2 สีเสียง จาก 2 ดีเจสาว

2 สีเสียง จาก 2 ดีเจสาว

คุยกับ 2 ดีเจสาวไทยที่โกอินเตอร์ไปดังไกลระดับโลก

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัยเสียงดนตรีก็ยังคงเป็นภาษาสากลที่ใช้สร้างสรรค์ และสื่อสารได้อย่างไม่รู้จบ 

ดีเจ (DJ ย่อมาจาก Disc Jokey) อีกหนึ่งอาชีพดนตรีที่การยืนอยู่บนหลังปรับโน่นแต่งนี่ระหว่างที่เสียงดนตรีกำลังบรรเลงให้กับผู้คนได้ขยับตามจังหวะกลายเป็น “ภาพจำ” ให้กับผู้คนอยากจะเข้ามาสัมผัสประสบการณ์หลังเครื่องมิกซ์กันดูบ้าง โดยเฉพาะในระยะหลังๆ ที่เรามักจะเริ่มพบเห็นบรรดาดีเจสาวๆ ผ่านหน้ามา “ยืนแท่น” เป็นสีสันในงานดนตรี แต่ในโลกของคนเปิดแผ่นอาชีพรายละเอียดของคนทำเพลงมีอะไรมากกว่านั้น

nakadia-in-action

ไม่ว่าการมิกซ์เพลงออกมาอย่างไรให้กลายเป็นตัวตน และคนจำได้ อีกทั้งที่อยู่ หรือที่ยืนของดีเจผู้หญิงที่ไม่ใช่แค่สีสันนั้นล้วนต้องผ่านการพิสูจน์ผลงาน และการยืนระยะมาด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะใน Scene Techno music ที่มีดีเจหญิงไทยไปอวดฝีไม้ลายมือจนมีชื่อเสียงในระดับโลกมาแล้วทั้ง นาคาเดีย - สีไพร มุ่งพันธ์กลาง และ แมนดี้ - สาธิกา ราพิมพ์สำโรง

โดยทั้งคู่ยังได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ We’re open โดย สเมอร์นอฟ (Smirnoff) เพื่อสร้างเสียงดนตรีให้เป็นสื่อกลาง ทางวัฒนธรรม สนับสนุน และส่งเสริมความเท่าเทียมกัน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ที่รักเสียงดนตรีได้มีพื้นที่แสดงความสามารถ และสานต่อความสำเร็จในสายอาชีพ 

ไอแอม...ดีเจ

ชื่อของ “นาคาเดีย” อาจไม่ค่อยคุ้นหูกับคอดนตรีบ้านเราสักเท่าไหร่ แต่กว่า 14 ปี บนเส้นทางดีเจ ที่เธอออกทัวร์ไปทั่วโลก เปิดเพลงให้คนฟังมาเกือบ 60 ประเทศ ทำให้เธอได้ชื่อว่า เป็น “ตัวแม่” สำหรับแฟนเพลง deep house, tech-House หรือ techno คนหนึ่งก็ว่าได้ 

3

Nakadia หรือ สีไพร มุ่งพันธ์กลาง สาวจากเมืองโคราชที่ยอมรับว่าตัวเอง “หลงใหล” ในเสียงดนตรีนับตั้งแต่วันที่เธอค้นพบสีสันในเสียงเพลง มันก็ไม่ต่างจากการเปิดสวิตซ์ไฟ เธอใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการฝึกฝน และเรียนรู้ สีสันของเส้นเสียง 

นอกจากการฝึกฝน เพื่อทำความรู้จักตัวตนอีกด้านของตัวเอง บนทางเดินสู่ความเป็นมืออาชีพนั้น ดีเจนาคา หรือปู ก็ต้องผ่านบททดสอบไม่ต่างจากมืออาชีพคนอื่นๆ 

“ได้เปิดแผ่นครั้งแรกก่อนที่แขกจะเข้าร้านค่ะ เปิดให้พนักงานจัดร้านฟัง จนลูกค้าคนแรกเดินเข้ามานั่นแหละ ถึงได้หยุดเล่น” นั่นคือการเปิดแผ่นครั้งแรกสำหรับตัวเอง 

 ในซีนนี้ จุดมุ่งหมายของเธอก็คือ อยากสื่อสารกับคนฟังผ่านเสียงดนตรี ย้อมสีในเสียงให้กลายเป็นโลกอีกใบที่โอบอุ้มอารมณ์ และความรู้สึกของผู้คนที่มาเพื่อฟังดีเจเล่นเพลงเอาไว้ แน่นอนว่า มันเป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ ความรู้ และเทคนิคไม่ว่าจะเป็นเครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งสไตล์การเล่นเพลง หรือลายเซ็นต์ของดีเจที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ล้วนแต่กลายเป็นแหล่งข้อมูล และทำให้ปูไม่เคยหยุดทำการบ้าน 

“เรานึกวันที่โลกไม่มีเสียงเพลงไม่ออกนะ” ปูยอมรับ

ถึงจะมีบางเวลาที่ตัวเองรู้สึกอยากกระโดดออกจากเสียงเพลง แต่มันก็แค่การก้าวจากซีนเพลงแบบหนึ่งไปหาซีนเพลงอีกแบบเพื่อผ่อนคลายตัวเองให้กลับมาเล่นเพลงใหม่อีกครั้ง 

nakadia-on-show

ส่วนความเป็นดีเจผู้หญิงบนเวทีน่ะเหรอ ดีเจนาคาเดียยิ้มแล้วตอบว่ามันไม่ได้เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย เพราะในสายเทคโนนั้น ดีเจผู้หญิงก็ไม่ได้ถือเป็นสีสัน เพราะที่สุดแล้ว เวลาจะบอกเองว่า นี่คือตัวจริงหรือไม่ใช่ เหมือนกับตัวเธอเอง การยืนระยะบนเวที หรือสายอาชีพนี้ นอกจากการ “เอาอยู่” บนเวทีที่จะต้องมีชุดเพลงอย่างน้อย 3 ชุดสำหรับเอ็นเตอร์เทรนคนฟังแล้ว เธอยังต้องคิดถึงบิสสิเนสโมเดลของตัวเองอีกด้วย ไม่ใช่แค่ทำงานเปิดแผ่นไปวันๆ เท่านั้น 

“การยืนระยะต้องมองถึงรูปแบบของธุรกิจด้วย มองการตลาดและเชื่อมโยงกับเพลงให้ออก”

แน่นอน ตัวเธอเองแรกเริ่มอาจจะมองว่าเสียงดนตรีคือความชอบ แต่หลังจากผ่านการพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพ ทำให้เธอโลดแล่นอยู่วงการดีเจมานานกว่า 14 ปี จนประสบความสำเร็จในระดับโลก อีกทั้งนาคาเดียยังได้รับเชิญไปเล่นในคลับดัง และเฟสติวัลใหญ่ๆ ระดับโลก อย่าง Ushuaia Ibiza (Ants) ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นปาร์ตี้อันดับต้นๆ บนเกาะอิบิซ่า 

นอกจากนี้ ยังเดินทางโชว์ฝีมือทั่วโลกมาแล้วกว่า 30 ประเทศต่อปี ไม่ว่าจะเป็นประเทศอังกฤษ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ อิตาลี รวมแล้วกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ที่เธอได้ไปสร้างเสียงเพลงและกล้าที่จะใส่ความเป็นตัวเองลงไปในสิ่งที่รัก และที่สำคัญไปกว่านั้น นาคาเดีย กำลังจะไปโชว์ฝีมือใน เทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่อย่าง ทูมอร์โรว์แลนด์ (Tomorrowland) ประจำปี 2018 อีกด้วย

dj-690986_640

วันนี้ เธอกล้าเรียกตัวเองว่าเป็น “โปรดิวเซอร์” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ นาคาเดียคิดถึงงานระยะยาวอย่างการจัดอีเว้นท์ หรือการทำเพลงในแง่ของการสร้างสรรค์ผลงานออกมาใหม่จริงๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าคือ ไฟที่คอยกระตุ้นให้เธอไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางสายนี้ 

“ฟัง และฝึกฝนค่ะ” ถ้าจะให้แนะนำสำหรับใครที่อยากจะก้าวมาเริ่มต้นกับงานสายดีเจ เธอมอง 2 เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ เพราะว่า สิ่งต่างๆ ที่ตัวเองได้มาก็เริ่มมาจาก 2 คำนี้เหมือนกัน 

เฉดสีของดนตรี อาจไม่ได้หมายถึงแค่การประคับประคองบรรยากาศ หากแต่มันคือการสร้างสรรค์การสื่อสารระหว่างคนกับจังหวะ ย้อมเป็นเรื่องราว หรือห้วงอารมณ์

จนกลายเป็นสีสันของดนตรีที่ไร้คำนิยามนั่นเอง 

ให้ดนตรีเล่าถึงตัวฉัน

หากเทียบกับบันไดที่นาคาเดียยืนอยู่ ชื่อของดีเจแมนดี้ก็อาจจะอยู่ระหว่างการเก็บชั่วโมงบินเพื่อออกเดินทางตามรอยรุ่นพี่ ส่วนเรื่องราวการสาวเท้าเข้ามายืนอยู่บนแผงคอนโซลของเธอนั้น เรียกว่า คงไม่ต่างจากหนังคนละม้วน 

6

สาธิกา ราพิมพ์สำโรง หรือ Mendy Indigo ดีเจสาวเท่ชาวโคราช ที่หลายคนคุ้นเคยกับผลงานทางดนตรีของเธอมาบ้างแล้ว เคยประกอบอาชีพมาหลายอย่าง ทั้งขายเสื้อผ้าตลาดนัดกลางคืน ร้องเพลงในบาร์ เป็นช่างภาพที่เนปาล ก่อนที่เธอก็ได้พบคนที่ช่วยเปิดประตูให้เธอได้รู้จักกับโลกดนตรีเพลงอิเล็กทรอนิกส์เมื่อปี พ.ศ. 2554 และมุ่งมั่นที่จะเดินบนเส้นทางนี้ ด้วยใจรักเสียงเพลงแนวเพลงดาร์คเมโลดิก (Dark Melodic) และออร์แกนิก เทคโน (Melodic & Organic Techno) 

“เราอยากทำเพลง เรายังหลงใหลในเสียงเพลงอยู่” นั่นเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนอย่างเดียวที่เธอสัมผัสได้หลังจากไม่ได้เล่นดนตรีเป็นวงเหมือนอย่างเคย

โลกของการเป็นดีเจสำหรับเธอมันคงไม่ต่างจากการสร้างสรรค์เวทมนต์ในเสียงเพลงให้กับผู้คนได้ไหลไปกับกระแสของเพลง จังหวะ หรือกระทั้งอารมณ์ นั่นจึงทำให้เธอตั้งใจที่จะฝึกฝน และเรียนรู้มันตลอดเวลา จนค้นพบสไตล์เพลงที่เธอถนัดออกมากระแทกอารมณ์ และกระตุ้นพลังของผู้ฟัง 

แมนดี้ตั้งใจสื่อสารแบบนั้นมาโดยตลอด แต่แน่นอนก่อนจะพบแสงสว่างตรงปลายทางอุโมงค์ หนทางเบื้องหน้าย่อมฉาบทับด้วยความไม่เข้าใจ และทัศนคติเชิงลบที่กลายเป็นกำแพงให้เธอต้องก้าวข้าม 

“เราอยากลบภาพผู้หญิงไทยในสายตาฝรั่งออกไปด้วย” นั่นเป็นความตั้งใจแรกๆ สำหรับตัวเธอเอง และเป็นเรื่องราวที่ต้องพบเจออยู่เสมอในการขึ้นเวทีครั้งแรกๆ 

7

แน่นอน บ่อยครั้งที่ของึ้นถึงขั้นอยากลุกขึ้นไปฟาดปากคนพูดให้สำนึกเสียบ้าง แต่ก็ได้แค่คิด เพราะเส้นทางของความฝันมันใหญ่เกินกว่าจะให้เรื่องแค่นี้มาเป็นหลุมขัดขาให้สะดุดล้ม เธอจึงได้แต่คิดว่า ดนตรีนี่แหละจะเป็นเครื่องยืนยันตัวตน และความตั้งใจ 

“ให้เพลงแสดงออก และสื่อสารถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา” แมนดี้บอกอย่างนั้น 

มันชัดเจนในความชอบ และชัดเจนพอๆกับสไตล์เพลงที่เป็นตัวเองออกมาจนเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ เธอได้พัฒนาฝีมือจนได้โลดแล่นบนเวทีระดับสากล และมีงานเทศกาลดนตรีต่างๆ รอร่วมงานกับเธออย่างมากมาย 

ความเป็นผู้หญิงส่วนตัวของเธอไม่ได้เป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะเส้นทางนี้มีเอาไว้ให้สำหรับมืออาชีพเท่านั้น ดีเจสาวปลุกความมุ่งมั่นให้กับผู้หญิงที่รักเสียงเพลง และฝันอยากจะมีอาชีพเป็นดีเจให้กล้าที่จะแสดงตัวตนออกมาให้มากเท่าที่ตัวเองอยาก

แน่นอน มันต้องเป็นการผสมผสานระหว่างการฝึกฝน และใจรัก  จนมาถึงตอนนี้ หลังจากได้พิสูจน์ตัวเองจนมาโลดแล่นเป็นดีเจคนหนึ่งในวงการ ก้าวต่อไปของเธอก็คือการหาเสียงของตัวเองให้เจอ และสร้างสรรค์จนกลายเป็นเพลงของเธออย่างเต็มตัว ตอนนั้นแหละเธอถึงจะมองว่า คือการพิสูจน์ฝีมือการเป็นดีเจที่แท้จริง 

“ให้เสียงดนตรีสื่อสารค่ะ” เธอหัวเราะไปพร้อมกับย้ำคำตอบนั้น

7952d618621177.562cc854c7b66