ผู้หญิง-คนรุ่นใหม่ ในโลกการเมืองของ “เพชรชมพู กิจบูรณะ”

ผู้หญิง-คนรุ่นใหม่ ในโลกการเมืองของ “เพชรชมพู กิจบูรณะ”

สำรวจมุมมองหญิงสาวคนรุ่นใหม่ ท่ามกลางความหวังที่อยากเห็นการเมืองไทยเปลี่ยนไปจากเดิม

ในขณะที่มีคนจำนวนไม่น้อยมองเรื่องการเมืองว่าคือเรื่องน้ำเน่า-น่าเบื่อ และมีสิ่งอื่นในยุคสมัยที่น่าสนใจกว่าอย่างสตาร์ทอัพ ธุรกิจเพื่อสังคม การลงทุน และอีก ฯลฯ แต่อีกด้านพวกเราก็ต่างร้องเรียกให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นทางเลือกเพื่อพาเราหลบหนีออกไปจากพล็อตเรื่องการเมืองแบบเดิมๆ 

ท่ามกลางความคิดของคนเจนเนอเรชั่นใหม่ที่อาจมองการเมืองเป็นเรื่องไม่น่าพิสมัย หญิงสาวอนาคตไกลอย่าง “เพชรชมพู กิจบูรณะ” กลับตัดสินใจเลือกงานการเมืองเป็นจ็อบแรก เธอมีดีกรีด้านปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเดอรัม ประเทศอังกฤษ และใกล้จบการศึกษาด้านกฎหมาย โดยตอนนี้เธอรับตำแหน่งเป็นหนึ่งในทีมโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย

แม้จะดูขึงขัง เอาจริงเอาจัง แต่เพชรชมพู บอกกับ‘จุดประกาย’ว่า นอกเวลางานเธอเป็นผู้หญิงที่แสนธรรมดาๆ ชอบทำขนม อบเค้ก ทำกิจกรรมกลางแจ้งหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เดินป่า ปีนเขา ท่องเที่ยว หรือไม่ก็เปลี่ยนโหมดนั่งดูซีรีส์วีดีโอสตรีมมิ่งเรื่องโปรดอยู่บ้านเป็นวันๆ ถึงเช่นนั้นเมื่อพลังงานในตัวเธอผลักดันร้องเรียกให้เธอทำอะไรมากไปกว่าผู้หญิงอายุ 25 ปีทั่วๆไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องขอสนทนา ถึงบทเรียนที่ได้รับในช่วงหลายเดือนที่ผ่าน

คิดแล้วต้องทำ

“แต่เดิมเราสนใจเรื่องข่าวสารบ้านเมืองอยู่แล้ว เวลาอยู่ต่างประเทศ คุณแม่จะส่งบทความที่เป็นข่าวสารการเมืองให้ เพชรเลยได้มีโอกาสอ่านทุกอย่างตั้งแต่สมัยเรียน ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองผ่านหนังสือพิมพ์ ได้อ่านหนังสือหนักๆ ประเภทประวัติศาสตร์ ปรัชญา หรือแม้แต่หนังสือนิยาย คุณแม่สอนตลอดว่า เราเรียนอยู่ต่างประเทศก็จริง แต่เราเป็นคนไทยก็ต้องเรียนรู้เรื่องที่เกิดในประเทศด้วย การเรียนรู้วัฒนธรรมของต่างประเทศ หน้าที่ของเราจากนั้นคือการเอาความรู้ ความเข้าใจ มาประยุกต์กับสังคมไทย การที่คุณแม่ปลูกฝังเรื่องนี้จึงทำให้เรารู้หน้าที่และคิดเสมอว่าถ้าเรามีโอกาส เราจะกลับมาพัฒนาประเทศให้ได้”

จนเมื่อปี 2557 เพชรชมพูได้มีโอกาสขึ้นเวทีการชุมนุมของกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. เพราะเห็นด้วยกับบทบาทการต่อต้านคอร์รัปชั่น และคัดค้านการนิรโทษกรรมทางการเมือง แต่ก่อนหน้านี้ ช่วงปี 1 เธอได้ฝึกงานกับพรรคประชาธิปัตย์ในโครงการยุวประชาธิปัตย์ และมีโอกาสช่วยงานมูลนิธิมวลมหาประชาชน และพื้นฐานความคิดตรงนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เธอตัดสินใจเข้าร่วมพรรครวมพลังชาติไทย

“บางคนอาจมองว่าการเมืองคือเรื่องน้ำเน่า แต่ถ้าเรามัวแต่วิพากษ์วิจารณ์ ไม่กล้าทำ หรือไม่คิดจะทำก็คงไม่ไ่ด้ เพราะประเทศนี้เป็นของคนทุกคน แล้ววันนี้เพชรคิดว่ามีพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนประชาชน ตรงกับความต้องการของเรา ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าระบบไม่ดี มาเป็นส่วนหนึ่งที่จะพัฒนาได้จะดีกว่า เราคือตัวแทนของคนใหม่ๆที่จะแสดงให้เห็นว่าการเมืองสามารถเปลี่ยนแปลงในเรื่องทืี่ดีได้ แล้วเราก็กล้าที่จะร่วมทำมัน”

1528733583616

ผู้หญิงและคนรุ่นใหม่

เพชรชมพู มองว่า ปัจจุบันผู้หญิงมีสิทธิที่จะแสดงออกในประเด็นทางสังคมอยู่แล้ว และการแสดงสิทธิทางสังคมเพศหญิงสอดคล้องไปตามยุคสมัย อย่างไม่นานมานี้ก็มีแคมเปญ #Don’t tell me how to dress ซึ่งต้องการบอกว่าให้ เคารพสิทธิผู้หญิงในเรื่องการแต่งกาย

“อย่างเรื่องการแต่งกายอาจฟังดูไม่ซีเรียสสำหรับบางคน แต่สำหรับเพชรถือว่ามันคือการแสดงออกและบอกจุดยืนของผู้หญิง เราคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงจะออกมายืนระดับเดียวกับผู้ชาย เพราะไม่ว่าเพศไหนก็ล้วนมีศักยภาพ ความสามารถ ความเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมืองไม่ต่างกัน ที่ผ่านมาทุกคนอาจพูด แต่กลับไม่มีผลปฏิบัติจริงๆ  และพรรคของเราเองก็สนับสนุนการมีบทบาทของผู้หญิง อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในเรื่องนโยบาย หรือการเตรียมสลับรายชื่อชายหญิงในบัญชีรายชื่อ และถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะผลักดันประเด็นสาธารณะที่เกี่ยวกับผู้หญิง เรื่องพื้นฐานที่สุดคงเป็นเรื่องการศึกษา ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสิทธิความเท่าเทียม เรื่องศีลธรรม ประชาธิปไตย”

ส่วนคำว่า ‘คนรุ่นใหม่’ นั้น เธอ ย้ำว่า ไม่ใช่การใช้อายุเป็นเกณฑ์ หากแต่เป็นความใหม่ทางความคิด คนรุ่นใหม่จึงควรเป็นคนที่มีความตั้งใจพัฒนาประเทศ คิดปฏิรูประบบประเทศจริงๆจังๆ ยิ่งพรรคการเมืองที่ดีก็ควรมีการผสมผสานระหว่างความคิดของคนทุกรุ่น เพราะการพัฒนาทิ้งคนเก่า รุ่นพ่อรุ่นแม่ ปู่ย่าตายายไว้ข้างหลังไม่ได้ มิเช่นนั้นประเทศชาติคงเดินต่อไปไม่ได้

“เราต้องการคนทุกเจนเนอเรชั่นที่จะเราขับเคลื่อนประเทศ แต่ละคนล้วนมีต้นทุนที่ดีต่างกัน และทุกวันนี้เราต้องการผู้นำ ต้องการคนทำงานการเมืองที่ปรับเปลี่ยนต่อสถานการณ์โลกให้ได้ ขณะเดียวกันก็ยังคงขนบธรรมเนียมไทยไว้ ใครว่าความเป็นไทยเป็นเรื่องล้าหลัง เราไม่เห็นด้วย อย่างเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าได้ลงพื้นที่พูดคุยกับผู้คน จะเห็นว่าของดีในแต่ละท้องถิ่นนั้นมีเยอะมาก เป็นภูมิปัญญา เป็นองค์ความรู้ที่สั่งสมมานาน หากมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็ควรจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ตรงนี้”

บทเรียนของผู้มาใหม่

เพชรชมพู บอกว่า เธอคือสายชิม ชอบทำขนม ทำอาหาร ทำกิจกรรมและใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว รวมถึงเดินทางท่องเที่ยวในต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยได้ไปเพื่อเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น

ในช่วงนี้ เธอกำลังเรียนรู้งานแทบทุกอย่างในพรรคที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ทั้งงานอำนวยการ ทีมโฆษกพรรค การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้อาวุโสมากประสบการณ์ในพรรค และในฐานะโฆษกหน้าที่ของเธอคือเอาข้อความของพรรคมาสื่อสาร บอกกับประชาชน

“พรรคของเราตั้งมั่นว่าจะไม่ทะเลาะกับใคร การสื่อสารไม่ใช่เป็นการตอบโต้ไปมา แต่เป็นการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันมากกว่า เราคิดว่าจะทำหน้าที่ให้แตกต่างจากการเมืองแบบเก่าให้ได้ โอเคในประเด็นการเมือง สังคม มันคงมีเรื่องความไม่เห็นด้วย การโต้เถียง ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่ความเห็นต่างเราจะทำอย่างไรให้มันสุภาพ ให้สร้างสรรค์ได้”

แล้วอะไรคือบทเรียนของผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาในแวดวงทางการเมืองอย่างเธอตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ? เพชรชมพู บอกว่า มันเป็นมุมมองที่เข้าใจมากขึ้น เข้าใจในแต่ละจุด แต่ละฝ่าย อีกอย่างคือการเรียนรู้ว่าการทำงานการเมืองคือความไม่แน่นอน เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนดัง มีประสบการณ์มาจากไหน สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเลือกหรือไม่

“งานการเมืองก็เหมือนทุกงานคือมีความเสี่ยง แต่เราเข้ามาก็ต้องยอมรับจุดนั้น เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจจะพัฒนาประเทศ จะเปลี่ยนมันให้สำเร็จ และเราก็คาดหวังว่าทั้งหมดมันจะเกิดประโยชน์ต่อชาติ บ้านเมือง เราก็บอกตัวเองเสมอว่าอย่าท้อ ทำให้ดีที่สุด”

“มันก็คงมีบ้างที่เพื่อนๆ คนรอบข้าง เป็นห่วงเรา เขาอาจคิดว่า เราจะเข้ามาวงการการเมืองทำไม ทำไมไม่ไปทำอย่างอื่น แต่เราก็อธิบายให้เขาฟังว่าการเมืองเป็นเรื่องเสียสละเพื่อส่วนรวม มันเป็นการพัฒนาระบบมหภาค ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย การมาอยู่บนจุดนี้มีผลในอนาคตมาก แล้วเราคิดว่าผลลัพธ์คุ้มค่า”