ประชันดาวใน...เวิลด์ กูร์เมต์ 19th

 ประชันดาวใน...เวิลด์ กูร์เมต์ 19th

งานใหญ่ที่ถูกใจนักชิมและคนรักอาหารกำลังจะเกิดขึ้น ในงาน "เวิลด์ กูร์เมต์ เฟสติวัล ครั้งที่ 19" (World Gourmet Festival 19th) เทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลก รวบรวมสุดยอดเชฟมิชลินสตาร์จากทั่วโลก เมนูอาหารชั้นเลิศและไวน์ชั้นเยี่ยม

 

      ปีนี้ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ รับหน้าที่เจ้าภาพสถานที่ จัดเตรียมพื้นที่ในทุกห้องอาหารกับตารางนัดหมายมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ยังมีกิจกรรมอีกหลากหลายในแต่ละวัน และปีนี้เป็นปีแห่ง “มิชลิน” โดยแท้ หลังจากปีที่ผ่านมา “มิชลินไกด์ ไทยแลนด์”  ประกาศผลภัตตาคารและร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินหลายร้าน จึงเสมือนการตอกย้ำว่าประเทศไทยเป็นสวรรค์ของนักชิมอย่างแท้จริง ด้วยงานนี้รวมดาวเชฟมิชลิน 13 คน บินตรงมาจาก 9 ประเทศทั่วโลก เพื่อนำเสนออาหารชั้นเลิศตลอดเวลา 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 3-9 กันยายน 2561

Bernard Bach2

          ผู้ประสานงาน “เวิลด์ กูร์เมต์” ปีนี้ เผยว่า เนื่องจากมิชลินไกด์มาเยือนเมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้จึงขอจัดเต็ม เพื่อยกระดับความสำคัญของงานเทศกาลอาหารและไวน์ให้ดียิ่งขึ้นกว่าปีก่อน ๆ โดยคัดเลือกเชฟที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ระดับ 1-2 ดาวมิชลิน เชฟแต่ละคนมีลูกทีมเดินทางมาเป็นผู้ช่วย 1-2 คน พร้อมทีมสนับสนุนของโรงแรมในแต่ละห้องอาหาร เชฟบางคนจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบและส่วนผสมเพื่อให้ทีมสนับสนุนของโรงแรมตระเตรียมให้พร้อม ในขณะที่บางคนก็นำเครื่องปรุงส่วนผสมบางอย่างเข้ามาด้วย

          การทำงานเป็นทีมร่วมกันนำมาซึ่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ถ่ายทอดศิลปะการทำอาหารและเทคนิคการครัวของแต่ละคน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ ในขณะที่นักชิมก็จะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางสู่โลกแห่งอาหารอันน่าหลงใหล

Ryohei Hieda3

          นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมพาเชฟติดดาวเที่ยวเมืองไทย โดยเชฟต้น – ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร (ร้าน Le Du, Baan, แบกะดิน) ที่เป็นเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ พาเชฟติดดาวจากต่างประเทศเที่ยวตลาดอาหารพื้นถิ่น และอาหารทะเล จนถึงพาไปชิมร้านอาหารไทยเลื่องชื่อ หรือตามความประสงค์ของเชฟแต่ละคน การแลกเปลี่ยนถ่ายเทวัฒนธรรมด้านอาหารนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมบอกเล่าความเป็นมาของอาหารไทยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

งานรวมดาว...ครั้งยิ่งใหญ่

          ตลอดเวลา 1 สัปดาห์ เชฟชื่อดัง 13 คน จาก 9 ประเทศทั่วโลก บินตรงมาให้นักชิมพิสูจน์รสแท้แห่งดาวมิชลิน ได้แก่

Jose Avillez 1

  Jose Avillez2     เชฟโฮเซ อวิลเลซ กับอาหารของเชฟ    

          เชฟโฮเซ อวิลเลซ (José Avillez) จากห้องอาหาร Belcanto โปรตุเกส ได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว เชฟโฮเซ มีแรงบันดาลใจจากอาหารดั้งเดิมของโปรตุเกส และอาหารที่ปรุงผ่านรสมือแม่และยายของเขา ร้าน Belcanto เป็นแห่งแรกในกรุงลิสบอนที่ได้ 2 ดาวมิชลิน เชฟโฮเซ ได้ชื่อว่าเป็นโปรตุกีส โอต์ ควิซีน (Haute Cuisine) และเป็นผู้เขียนตำราอาหาร สูตรและเทคนิคการปรุงอาหารหลายเล่ม

Bernard Bach1

   Bernard Bach3      เชฟเบอร์นาร์ด บาค กับอาหาร   

        เชฟเบอร์นาร์ด บาค (Bernard Bach) จากห้องอาหาร Le Puits Saint-Jacques ฝรั่งเศส ได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว ผู้หลงใหลในอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมและนำมาผสมผสานเข้ากับวัตถุดิบหลากหลายและเทคนิคการปรุงแบบสมัยใหม่

Ryohei Hieda1

Ryohei Hieda2      เชฟเรียวเฮ ฮิเอดะ กับอาหารของเชฟ    

         เชฟเรียวเฮ ฮิเอดะ (Ryohei Hieda) จากห้องอาหาร Shoun RyuGin ไต้หวัน มิชลิน 2 ดาว เชฟเรียวเฮ เกิดที่เมืองนางาซากิ เริ่มต้นงานครัวตั้งแต่อายุ 19 ปี เรียนรู้อาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ต่อด้วยประสบการณ์งานครัวหลากหลายทั้งร้านมิชลิน 3 ดาวในคิวชูและซานฟรานซิสโก จากนั้นไปต่อที่ร้าน Ryu Gin ที่สามารถคว้าดาว 2 ดวงมาได้ในปี 2018

Jeong Ho Kim2re

Jeong Ho Kim1re   เชฟจอง โฮ คิม         

         เชฟจอง โฮ คิม (Jeong Ho Kim) จากห้องอาหาร Jungsik เกาหลีใต้ ได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว เชฟหนุ่มชาวเกาหลีใฝ่ฝันจะเป็นนักเดินทาง หาประสบการณ์ด้านอาหารที่อเมริกา หลังผ่านประสบการณ์งานครัวที่โรงแรมไฮแอท ในเนวาด้า ต่อด้วยชิคาโก้ เชฟจอง ก็กลับประเทศบ้านเกิดกับร้านอาหารสไตล์ New Korean Cuisine

Martin Dalsass2

  Martin Dalsass1

   เชฟมาร์ติน ดาลซัซ  กับอาหาร    

          เชฟมาร์ติน ดาลซัซ (Martin Dalsass) จากห้องอาหาร Talvo by Dalsass สวิสเซอร์แลนด์ ได้มิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว ผู้ได้ฉายาว่า “โป๊ปแห่งน้ำมันมะกอก” เพราะเขาใช้น้ำมันมะกอกแทบทุกเมนูอาหาร ตั้งแต่สลัดจนถึงช็อกโกแลตมูส

Alessandra del Favero and Oliver Piras2

   Alessandra Del Favero and Oliver Piras1    เชฟอเลสซานดรา เดล ฟาเวโร่ และเชฟโอลิเวอร์ ปิราส     

        เชฟอเลสซานดรา เดล ฟาเวโร่ และ เชฟโอลิเวอร์ ปิราส (Alessandra del Favero and Oliver Piras) จากห้องอาหาร AGA Ristorante สาธารณรัฐอิตาลี ได้มิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว ดูโอเชฟที่เป็นหุ้นส่วนชีวิตและหุ้นส่วนธุรกิจ มีสวนผักกับสมุนไพรอยู่หลังร้านซึ่งทั้งคู่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารจานสวยดูล้ำสมัย จนได้ชื่อว่าเป็น Avant-garde Mountain Cuisine

Srijith Gopinathan3

  Srijith Gopinathan1       เชฟสรีจิต โกพินาธัน กับอาหาร   

         เชฟสรีจิต โกพินาธัน (Srijith Gopinathan) จากห้องอาหาร TAJ Campton Place สหรัฐอเมริกา ได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว เชฟชาวตะวันตกหลงใหลน้ำมันมะกอก เช่นเดียวกับเชฟชาวอินเดียที่บอกว่า “ขมิ้น” ดีที่สุด รองลงมาคือขิง ยี่หร่า ผักชี ปาปริก้า อบเชย และมะพร้าว นักชิมต้องลองอาหารที่มีอิทธิพลของอินเดียแต่ก็ไม่เป็นอินเดียมากนัก แล้วรสชาติจะเป็นเช่นไร?

Han Li Guang3re

   Han Li Guang1re     เชฟฮัน ลี กวง  

         เชฟฮัน ลี กวง (Han Li Guang) จากห้องอาหาร Labyrinth สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว นำเสนออาหารสมัยใหม่ที่ประยุกต์เข้ากับอาหารสิงคโปร์แบบดั้งเดิม

Giuseppe Iannotti1

  Giuseppe Iannotti2       เชฟจูเซ็ปเป้ เอียนนอตติ กับอาหารจานสวย   

         เชฟจูเซ็ปเป้ เอียนนอตติ (Giuseppe Iannotti) จากห้องอาหาร Krèsios สาธารณรัฐอิตาลี ได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว เชฟจากแคว้นคัมปาเนีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิตาลี เชฟที่มีแรงบันดาลใจจากเครื่องปรุงที่มาจากธรรมชาติ และมักสรรหาเครื่องปรุงสดใหม่จากทั่วทุกที่ในโลกมาสร้างสรรค์จานเด่นของเขาอยู่เสมอ

Shinji Ishida2

   Shinji Ishida1      เชฟชินจิ อิชิดะ

         เชฟชินจิ อิชิดะ (Shinji Ishida)  จากห้องอาหาร Nogizaka Shin ญี่ปุ่น ได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว เป็นร้านอาหารที่ได้มิชลินเร็วมาก หลังจากเปิดได้เพียง 6 เดือน

Shinya Otsuchihashi1re

Shinya Otsuchihashi2       เชฟชินยะ โอทสึชิฮาชิ กับอาหารของเชฟ    

          เชฟชินยะ โอทสึชิฮาชิ (Shinya Otsuchihashi) จากห้องอาหาร CRAFTALE กรุงโตเกียว ได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว เชฟหนุ่มอนาคตไกลผู้มีเชฟไอดอลคือ โจเอล โรบูชง และให้ความสำคัญกับการจับคู่ขนมปังกับอาหาร และเครื่องปรุงหลักกับซอสประเภทต่าง ๆ

Luigi Taglienti2

Luigi Taglienti1      เชฟลุยจิ ทาเกลียนติ     

        เชฟลุยจิ ทาเกลียนติ (Luigi Taglienti) ห้องอาหาร LUME สาธารณรัฐอิตาลี ได้มิชลิน 1 ดาว อาหารที่สวยราวภาพเขียนของเชฟจากแคว้นลิกูเรีย ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ด้วยผลผลิตจากภูเขาและทะเล ที่เชฟนำมาปรุงเป็นจานเด่นสไตล์คลาสสิกและทวิสต์เล็กน้อยให้เป็นในแบบของเขาเอง

          นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมีอีกมากมาย อาทิ เชฟรับเชิญแต่ละท่านจะเป็นเจ้าภาพดูแล 2 งานไวน์ดินเนอร์และมาสเตอร์คลาส และรังสรรค์เมนูพิเศษสำหรับ “เวิลด์ กูร์เมต์ บรันช์” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อลังการและได้รับความนิยมสูงสุด โดยจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2561 (วันสุดท้ายของเทศกาล)

          สำหรับกิจกรรมมาสเตอร์คลาส นักชิมจะได้ชมเชฟรับเชิญมาเผยเทคนิคการปรุงอาหารพร้อมสาธิตทำอาหาร โดยในวันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน 2561 มาสเตอร์คลาสโดยเชฟชาวญี่ปุ่น ร่วมนำเสนอคู่กับสาเกระดับพรีเมี่ยม ซึ่งจับคู่อย่างลงตัวโดยเชฟและซอมเมอลิเยร์ชื่อดัง เซจู ยาง (Seju Yang) จากห้องอาหารทะเล S’accapau ประเทศญี่ปุ่น

Srijith Gopinathan2re

          ยังมีกิจกรรมจากเซเลบริตี้เชฟ มีอาทิ เชฟพอล เอ ยัง (Paul A Young) ผู้เชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลตจากสหราชอาณาจักร เจ้าของหนังสือ Adventures with Chocolate ซึ่งได้รับรางวัลตำราช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลก จากเวที Gourmand Cookbook  Awards ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เชฟจะจัดกิจกรรมการช็อกโกแลตมาสเตอร์คลาส พร้อมรังสรรค์ขนมหวานและช็อกโกแลต สำหรับชุดน้ำชายามบ่าย ส่วน บ็อบบี้ ชิน (Bobby Chinn) เซเลบริตี้เชฟจะมามอบความบันเทิงให้ใน “Diageo Night” กับการแสดงดนตรีสดของเขากับผองเพื่อน ในวันเสาร์ที่ 8 กันยายน ณ อควาบาร์ บริเวณปาริชาติคอร์ท  

Han Li Guang4re

          ผู้จัดบอกว่า “เวิลด์ กูร์เมต์” ปีนี้ น่าตื่นตาตื่นใจกว่าที่ผ่าน ๆ มา เพราะเป็นเชฟมิชลินทุกคน ซึ่งขณะนี้มีผู้สำรองบัตรรับประทานอาหารมาเกือบ 50% และเชฟมิชลิน 2 ดาว บางคนก็ได้รับการจองล่วงหน้าเต็มทุกรอบ ดังนั้นนักชิมอย่าชะล่าใจ เป็นแฟนคลับใครหรือเทใจให้เชฟคนไหน รีบสำรองที่นั่งแต่เนิ่น ๆ ...

หมายเหตุภาพจาก : World Gourmet  Festival  19th