“เอ็มมา สโตน” ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงค่าตัวแพงสุดในโลก

“เอ็มมา สโตน” ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงค่าตัวแพงสุดในโลก

La La Land ส่ง "เอ็มมา สโตน" ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงค่าตัวแพงที่สุดในโลก ประจำปี 2017

“La La Land นครดารา” ไม่ได้แค่ทำให้ เอ็มมา สโตน คว้ารางวัลด้านการแสดงจากเวทีต่าง ๆ ไปนอนกอดที่บ้านมาแล้วหลายตัวเท่านั้น แต่มันยังทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลกอีกด้วย

 

“เอ็มมา สโตน” ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงค่าตัวแพงสุดในโลก

 

            ข้อมูลการจัดอันดับนักแสดงหญิงค่าตัวแพงสุดในโลกประจำปี 2017 ของนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่า เอ็มมา วัย 28 ปี ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 26 ล้านดอลลาร์ (กว่า 830 ล้านบาท) โค่นแชมป์เก่า “เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์” ที่ครองตำแหน่งนี้ติดต่อกันถึง 2 ปี (2016 กับ 2015) ลงไปได้

             เท่ากับว่า เอ็มมา สโตน มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีที่แล้วถึง 160% เพราะในปี 2016 เธอมีรายได้เพียงแค่ 10 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ส่วนในปีนี้ รายได้หลักของเอ็มมามาจากภาพยนตร์เรื่อง La La Land ที่ประสบความสำเร็จทั้งเงินและกล่องนั่นเอง

            ใน “La La Land นครดารา” เอ็มมารับบทเป็น “มีอา โดแลน” บาริสตา และนักแสดงหญิงผู้ทะเยอทะยานที่ได้ไปพบ และตกหลุมรักนักดนตรีหนุ่ม “เซบาสเตียน ไวล์เดอร์” ที่รับบทโดย “ไรอัน กอสลิง” โดยภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้บ็อกซ์ ออฟฟิศ ทั่วโลกไปแล้ว 445.3 ล้านดอลลาร์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 14 ตัว และคว้าไปครอง 6 ตัว รวมถึงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของเอ็มมาด้วย

 

“เอ็มมา สโตน” ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงค่าตัวแพงสุดในโลก

            ทว่า การที่ เอ็มมา สโตน คว้าตำแหน่งนักแสดงหญิงที่มีรายได้สูงสุดในโลกไปครองกลับกลายเป็นเรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออก เพราะก่อนหน้านี้เธอเพิ่งให้สัมภาษณ์เรื่องค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรมระหว่างนักแสดงหญิงและนักแสดงชายในฮอลลีวู้ดเอาไว้ว่า ดาราชายหลายคนที่เล่นหนังกับเธอยอมลดค่าตัวของพวกเขาลง เพื่อให้เท่ากับที่เธอได้รับ แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อว่าเป็นใครบ้าง

 

 

 

            อันดับ 2 ตกเป็นของ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ที่ทำรายได้ไป 25.5 ล้านดอลลาร์ จากค่าลิขสิทธิ์ซีรีส์เรื่อง “เฟรนด์ส” ที่จบไปนานนับสิบปีแล้ว รายได้จากภาพยนตร์เรื่อง The Yellow Bird แต่รายได้ส่วนใหญ่ของเธอจะมาจากค่าตัวในการถ่ายโฆษณาให้สายการบินเอมิเรตส์ น้ำดื่ม Smartwater และครีมทาผิว Aveeno มากกว่า

 

“เอ็มมา สโตน” ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงค่าตัวแพงสุดในโลก

 

 

            ส่วนแชมป์เก่าสองสมัย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ตกมาอยู่อันดับ 3 จากรายได้ 24 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากรายได้ 46 ล้านดอลลาร์ที่เธอทำได้เมื่อปี 2016 (ส่วนใหญ่มาจากหนัง Hunger Games ภาคสุดท้าย) สำหรับในปี 2017 นี้ รายได้ส่วนใหญ่ของสาวเจนลอว์มาจากภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Mother หนังสายลับเรื่อง Red Sparrow แล้วก็การเป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์หรูอย่าง Dior

 

“เอ็มมา สโตน” ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงค่าตัวแพงสุดในโลก

 

ทั้งนี้ ในบรรดา 10 อันดับนักแสดงหญิงทำเงินสูงสุดประจำปี 2017 ตามการจัดอันดับของฟอร์บ เอ็มมา วัตสัน English Rose แสนสวยจากประเทศอังกฤษ เป็นนักแสดงหญิงเพียงคนเดียวที่เพิ่งมีรายชื่อติดโผนี้หลังจากที่หนัง live action เรื่อง Beauty and the Beast ของดิสนีย์ แล้วก็เรื่อง The Circle ที่เธอนำแสดงกวาดเงินไปได้ทั่วโลกถึง 1,260 ล้านดอลลาร์แล้วในตอนนี้ แม้ว่าเสียงวิจารณ์จะไม่ดีนักก็ตาม

 

“เอ็มมา สโตน” ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงค่าตัวแพงสุดในโลก

 

            ส่วนอันดับ 4 ตกเป็นของ เมลิสซา แมคคาร์ทนีย์ (18 ล้านดอลลาร์) อันดับ 5 มิลา คูนิส (15.5 ล้านดอลลาร์) อันดับ 6 เอ็มมา วัตสัน (14 ล้านดอลลาร์) อันดับ 7 ชาร์ลีซ เธรอน (14 ล้านดอลลาร์) อันดับ 8 เคท บลังเชทท์ (12 ล้านดอลลาร์) อันดับ 9 จูเลีย โรเบิร์ตส (12 ล้านดอลลาร์) อันดับ 10 เอมี่ อดัมส์ (11.5 ล้านดอลลาร์) 

            ฟอร์สบจัดอันดับรายได้นักแสดงเหล่านี้โดยคำนวณรายได้ก่อนหักภาษีในช่วง 12 เดือน (ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2016 ถึง 1 มิถุนายน 2017) ของพวกเธอจากข้อมูลของ Nielsen ตัวเลขบ็อกซ์ ออฟฟิศ แล้วก็ข้อมูลจากแหล่งข่าววงในแวดวงบันเทิง ซึ่งเมื่อนำรายได้ของทั้ง 10 คนมารวมกันแล้วปรากฏว่าลดลงถึง 16% จากเมื่อปี 2016 ที่ได้ 205 ล้านดอลลาร์ ส่วนในปีนี้ได้ไปเพียง 172.5 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

            นอกจากนี้ เมื่อปี 2016 ยังมีนักแสดงหญิงที่ทำรายได้ทะลุ 20 ล้านดอลลาร์ถึง 4 คน ขณะที่ในปีนี้มีแค่เพียง 3 คนเท่านั้น

            ทั้งนี้ เรื่องที่นักแสดงหญิงในฮอลลีวู้ดได้ค่าตัวน้อยกว่านักแสดงชายมากเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างร้อนแรงนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แฮกข้อมูลบริษัทโซนี พิคเจอร์ส ในปี 2014 ซึ่งอีเมลที่หลุดออกมาทำให้รู้ว่า เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ กับ เอมี่ อดัมส์ ได้ค่าตัวน้อยกว่านักแสดงชายในเรื่อง American Hustle

            หลังจากนั้น เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ก็เลยกลายมาเป็นหัวหอกในการรณรงค์เรื่องนี้มาโดยตลอด อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ นูมี เรเพซ นักแสดงหญิงจาก Girl With A Dragon Tattoo ก็ออกมาพูดว่าเรื่องนี้ทำให้เธอขุ่นเคืองใจ ขณะที่ เอมิเลีย คลาร์ก หรือแม่มังกรสุดฮ็อตจากซีรีส์ Game of Thrones บอกว่า การเลือกปฏิบัติทางเพศในวงการบันเทิงนั้นก็เหมือนการแก้ปัญหาเรื่องเหยียดสีผิวนั่นเอง