบคำถามตัวเองมาก่อนเลย เพราะมัวแต่ทำอย่างอื่นอยู่”

ชิบาริสำหรับหลายคนจึงเป็นการบำบัดเยียวยา มากกว่าเป็นความรุนแรงในรสนิยมทางเพศ พีพีที่กำลังรักษาโรคซึมเศร้าอยู่ แยกการรักษาออกจากการบำบัด “การรักษาโรคซึมเศร้าคือการใช้ยาซึ่งช่วยให้เราหาย แต่การบำบัดช่วยให้เราไม่กลับมาเป็นซ้ำ บางคนรักษาด้วยยามาตลอด ไม่เคยทำจิตบำบัด สารประสาทในสมองของเขากลับมาคงที่ แต่เมื่อเขาเจอเหตุการณ์ร้ายๆ ก็ไม่มีภูมิคุ้มกัน และจะกลับมาเป็นอีก แต่ถ้าเขาทำจิตบำบัด เขาจะรับมือกับมันได้”

จิตบำบัดมีอยู่หลายวิธี และในระหว่างการมัด พีพีก็ค้นพบการเยียวยาในนั้น

“ถ้าเราพูดกับเพื่อนสักคนก็ได้แค่พูดระบายๆ พอเอาการมัดเข้ามา เราไม่ได้พูด แต่ตอนที่พี่เขามัดอยู่ เขาจับจังหวะของหัวใจเรา ดูกล้ามเนื้อที่เกร็ง ว่าตอนนี้เรากำลังเกร็ง กลัว หรือมีอะไรอยู่ในใจ พี่เขาพูดแค่ว่าไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ตรงนี้ ค่อยๆ ผ่อนคลาย แล้วด้วยดนตรีที่เปิดอยู่ในขณะนั้น ทำให้เราปล่อย ระบายมันออกมา กลายเป็นร้องไห้ เราไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย แต่กลับโล่ง ตอนนั้นมีเรื่องลังเล กำลังตัดสินใจอะไรสักอย่างหลังจากนั้นจึงตัดสินใจได้เลย ก่อนหน้านั้นไม่กล้า เพราะกลัวอีกฝั่งจะเสียใจ แต่เราก็รู้สึกว่าตอนนี้เราก็เสียใจอยู่นะ ก็เลยปล่อยไป”

พีพีพูดถึงการแสดงครั้งหนึ่งระหว่างเธอกับไมเนอร์ พีพีร้องไห้จนผู้ชมตกใจว่าไมเนอร์กระทำสิ่งรุนแรงกับเธอหรือเปล่า แต่การเสวนาหลังการแสดง พีพีอธิบายว่าน้ำตาที่ไหลออกมา เพราะดีใจที่มีคนเข้าใจว่าเธอต้องการอะไร และช่วยซัพพอร์ตสิ่งที่เธออยากจะทำ อยากจะเป็น และอยู่ตรงนั้นข้างๆ

20180923111738416

สำหรับหญิงและบุหลัน ทั้งสองไม่เคยมองเรื่องเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง ชิบาริแนว Suspension เป็นการเยียวยาอย่างหนึ่ง บุหลันเทียบเคียงการถูกแขวนกลางอากาศ เหมือนการลอยตัวอย่างอิสระ ที่หญิงบอกว่าลอยเหมือนจะร่วง แต่ไม่หล่นลงมา

“บางทีเราปล่อยให้บางเรื่องเกิดขึ้น ปล่อยแล้วก็เลยตามเลย แต่การมัดเป็นเหมือนการร่วงหล่นที่เราขัดขืนไม่ให้ร่วงหล่นลงมา เหมือนเราร่วงกลางอากาศ แต่เวลาถูกหยุดเอาไว้ เราเห็นทุกอย่างว่ามันหยุด แต่ในหัวเราไตร่ตรองอะไรบางอย่าง” ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นเฉพาะบุคคล สัมผัสได้ต่างกัน แต่ถามว่าถึงขั้นจะรักษาอาการป่วยทางจิตได้ไหม ไม่ไปถึงจุดนั้น แต่เป็นการคลายเครียดด้วยงานอดิเรกมากกว่า

เป็นอีกมุมของงานอดิเรกเฉพาะ ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นความรุนแรง แต่สำหรับใครหลายคนที่ร่วงหล่นจากข่ายแหของการเยียวยาตามค่านิยมของสังคม จะมีเธอและเขาเหล่านี้คอยเป็นผู้รองรับไว้