ภาษารัก ลับๆ ในเสียงดนตรี ลาหู่
มีความลับซ่อนอยู่ในการสื่อสารเสมอ แม้แต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ ที่อาศัยอยู่ตามภาคต่างๆ ของไทย
ธรรมดาของคนรักกัน ย่อมมีวิธีการแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีแก่กันและกันอยู่เสมอ ไม่ว่าใคร
ชาวลาหู่เองก็เหมือนกัน
พวกเขาเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นที่อยู่กระจัดกระจายตามพืนที่สูงในภาคเหนือ และภาคกลางของประเทศไทย ตั้งแต่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลงมาจนถึง กำแพงเพชร
คนลาหู่มีอยู่ราว แสนเศษ และแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม อาทิ ลาหู่นะ ลาหู่ญี ลาหู่บาหลา ลาหู่บาเกียว ลาหู่เชเล เป็นต้น
นอกจากการละเล่นในช่วงเทศกาล ลูกข่าง สะบ้า และลูกช่วง เสียงดนตรียังถือว่า เป็นอีกอัตลักษณ์สำคัญของคนกลุ่มนี้ อีกด้วย
เสียงดนตรี กับลาหู่นั้นเป็นของคู่กัน พวกเขาชำนาญการเล่นดนตรีประเภทหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่ เครื่องดนตรีลาหู่มักทำมาจากไม้ไผ่ ไม่ว่าจะเป็น หน่อกู่มา (แคน) แล้ ก่า ชุ่ย (ขลุ่ย) เต่อสื้อโก่ย หรือซึง ไปจนถึง จะโก (กลอง) ใช้บรรเลงประกอบการเต้นรำ
ไม่ว่าจะ ฉลองปีใหม่ กินข้าวใหม่ หรือวันสำคัญทางศาสนา คนที่นี่มักจะมีเสียงดนตรีเคล้าคลออยู่เสมอ
รวมทั้งภาษารักที่เอาไว้เกี้ยวกันระหว่าง หนุ่ม-สาว
แม้วันนี้ เทคโนโลยีการสื่อสารจะรวดเร็ว และล้ำสมัยปานใด เพรียกทำนองเกี้ยวสาวของชายหนุ่มลาหู่ก็ยังถือเป็นเสน่ห์ไม่ต่างจากปลายจวักของแม่ครัวเลย
อย่าง ขลุ่ย ที่นอกจากจะใช้เป่าเพื่อความเพลิดเพลินแล้ว สำหรับคนลาหู่ ยังเป็นที่รู้กันว่า นี่เป็นเครื่องเป่าที่รังสรรขึ้นเพื่อสื่อรักอีกนัยหนึ่งด้วย
มีกฎของการเป่าขลุ่ยที่ต้องจำอยู่ 2-3 ข้อ
ข้อแรก ห้ามเป่าในชุมชน
ข้อสอง เป่าเวลาไปไร่นา
หรือไปเป่าท้ายหมู่บ้านเพื่อพบปะกัน
ส่วนจะพูดคุยกันเรื่องอะไร ...มันเป็นความลับ
ไม่ต่างจากจึ๊งหน่อง (อ้าทา) ซีกไม้ไผ่ชิ้นเล็กๆ ที่ใช้แรงสั่น และลมปากเป่าให้เกิดเสียง “เบา” มากถ้าไม่ได้ตั้งใจฟังให้ดี และเสียงนี้เอาไว้ส่งภาษารักกันท่ามกลางสายลมกลางคืน
สุนทรีย์ในเครื่องดนตรีสำหรับคนลาหู่เองจึงเป็นทั้งความรัก
และความลับ