1,643 จุดวัดใจ

1,643 จุดวัดใจ

SET Index วานนี้เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดวัน จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ปิดร่วง $4.24 (-7.61%) หลังโอเปคปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปี 2562

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กดดันซาอุดีอาระเบียและกลุ่มโอเปกไม่ให้ปรับลดกำลังการผลิตโดยกลุ่ม Big Cap ที่กดดันตลาดวานนี้ได้แก่ PTT PTTEP PTTGC ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,652.30 จุด (-7.48 จุด) Volume 4.5 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -1,755.78 ลบ. TFEX Net -5,503 สัญญาตราสารหนี้ +562 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+น้ำมันฟื้นตัวหลังโอเปกและพันธมิตรจะลดกำลัผลิตสูงสุด 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าที่เจ้าหน้าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้

+กนง. มีมติ 4:3 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตามตลาดคาด ส่วนอีก 3 เสียงหนุนขึ้นดอกเบี้ย มองศก.ขยายตัวต่อเนื่องชัดเจน

-ดาวโจนส์ลดลง 205.99 จุดหลังหุ้นแอปเปิลปรับตัวลงจากนักลงทุนคาดว่าแอปเปิลจะประสบปัญหายอดขาย iPhone ตกต่ำ

-สหรัฐเผยดัชนี CPI ดีดตัว 0.3% ในเดือนต.ค. สูงสุดรอบ 9 เดือน

-"เทเรซา เมย์" แถลงยืนยัน คณะรัฐมนตรีอังกฤษอนุมัติร่างข้อตกลง Brexit แล้ว

-กลุ่มฮามาสขู่เตรียมยิงจรวดถล่มอิสราเอลหากยังเดินหน้าโจมตีทางอากาศในฉวนกาซา

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.77 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.94 บาท/US

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่พลิกบวกในรอบ 12 วันทำการ  โดยมีปัจจัยกดดันจากทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับลดลง แนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED และธปท. คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ  1,643 -1,665 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

- ครม.ออกมาตรกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติม AOT CENTEL ERW

- หุ้นแนะนำประจำเดือน พ.ย. AUCT XO SPALI KKP

-Low Beta High Dividend ANAN PSH QH ASK TISCO KKP SPRC TOP TKS

-เงินบาทอ่อนค่าสู่ 32.94 หนุนกลุ่มส่งออก CPF SVI XO

-หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI

- MSCI ประกาศปรับการคำนวณดัชนีรอบกลางปี

  Global Standard หุ้นเข้า : GULF MTC หุ้นออก :ไม่มี

  Small Cap หุ้นเข้า : CBG MBK PRINC หุ้นออก : CCET DDD ICHI MONO VNG

หุ้นแนะนำพิเศษ

GPSC Analyst Meeting ผลประกอบการ 4Q61 อ่อนตัวแต่ระยะยาวยังน่าลงทุน

  • คาดผลประกอบการ 4Q61 อาจอ่อนตัวลงเนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าปรับขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ราคาขายไฟยังทรงตัวเนื่องจากภาครัฐไม่มีการปรับขึ้นค่า Ft ในปีนี้ นอกจากนี้โรงไฟฟ้าศรีราชามีแผนหยุดซ่อมบำรุง 45 วัน อีกทั้งไม่มีปันผลรับจากโรงไฟฟ้าราชบุรีพาวเวอร์135 ล้านบาทเหมือนในไตรมาส 3/61
  • หลังจาก กกพ. ไม่อนุญาตให้ GPSC เข้าซื้อ GLOW ทำให้การเติบโตอย่างก้าวกระโดดจะต้องมาจากทางอื่น อย่างไรก็ตามผู้บริหารแจ้งว่าการขยายธุรกิจยังเป็นไปตามแผนเดิม (เน้นการเติบโตตามกลุ่ม ปตท. และกำลังศึกษาแผนการลงทุนในประเทศพม่า) ก่อนที่จะมีเรื่อง GLOW และไม่ได้มีแผนสำรองในการหาสินทรัพย์ขนาดใหญ่ลงทุนในขณะนี้ (ลดความเสี่ยงเรื่องการเพิ่มทุน)
  • ความเห็น ในระยะสั้นผลประกอบการ 4Q61 อาจอ่อนตัวลงแต่ในระยะยาวยังน่าสะสมเนื่องจากปี 62 จะมีโรงไฟฟ้า 3 แห่งกำลังการผลิตรวม 392 MW เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้า (ไซยะบุรี 321 MW น้ำลิก 26 MW และ CUP4 อีก 45 MW) ซึ่งเรามองว่าโรงไฟฟ้าไซยะบุรีจะเป็นตัวหลักในการเติบโตหลังมีการดำเนินการผลิตไฟฟ้า จึงแนะนำ ซื้อลงทุนระยะยาวหากมีการย่อตัวลงจากผลประกอบการไตรมาส4 ที่คาดว่าจะอ่อนตัว

ANAN Analyst Meeting (ราคาปิด 4.00 Bloomberg Consensus 6.18)

  • งวด 3Q61 มีกำไรสุทธิ 976 ลบ. +67% QoQ +593% YoY ซึ่งดีกว่าคาดการณ์ของ Bloomberg Consensus 18% งวด 9M61 มีกำไรสุทธิ 1,705 ลบ. +204%  การเติบโตสูงมาจากการโอนโครงการร่วมทุนทำให้ส่วนแบ่งรายได้พลิกมีกำไร 1,455 ลบ. จากขาดทุน 471 ลบ.ใน 9M60 ที่โอนโครงการไอดีโอ-สุขุมวิท 93 (ถือหุ้น 51%) โอนเร็วกว่าคาด
  • แนวโน้ม 4Q61 ยังเติบโตต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ และคาดจะมีกำไรสูงสุดรายไตรมาส ผู้บริหารมีเป้าโอน 1.56 หมื่นลบ. +31%QoQ  ซึ่งมี backlog รองรับแล้ว 88% Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 2,127 ลบ. +60%  ผู้บริหารเปิดเผยผลกระทบจากมาตรการ LTV ว่าอยู่ในระดับต่ำ backlog มูลค่า 4.9 หมื่นลบ.ทำสัญญาก่อน 15 ต.ค. 61 เกือบ 80% ราว 10% เป็นลูกค้าที่จ่ายเป็นเงินสด บางส่วนเป็นบ้านหลังแรกบางส่วนราคาต่ำกว่า 10 ลบ. ทั้งนี้เรายังมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโต รายได้ปี 62 มี backlog รองรับแล้ว 1.8 หมื่นลบ.จากจำนวน 9 โครงการที่มีกำหนดโอน ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมากจาก sell on fact และความกังวลต่อผลกระทบของมาตรการ LTV
  • CK รายงานกำไรไตรมาส 3/61 ที่ 1.28 พันลบ. +105%YoY และ+136%QoQ โดยมีรายได้ 7.2 พันล้านบาท -18%YoY เนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีเข้าสู่ช่วงปลายโครงการ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 7.9% ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นสู่ 1.04 พันล้านบาท (3Q60 อยู่ที่ 284 ล้านบาท) เนื่องจาก BEM โอนเปลี่ยนเงินลงทุนใน CKP จากบริษัทร่วมเป็นหลักทรัพย์เผื่อขาย อีกทั้ง CKP มีผลประกอบการดีขึ้น

AUCT กำไรโตกว่าที่คาด ราคาปิด 6.05 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสมเดิม 8.25 บาท (เตรียมปรับประมาณการณ์ขึ้น)

  • รายงานกำไร 3Q61 เท่ากับ 49.9 ลบ. (+51.6%YoY +77.1%QoQ) โตกว่าที่คาดไว้ว่าจะโตราว 20%YoY การเติบโตหลักมาจากรายได้จากการประมูลรถยนต์ และรถเกษตร +26.9%YoY +22.4%QoQ ตาม
  • การขยายตัวของยอดขายรถใหม่ภายในประเทศของช่วง 3Q61 ที่เติบโต 22%YoY 2.2%QoQ ขณะที่ %GPM ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 52.9% เติบโตจาก 2Q61 ที่ระดับ 46.3% เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Economies of Scale ส่งผลให้กำไร 9M61 อยู่ที่ 119.54 ลบ. คิดเป็น 92.9% ของประมาณการกำไรทั้งปี
  • แนวโน้ม Q4 เติบโตกว่า Q3 : จากการเติบโตของยอดขายรถใหม่ภายในประเทศ (High Season) และการเร่งนำรถเก่ามาขายให้ทันภายในสิ้นปี (รถจะตกรุ่น – การนับอายุรถตามปีปฏิทิน) อีกทั้งคาดว่าจะมีรายได้จากการร่วมเป็นพันธมิตรกับการรถไฟแห่งประเทศไทยในการประมูลสิ่งของชำรุดเสียหาย เลิกใช้ มูลกว่า 19 ลบ. ประมาณกำไรปี 61 (เดิม) 128.7 ลบ. (เตรียมปรับประมาณการขึ้น)
  • + CHO เผยกลุ่ม SCN ได้รับเงินรถเมล์ NGV งวดแรกแล้ว 341 ลบ.มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20%
  • + TRC เล็งเข้าประมูลงานใหม่กว่า 1 หมื่นลบ.ใน Q4/61 รุกเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ใหม่เพิ่มความหลากหลายธุรกิจ
  • + BIZ เปิดตัว BIZGenes ตรวจพันธุกรรม คัดกรองความเสี่ยงโรคมะเร็ง หนุนเพิ่มศักยภาพธุรกิจ
  • + RATCH เผยโรงไฟฟ้าพลังลมในออสเตรเลียหยุดเดินเครื่องชั่วคราวหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้กังหัน

        + EGCO เข้าลงทุน 49% ในโรงไฟฟ้าก๊าซ Paju Energy Service ของเกาหลีใต้ มูลค่า 2.62 หมื่นลบ. คาดแล้วเสร็จม.ค.62

หุ้นมีข่าว   

III Analyst Meeting

  • รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 44 ลบ. +14%QoQ +67%YoY จากรายได้รวมที่เติบโตถึง 37% สู่ 734 ลบ. แบ่งได้เป็น 1) รายได้จากธุรกิจ Air Freight 597 ลบ. +36%YoY มาจากยอดการขนส่งแบบ International เพิ่มสูงขึ้น 2)รายได้จากธุรกิจ Sea Freight 34 ลบ. +50%YoY เติบโตสูงหลังเป็นพันธมิตรกับสายการเดินเรือริเชา (Rizhao) จากจีน 3) รายได้จากธุรกิจ Logistics 31 ลบ. +19%YoY 4) รายได้จากธุรกิจ Chemical Logistics 151 ลบ. +7%YoY โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 23% ใน 3Q60 เหลือ 17.5% เนื่องจากธุรกิจ Air Freight ถึงแม้จะมีปริมาณการขนส่งแบบ International สูงขึ้นมาทดแทนการขนส่งจากไปรษณีย์ไทยที่หายไป แต่แลกมาด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงและความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี  จึงทำให้อัตรากำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นมาจาก 3Q60 ที่ 5% เป็น 6% งวด 9M61 มีกำไรสุทธิ 108 ลบ. ทรงตัว YoY
  • ผบห.มองแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4 ดังนี้ 1)ธุรกิจ Air Freight ยังสามารถเติบโตได้จากกิจกรรมของร้านค้าออนไลน์เช่น กิจกรรม 11.11 ที่กระตุ้นการขนส่งให้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในเส้นทางที่เปิดใหม่เช่น Nagoya Beijing ยังมีช่องทางการเติบโตได้อยู่ 2) ธุรกิจ Sea Freight อาจมีการขยายเส้นทางการเดินเรือเพิ่มขึ้น 3)ธุรกิจ Logistics ที่เน้นการบริหารต้นทุนเพื่อให้ธุรกิจกลับมามีกำไร 4) ธุรกิจ Chemical Logistics ตลาดค่อนข้างอิ่มตัวแต่มีแนวโน้มขยายการเติบโตแบบ M&A  สำหรับการขนส่งของไปรษณีย์ไทย ผบห.ของไปรษณีย์ไทยแสดงความชัดเจนที่จะกลับมาใช้บริการขนส่งทางอากาศอีกรอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันกับบริษัท Logistics รายอื่นได้  เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินในอนาคตของ III จากการแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกต์ที่ยังดูดีอยู่ และมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการกลับมาใช้บริการของไปรษณีย์ไทย

BANPU Analyst Meeting 4Q61 ถ่านหินดีแต่ไฟฟ้าอ่อนตัว

  • แนวโน้มธุรกิจถ่านหิน 4Q61 ที่ออสเตรเลียมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากทั้งต้นทุนที่คาดว่าจะลดลง 15%QoQ สู่ระดับ 60-62 ดอลลาร์ต่อตันเนื่องจากผลิตได้เพิ่มขึ้นทำให้มี Economy of Scales ขณะที่ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น 65%QoQ สู่ 3.8 ล้านตันหลังไม่มีการย้ายอุปกรณ์ขุด (Longwall) ส่วนที่อินโดนีเซียคาดว่าจะสามารถผลิตถ่านหินได้เพิ่มขึ้นหลังผ่านฤดูฝนไปแล้ว ด้านราคาถ่านหินบริษัทยังมีมุมมองบวกจากความต้องการถ่านหินจากอินเดียที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ
  • แนวโน้มธุรกิจไฟฟ้า 4Q61 อาจอ่อนตัวลงเนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรงไฟฟ้า BLCP หน่วยที่ 2 เป็นเวลา 10 สัปดาห์และหยุดซ่อมบำรุงย่อยโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยที่ 1 และ 2 เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะที่โรงไฟฟ้าที่จีนถูกกดดันจากค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวขึ้นช้ากว่าต้นทุนราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น
  • แผนงานปี 62 บริษัทมีแผนลงทุนในธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มโดยตั้งเป้างบลงทุนที่ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแผนขยายไปยังท่อส่งก๊าซฯ และโรงไฟฟ้าก๊าซฯ เพิ่มเติมในอนาคต ด้านธุรกิจไฟฟ้าบริษัทมุ่งขยายโรงไฟฟ้าไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 2 เท่าตัวสู่ 130 GW โดยมองโอกาสการลงทุนทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวก BANPU จากราคาถ่านหินที่สามารถยืนเหนือ 100 ดอลลาร์ต่อตันได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าธุรกิจไฟฟ้าจะอ่อนตัวแต่เป็นปัจจัยทางฤดูกาลของโรงไฟฟ้าที่มีกำหนดซ่อมบำรุง หากนักลงทุนสนใจเข้าเก็งกำไรควรติดตามราคาถ่านหินอย่างใกล้ชิด โดยหากราคาถ่านหินปรับตัวลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อตันให้ชะลอลงทุน

·      SPA (ราคาปิด 12.50 ซื้อ ราคาเหมาะสม 16.80 ) รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 52 ลบ. +18%YoY ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกันที่ 18% สู่ 291 ลบ. เติบโตตามสาขาที่เปิดเพิ่มขึ้นรวม 12 สาขาแบ่งได้เป็น แบรนด์ Let's Relax 11 สาขา และแบรนด์บ้านสวน 1 สาขา(กทม. 2 สาขา , ต่างจังหวัด 5 สาขา , แฟรนไชส์ 5 สาขา) โดยบริษัทสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิได้ที่ 34% และ 18 % ตามลำดับสำหรับกำไรสุทธิงวด 9M61 อยู่ที่ 156 ลบ. คิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ที่ 214 ลบ.

·      SSP (ราคาปิด 7.90 ซื้อ ราคาเหมาะสม 11.20) รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 118 ลบ. +119%YoY เติบโตตามรายได้รวมของบริษัทที่เพิ่มขึ้นราว 34%YoY สู่ 293 ลบ. จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ที่ COD ในปีนี้ได้แก่ โครงการ Hidaka , Zouen และโครงการโซลาร์รูฟท๊อป DoHome เป็นต้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงถึง 35% เนื่องจากบริษัทมีการปรับโครงสร้างเงินกู้ภายในกลุ่มให้เป็นเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น ทำให้ไม่มีการบันทึก Unrealized FX gain/loss เข้ามาด้วย สำหรับกำไรสุทธิงวด 9M61 อยู่ที่ 378 ลบ. คิดเป็น 68% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ที่ 555 ลบ.

·      JKN (ราคาปิด 11.40 ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.40 ) รายงานกำไรสุทธิ 9M61 อยู่ที่ 186 ลบ. +3%YoY คิดเป็น 83% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ที่ 225 ลบ. จากรายได้รวมของบริษัทเติบโตราว +16%YoY สู่ 970 ลบ. แต่มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมาเช่นกันจากการที่ 1)การซื้อคอนเทนต์เพิ่มทำให้มีต้นทุนค่าสิทธิ์(ค่าตัดจำหน่าย ค่าพากย์ ค่าแปล)ที่เพิ่มขึ้นราว 30%YoY สู่ 600 ลบ. 2)บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นราว 312%YoY สู่ 36 ลบ. หลักๆมาจากการจัด Event และค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์

LH Analyst Meeting  (ราคาปิด 10.50 Bloomberg Consensus 12.79)

·         3Q61 มีกำไร สุทธิ 2,314 ลบ. -26%YoY -32%QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการกลับรายการสำรองมีกำไรปกติ 2,098 ลบ. งวด 9M61 มีกำไรสุทธิ 8304 ลบ. -3.6%YoY 9M60 มีกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ ราชดาริ ส่วนของบริษัทรวม 1,248 ลบ. ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 930 ลบ. +17%QoQ +12%YoY

·         ผลการดำเนินงาน 4Q61 น่าจะทรงตัว QoQ  เติบโต YoY โดยมี backlog 6538 ลบ. และมีการเปิดโครงการ Terminal พัทยาในเดือนต.ค.ปี โดยมีดูแผ่วจากการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการใน 4Q61 ไปใน 1Q62 ทำให้มูลค่าโครงการเปิดใหม่ปีนี้ทำได้เพียง 65% ของเป้า 3.6 หมื่นลบ. ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตในปีหน้า แนะนำ ถือรอรับเงินปันผล จาก IAA Consensus คาด yield เฉลี่ย 7.1%