ไม่ตบเยอะ เจ็บมือ! 'เมีย 2018' ฟ้องชู้ ไม่ทนช้ำ

ไม่ตบเยอะ เจ็บมือ! 'เมีย 2018' ฟ้องชู้ ไม่ทนช้ำ

เสียทองเท่าหัว อย่ายอมเสียผัวมือเปล่า ติดอาวุธให้ ‘เมีย 2018’ ด้วยกฎหมายแพ่งว่าด้วยการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหญิงชู้

ความแรงของละคร ‘เมีย 2018’ น่าจะอยู่ที่บทบาทของ ‘อรุณา’ เมียหลวงผู้ยืนหยัดขึ้นมาสร้างคุณค่าให้ตัวเองเลือกหย่ากับสามีหลายใจ ยกให้เมียน้อยแต่โดยดี สร้างทางออกที่สวยงามให้แก่ชีวิตได้ ไม่นับความฮอตของบอส ‘วศิน’ หนุ่มรุ่นน้องแสนดีพร้อมที่มาเป็นรางวัลของความสวยและเข้มแข็งของอรุณา

ทว่า ชีวิตจริงของเมียหลวงที่ประสบปัญหาเดียวกัน ก็คงไม่ได้มีตอนจบสวยๆ เหมือนอรุณา การต่อสู้ของเมียหลวงมีหลายรูปแบบ หากไม่อยากตบตีราวีกับเมียน้อย เมียก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายมาเรียกค่าเสียหายจากเมียน้อยหรือหญิงชู้ ฐานที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ตัวเธอและครอบครัวได้ แต่จะทำอย่างไร มีเงื่อนไขอย่างไรต้องลองศึกษากันก่อน

ว่าด้วยการฟ้องหญิงชู้

แม้จะถูกทำให้ช้ำใจ แต่ภรรยาหลายคนก็ไม่เลือกที่จะฟ้องหย่าสามี ไม่ว่าด้วยเหตุผลเรื่องความรัก ลูก ครอบครัว สถานะทางสังคม หรือทางเศรษฐกิจ แต่เลือกที่จะให้บทเรียนแก่หญิงชู้ด้วยการฟ้องดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523

“ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากหญิงชู้หรือชายชู้ เป็นคดีทางแพ่ง มีกฎหมายบัญญัติรองรับไว้ กรณีที่ใครก็ตาม ไม่ว่าหญิงหรือชายไปเป็นชู้กับสามีหรือภรรยาคนอื่น ไปทำชู้กับสามีหรือภรรยาคนอื่น ซึ่งภรรยาหรือสามีที่จะเอาผิดกับชายชู้หรือหญิงชู้ได้ ต้องจดทะเบียนสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จึงจะมีเหตุไปฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากหญิงชู้หรือชายชู้ได้” ทนายวิเชียร ชุบไธสง ทนายความ และอดีตอุปนายกสภาทนายความ อธิบายให้ฟัง

ฉะนั้นการจะฟ้องหญิงชู้ได้ ต้องมีทะเบียนสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นเครื่องยืนยัน หากแต่งงานแบบไม่จดทะเบียน ต่อให้จัดงานใหญ่สังคมรับรู้โดยทั่ว ก็ไม่สามารถฟ้องมาตรานี้ แต่อาจไปเข้ากับมาตราอื่นในแง่เกี่ยวกับการทำให้เสียชื่อเสียง ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับการฟ้องชู้มีดังนี้

  • หลักฐานต้องมัดตัว

การจะดำเนินการฟ้องหญิงชู้ ‘หลักฐาน’ คือสิ่งสำคัญ

“ต้องมีหลักฐานชัดเจนเพียงพอว่าเป็นชู้กัน คือ หนึ่ง การยกย่อง ผู้ชายยกย่องหญิงอื่นเป็นภรรยาออกหน้าออกตา พาไปแนะนำคนนั้นคนนี้ว่าเป็นภรรยา หรือหลักฐานว่ามีสัมพันธ์ชู้สาวกัน ประเภทลับๆ ล่อๆ พาผู้หญิงไปทำชู้ตามที่ต่างๆ มีหลักฐานชัดเจน เช่น เป็นรูปถ่าย คลิปวิดีโอ พากันเข้าห้อง ไปไหนมาไหนตามโรงแรม รีสอร์ท แบบนั้น” ถามทนายวิเชียรเรื่องข้อความในแชทต่างๆ การโพสต์ในโซเชียล ก็ถือว่าเป็นหลักฐานประกอบอย่างหนึ่ง เพราะมีข้อความสื่อชัดเจน สามารถนำประกอบการดำเนินคดีได้

มีไม่น้อยที่เป็นผู้หญิงหน้าที่การงานดี มีเงินมากกว่าฝ่ายชาย และเป็นฝ่ายดูแลค่าใช้จ่ายให้ฝ่ายชายด้วยซ้ำ

แต่สิ่งสำคัญที่อาจลืมนึกถึงว่าจะไม่ได้มาง่ายๆ ก็คือ ‘ชื่อ นามสกุล’ ของหญิงชู้นั้น ทนายเหมียว มณีรัตน์ จุลศรี ทนายความแห่งสำนักงาน เนตินนท์ ทนายความ บอกว่า “ถ้าไม่รู้ชื่อ นามสกุลของอีกฝ่าย ก็รับฟ้องไม่ได้” แม้ต่อให้ฝ่ายหญิงชู้จะเป็นสายแรงที่ส่งข้อความ ภาพ และคลิปวิดีโอมาเย้ยเมียหลวง (ซึ่งจะกลายเป็นหลักฐานชั้นดี) แต่ใครล่ะจะมาบอกชื่อจริง บางครั้งเธอเหล่านี้ก็ใช้ชื่อสมมติในโลกโซเชียล การติดตามสืบหลักฐานเบื้องต้นอย่างชื่อ นามสกุลจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

ต่อจากชื่อก็คือการตามเก็บหลักฐานข้างต้น ความเป็นไปได้ของการชนะคดีอยู่ที่หลักฐาน “ถ้ามีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นชู้กัน ศาลก็ให้ชนะคดีอยู่แล้ว” ทนายวิเชียรยัน “แต่หากหลักฐานไม่ชัดเจน ทนายก็ไม่รับฟ้องตั้งแต่แรก” ทนายเหมียวกล่าว ฝ่ายเมียหลวงจึงต้องลงแรงสืบหนักหน่วงอยู่ เพื่อให้พยานหลักฐานชัดมัดตัวมากที่สุด อาจทำด้วยตัวเอง ไหว้วานคนรู้จัก หลายครั้งก็ต้องจ้างนักสืบมืออาชีพติดตามพฤติกรรมของสามีและหญิงชู้

  • อายุความ 1 ปี

อายุความของคดีที่จะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากหญิงชู้นั้นคือ 1 ปี (เช่นเดียวกับการฟ้องหย่ากรณีมีชู้) คือถ้ารู้แล้วว่าสามีตัวเองไปมีชู้กับหญิงอื่น ต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่ที่รู้ ถ้าปล่อยปละละเลยเกิน 1 ปี จะถือว่าไม่ติดใจในการที่จะดำเนินคดี ฉะนั้น ถ้าฝ่ายภรรยาจะไปบอกศาลว่ารู้หลายปีแล้วแต่ทนขมขื่นเอา แบบนี้ไม่ได้ “ต้องบอกว่าแค่ระแคะระคาย แต่ไม่แน่ใจ จนสุดท้าย เช่น เมื่อ 3 เดือนที่แล้วมีหลักฐานว่าไปทำชู้กัน นับแต่วันที่รู้ชัดเจน แต่วันระแคะระคายไม่ถือว่าเป็นวันรู้” ทนายวิเชียรแนะนำ

เมื่อถามถึงระยะเวลาการดำเนินคดี ทนายวิเชียรบอกว่า “ปัจจุบันคดีลักษณะนี้ใช้เวลาไม่นาน พอฟ้องไป ให้จำเลยมายื่นคำให้การ ก็น่าจะใช้เวลาสัก 2 เดือน หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย พอไกล่เกลี่ยแล้วตกลงกันไม่ได้ ก็เข้าสู้กระบวนการพิจารณาคดี อย่างมากไม่เกิน 1 ปี”

  • ค่าสินไหมทดแทนเท่าไรดี

จำนวนค่าสินไหมทดแทนจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับฐานานุรูป หรือสถานะทางสังคมของฝั่งภรรยา หรือเมียหลวงผู้ไปฟ้องหญิงชู้ กฎหมายไม่ได้ระบุว่าอาชีพใดเท่าไร แต่ให้พิจารณาจากฐานะทางสังคมว่าเป็นอย่างไร หน้าที่การงานดี มีคนนับหน้าถือตา เป็นนักธุรกิจโด่งดัง หรือดารา ยิ่งสังคมให้การยอมรับนับถือก็ยิ่งเรียกมูลค่าได้สูง

แต่จะเรียกเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของฝ่ายผู้ฟ้องด้วย เพราะต้องวางค่าธรรมเนียมศาล 2 เปอร์เซ็นต์ของค่าสินไหมทดแทนที่เรียกไป บางคนเรียกหลักแสน บางคนเรียกถึงหลักล้าน

ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี นอกจากค่าจ้างทนายที่ขึ้นอยู่กับความพอใจและการตกลงระหว่างผู้ว่าจ้างและทนายความแล้ว ผู้ฟ้องยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาล 2 เปอร์เซ็นต์จากมูลค่าที่เรียกสินไหมทดแทนไป บวกด้วยค่าส่งหมาย (ไปยังจำเลย) ในกรุงเทพฯ ราว 2,000 บาท ต่างจังหวัดขึ้นอยู่กับความใกล้ไกล ราว 3,000 ไม่เกิน 5,000 บาท และอาจต้องบวกค่าจ้างนักสืบด้วย

ต้องสำรวจตัวเองให้ชัดว่าจะฟ้องไปเพื่ออะไร? จะฟ้องเพื่อต้องการเงินค่าเสียหายจริงๆ เพราะเดือดร้อนจากการที่ครอบครัวแตกแยก หรือต้องการฟ้องเพื่อความสะใจ

ส่วนผู้หญิงหลายคนอยากฟ้องแต่ไม่มีทุนทรัพย์พอ ทนายวิเชียรแนะว่า หากผู้เสียหายยากจนและไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากทนายความอาสาของสภาทนายความได้ ถ้ามีทนายความอาสาแล้วรับว่าความให้ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าทนายความ

นี่คือการฟ้องหญิงชู้แบบไม่ฟ้องหย่า ทั้งนี้ หากภรรยาตัดสินใจชัดเจนว่าจะไม่ไปต่อกับสามีและอยากเรียกค่าเสียหายจากหญิงชู้ด้วย ก็สามารถฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากหญิงชู้ไปพร้อมกับการฟ้องหย่าสามีให้เป็นคดีเดียวกันไปเลยก็ได้ และการฟ้องหย่าสามี หากมีหลักฐานชัดเจน ภรรยาก็สามารถเรียกค่าเลี้ยงดู ค่าเทอมบุตร ฯลฯ ได้ด้วย

ฉันเลี้ยงผัวเธอได้นะ

หญิงชู้ปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ แต่มีไม่น้อยที่เป็นผู้หญิงหน้าที่การงานดี มีเงินมากกว่าฝ่ายชาย และเป็นฝ่ายดูแลค่าใช้จ่ายให้ฝ่ายชายด้วยซ้ำ ทนายเหมียวเล่าถึงบางเคสให้ฟัง

“บางครั้งการฟ้องชู้ก็มีการฟ้องหญิงชู้ที่มีหน้าที่การงานดีเป็นที่นับหน้าถือตาของสังคม ซึ่งก็แรงเหมือนกันนะคะ บอกว่าให้สามีของลูกความลาออกจากงานมาเลย เดี๋ยวเขาเลี้ยงเองได้ คดีนี้เราฟ้องชนะ เพราะหลักฐานชัดมาก มีคลิปที่หญิงชู้กับสามีอยู่ในผ้าขนหนู ส่งคลิปมาไอเลิฟยูกันประมาณนั้น คือที่จริงเขาจะส่งหาสามีทางอีเมล์ แต่ภรรยามาเจอ เพราะในช่วงที่รักกันใหม่ๆ สามีภรรยามักรู้พาสเวิร์ดกันและกัน ต่างคนต่างดูข้อมูลกันได้ ก็เลยทำให้ได้หลักฐาน อย่างเคสนี้ภรรยาฟ้องหญิงชู้เป็นล้าน เพราะเธอก็มีการงานที่ดีเช่นกัน เรียกไป 5,000,000 บาท หญิงชู้คู่กรณีไม่เคยมาศาลเลย แต่งตั้งทนายมา ต่อมาลูกความเราก็ลดเหลือ 1,000,000 เพราะตอนแรกลูกความเราแรงมาก ตั้งใจชนเลย ทนายอีกฝั่งก็ใช้วิธีชะลอเวลา ให้ลูกความเราลดความแรงลง นัดไกล่เกลี่ยก่อน เชิญคนนั้นมาคุยคนนี้มาคุยตามระบบศาล ซึ่งกินเวลา จากคนที่เคยร้อนก็เย็นลง ก็เหลือ 1,000,000 สุดท้ายก็จบกันที่ 500,000 ทางนั้นก็เซ็นเช็คส่งมาเลย เพราะด้วยหลักฐานแล้ว ยังไงอีกฝ่ายก็แพ้คดีค่ะ”

ข้อคิดก่อนฟ้องหญิงชู้

การฟ้องหญิงชู้ไม่ใช่มีแต่ได้กับได้ เพราะกระบวนการไต่สวนคดีมีทั้งเสียและได้ ทนายเหมียวบอกว่า ก่อนจะฟ้องคดีนี้ต้องสำรวจตัวเองให้ชัดว่าจะฟ้องไปเพื่ออะไร? จะฟ้องเพื่อต้องการเงินค่าเสียหายจริงๆ เพราะเดือดร้อนจากการที่ครอบครัวแตกแยก หรือต้องการฟ้องเพื่อความสะใจ

“ถ้าหญิงชู้คนนั้นไม่ได้ทำมาหากินอะไร ไม่มีบ้าน มีรถให้คุณยึด ฟ้องไปคุณจะไม่ได้อะไรนะ แต่บางคนฟ้องไปเพื่อความสะใจ เพื่อให้โลกรู้ว่าหญิงคนนี้เป็นเมียน้อย ให้มีหมายศาลไปติดหน้าบ้าน ให้หมายศาลส่งไปที่บ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งอาจมีพ่อแม่เขาอยู่ ให้พ่อแม่รู้ว่าลูกเป็นเมียน้อย อย่างนั้นฟ้องไป คุณอาจมีเงินอยู่แล้ว ไม่สนว่าจะได้เงินจากเมียน้อยหรือไม่ เพียงแค่ต้องการประกาศว่าความยุติธรรมของความเป็นเมียหลวงมีอยู่ จะมาทำให้ครอบครัวแตกแยกไม่ได้”

แต่ในความสะใจก็มีสิ่งที่ต้องแลกอยู่คือความปวดร้าวระหว่างทางการไต่สวนคดี

“ลูกความแต่ละคนก็แตกต่างกันนะคะ บางคนสะสมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสามีมาหลายสิบปี แต่มาจบลงเพราะผู้หญิงหนึ่งคน ก็รู้สึกแย่และเจ็บปวด หลายคนกว่าจะมาถึงจุดนี้ก็คิดหนัก ถ้าเป็นคดีความขึ้นมา คุณก็ต้องเจอคู่ความคือหญิงคู่กรณีหลายครั้งในการขึ้นศาล และการตีแผ่พฤติกรรมของคน 3 ฝ่าย เมียหลวง สามี และเมียน้อย คุณพร้อมที่จะเผชิญกับการเอาหลักฐานทุกอย่างมาเบิกความให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุคคลในครอบครัวมารับรู้ไหม ทั้งทนายและศาล บางครั้งปัญหาอาจตั้งต้นจากตัวภรรยาหรือลูกความเอง จะยอมถูกตีแผ่ไหม มันเป็นการสาวไส้ให้กันและกันดู อาจจะเจ็บปวดมากกว่าเดิม ต้องยอมรับว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น”

 “ต้องลงคิดดูว่าคุ้มไหม ทั้งค่าใช้จ่ายและความรู้สึก กับสิ่งที่จะได้กลับคืนมา ถ้าคุ้มก็ฟ้องเลย”

//////////////////

เมียน้อย 2018

จากประสบการณ์การทำงานกว่าสิบปี ทนายเหมียวพอจะจำแนกประเภทของเมียน้อยหรือหญิงชู้ได้จากดีกรีเบาไปหาหนัก

1. ไม่รู้ว่าเขาหลอก คือ ผู้หญิงที่ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายมีภรรยาอยู่แล้ว คือตกเป็นเหยื่อของผู้ชายมักมาก ผู้หญิงกลายเป็นชู้โดยไม่รู้ตัว กลุ่มนี้เมื่อรู้จะช็อคมาก จัดว่าเป็นกลุ่มเมียน้อยสายซอฟต์ และมีทางเลือก 2 ทาง คือเลิกทันที หรือยอมเป็นเมียน้อยประเภทที่ 2 ไป

2. รู้ทั้งรู้แต่ยอมรับ เป็นหญิงชู้ที่แรงปานกลาง รู้ว่าผู้ชายมีครอบครัวอยู่แล้ว ก็อยู่ในจุดของตัวเอง ไม่เปิดเผย หาหลักฐานยาก เพราะรู้ทั้งฝ่ายเมียหลวงและตัวเอง จะหลบซ่อนดี มีการเตรียมตัว เป็นกลุ่มที่มักโทรมาปรึกษาหาข้อมูล โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของเพื่อน ของญาติ บางคนก็หน้าที่การงานดี พร้อมดูแลผู้ชาย และเลี้ยงผู้ชายด้วยซ้ำ ที่ยอมรับสถานะเมียน้อย อาจเป็นไปได้ว่าเริ่มจากการเป็นประเภทแรกก่อน เพราะผู้ชายมักจะเล่นเกมเก่ง เวลาอยู่กับครอบครัวก็เป็นพ่อเป็นสามีที่ดี พออยู่กับผู้หญิงอีกคน ก็ทำตัวเป็นผู้ชายโสด บริหารเวลาสองฝั่งได้ ทำให้ผู้หญิงอีกฝั่งตกเป็นเหยื่อ เมื่อรักไปแล้วจึงยอม

3. รู้ ร้าย แรง เมียน้อยสายแรง ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าตัวเองคือเมียอีกคน เป็นประเภทระราน ไปที่บ้านเมียหลวง ไปประกาศที่ทำงาน ประเภทนี้หาพยานหลักฐานได้ง่าย แต่อาจไม่ค่อยมีสตางค์ เพราะยอมเปลืองตัวมาก ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว