โลกเสมือน ฝีมือสยาม 'ภัสวิชญ์ จริตงาม' Visual Effect เบื้องหลังภาพยนตร์ระดับบ็อกซ์ออฟฟิศ

โลกเสมือน ฝีมือสยาม 'ภัสวิชญ์ จริตงาม' Visual Effect เบื้องหลังภาพยนตร์ระดับบ็อกซ์ออฟฟิศ

เบื้องหลังฉากไล่ล่าสุดอลังหรือการต่อสู้ของตัวละครเหนือมนุษย์ คือหนุ่มไทยผู้เนรมิตสิ่งที่อยู่ในจินตนาการให้กลายเป็นความสมจริงของหนังดังหลายเรื่อง

ถึงจะไม่ใช่คนไทยคนเดียวที่ไปแสดงฝีมือในวงการภาพยนตร์ระดับโลก แต่เขาคือคนหนึ่งที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของกระบวนการผลิตหนังที่หลายคนปรามาสว่า คนไทยไม่ค่อยมีความสามารถด้านการทำ Visual Effect ให้สมจริง ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังไทยและละครไทยหลายเรื่องยังเป็น ‘งานหยาบ’ อย่างเขาว่า

แต่การที่หนุ่มไทยวัย 30 ปี ไปประกาศศักดาในต่างแดนด้วยผลงานภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง แต่ละเรื่องคือระดับท็อปของบ็อกซ์ออฟฟิศและคนไทยเองก็รู้จักดี อาทิ Doctor Strange, Spider Man, Underworld เป็นต้น กว่าที่คนไทยจะไปแปะชื่อตัวเองให้โลกรู้ตรง End Credit นั้นยากแค่ไหน การทำงานกับยอดฝีมือจนสำเร็จเป็นหนังดังเป็นอย่างไร และวงการ Visual Effect ของไทยที่ใครๆ ก็ดูแคลนจะมีอนาคตแบบใดในสายตาของเขา จุดประกายอาสาพาไปท่องโลกเสมือนที่มีอยู่จริงของ อ๋อง - ภัสวิชญ์ จริตงาม

  • สิ่งที่ทำอยู่คืออะไร

ส่วนใหญ่คนไทยอาจจะคุ้นกับคำว่า CG (Computer Graphic) ในด้านของเราเรียกว่า Visual Effect ในตำแหน่งที่ผมทำอยู่จริงๆ คือ Digital Compositor โดย visual effect ไม่ใช่ animation ที่เราเข้าใจกัน แต่ visual effect จะเป็นเหมือนพวกหนังของ Marvel หรือหนังเรื่อง Transformer คือมีคนมาแสดงด้วย มี CG สัตว์ประหลาดด้วย เพราะ digital compositor จะเป็นคนปิดฉาก เป็นกระบวนการสุดท้ายของ visual effect เช่นถ้ามีสัตว์ประหลาด มีตากล้องถ่ายคนแบบ green screen มา ผมก็จะเอามารวมกันให้ดูสมจริง ถ้าคุณดูหนังแล้วเห็นว่ามันลอยๆ คุณอาจจะมาตำหนิตำแหน่งผมได้ เพราะผมมีหน้าที่ปิดฉาก ต้องทำให้มันเนียนที่สุด

ก้าวแรกบนถนนสายนี้?

จริงๆ แล้วทุกวันนี้มันยากมาก ยิ่งเข้าไปทำงานในอเมริกา ผมคิดแล้วว่าหลายร้อยหลายพันคนอยากเข้ามา ก็ต้องเก่งต้องมาแย่งมาชิงกันเพื่อที่จะเข้าไปให้ได้ จริงๆ วงการนี้อยู่ยาก แต่การจะเริ่มเข้าไปให้ได้นั้นยากกว่า ผมก็คิดแล้วว่าจะทำอย่างไรให้เป็นหนึ่งในหลายร้อยหลายพันคนที่เหลือรอดได้ จึงไปค้นหาข้อมูลจากคนที่ทำอยู่ในวงการเพื่อดูว่าไอ้คนที่ทำในวงการนี้ ตัวอย่างผลงานเป็นอย่างไร เราก็ทำตามก่อนจะเรียนจบหนึ่งปี ทำเป็นปริญญานิพนธ์ของตัวเอง คล้ายใส่ความเป็นไทยเข้าไปด้วย ก็เลยได้รางวัลที่ 1 ของมหาวิทยาลัยปีนั้น พอได้รางวัลมาแล้วเหมือนใบเบิกทางให้เข้าไปทำงานบริษัทใหญ่หลังเรียนจบทันทีครับ

  • คณะที่เรียน?

ผมเรียน Animation and Visual Effect มหาวิทยาลัย Academy of Arts University ที่ San Francisco จริงๆ ผมเรียนที่ไทยเป็นวิทยาการคอมพิวเตอร์ก่อน เรียกว่า Computer Science ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แต่ว่าก่อนจะจบ เรารู้สึกว่าอาจไม่ใช่หนทางเท่าไร ผมเลยดูว่าจริงๆ แล้วสิ่งผมชอบคืออะไรมากกว่า ตั้งแต่เด็กแล้ว Visual Effect สำหรับคนไทยอาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัว ผมก็เลยลองค้นหาดู และตอนนั้นก็มีความคิดอยู่แล้วว่าอยากจะเรียนต่อเมืองนอกตอนปริญญาโท พอเจอคณะนี้ ก็ลองสมัครไปดู

  • ทำงานที่อเมริกานานแค่ไหน

ประมาณ 7 ปีได้แล้ว คือเรียนก่อนแล้วทำงานทีหลัง 7 ปี แต่ได้ทำงานที่คนเริ่มรู้จักจริงๆ คือ 4-5 ปีหลัง โดยทำงานกับหลายบริษัท คืองานด้านนี้เป็นงานฟรีแลนซ์ แต่มันไม่ใช่งานฟรีแลนซ์อย่างที่คนไทยเข้าใจนะ มันไม่ใช่รับทำอยู่ที่บ้าน ฟรีแลนซ์ในที่นี้คือ contractor คือทำงานจบหนังเรื่องนี้ปุ๊บถ้ามีงานทำก็ extend contract ต่อ ถ้าไม่มีก็ไปทำงานบริษัทอื่นต่อ เช่นบริษัทที่ทำหนัง Avatar บริษัทที่ชื่อ LLumar ที่ทำพวกหนัง Marvel เป็นส่วนใหญ่ เช่น Doctor Strange, Spider Man, Underworld แล้วมีเข้าไปทำที่ Disney ด้วย

  • ผลงานที่ผ่านมา?

หลายสิบเรื่องแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ประมาณ 30 กว่าชิ้น มีทั้งภาพยนตร์, ซีรีส์ และโฆษณาครับ ถ้าคนไทยรู้จักน่าจะเป็น Doctor Strange, Spider Man, Alien ประมาณนี้ ส่วนซีรีส์ทางทีวีที่ไทยก็ฉายอยู่ Lethal Weapon, Training day ที่เคยฉายไปก็มี Gotham, Agent of S.H.I.E.L.D อะไรทำนองนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉายในไทย

  • ในหนังแต่ละเรื่อง ทำอะไรบ้าง

เป็นคนปิดฉากโปรเจค ไม่ใช่ทั้งเรื่อง อย่างทำหนังพวกนี้มีบริษัท Visual Effect อีกหลายบริษัท เขาจะแจกจ่ายงานให้ตามบริษัทที่ถนัดผลิตด้านไหน อย่างบริษัทนี้เก่งเรื่องทำน้ำ ก็ทำน้ำอย่างเดียว เช่น Doctor Strange ผมก็ทำฉากตอนที่สู้กันบนตึก ที่เป็นตึกบิดเบี้ยว ตอนในโบสถ์ที่บิดเบี้ยวเหมือนกัน และตอนท้ายที่เป็น dark vision เข้าไปในมิติมืดย้อนเวลาไปย้อนเวลามา

ส่วน Spider Man คือฉากที่ไล่โจรอยู่ มีการยิงไยไปแล้วไถลไปตามพื้น กับอีกฉากหนึ่งที่เปลี่ยนชุดแล้ววิ่งเข้าไปในซอยตอนต้นเรื่อง ในฉากนั้นจริงๆ เป็นกรีนสกรีนหมดเลย และ Spider Man ใส่ชุดปลอมอยู่ ก็ต้องไปลบชุดปลอมออก และใส่ชุด CG เข้าไป Spider Man ที่เราเห็นจริงๆ เป็น CG

  • จากกรีนสกรีนกลายเป็น CG ในหนัง?

มันมีหลายทีม ผมจะเอาฉากสีเขียวออกแล้วใส่ตรงนั้นเข้าไปในฉากหลัง และหาวิธีการที่จะทำให้กลมกลืนกันมากที่สุด อย่างเช่นถ้าจะมีสัตว์ประหลาดมาก็ต้องมีคนปั้นก่อน ก็ต้องมีอีกทีมหนึ่งลงไลน์สัตว์ประหลาด ทำให้สัตว์ประหลาดเคลื่อนไหวก็ต้องมีตำแหน่งที่เรียกว่า Animator คือคนไทยจะเข้าใจคำว่า Animation แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ whole process Animator คือคนที่จะทำให้สัตว์ประหลาดเคลื่อนไหว ทีนี้ก็ต้องมีคนจัดแสงเรียกว่าพวก Lighter ของผมก็เอามารวมกัน ส่วนผมก็เอาทุกอย่างมารวมกัน เรนเดอร์ออกมาปุ๊บแล้วเอาคนมาใส่ เอาสัตว์ประหลาดมาใส่ เอามาเกลี่ย อารมณ์เหมือนโฟโต้ชอปแต่ทำให้มันเคลื่อนไหวไปด้วย ถ้าโฟโต้ชอปเป็นภาพนิ่งแต่ในหนัง 1 วินาทีจะมี 24 เฟรม ส่วนผมก็ต้องทำทุกๆ เฟรมให้ต่อเนื่องกัน

  • กว่าจะได้หนึ่งซีนนานแค่ไหน

นานครับ คือเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนก็มีเหมือนกัน ถ้านานที่สุดเท่าที่เคยทำกันมามี Underworld ที่สู้กันในพง เป็นมนุษย์หมาป่ากับนางเอก อันนั้นทำไปประมาณ 3 อาทิตย์ คัดออกมาแล้วเหลือประมาณ 2 วินาที คือมันละเอียดขนาดนั้น เขาซูมกันทุกๆ pixel ถ้า pixel มันพลาดไปก็ตามกลับไปแก้ใหม่ คือที่นั่นไม่เคยมีคำว่าดีพอ มันต้องดีกว่า แต่ถามว่ามันดีไปได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าระยะเวลามีแค่ไหน ถ้ามีเวลาก็ใส่รายละเอียดเข้าไป เพราะฉะนั้นหนังมันถึงออกมาดูดี คนถึงดูไม่รู้ว่ามันเป็นของปลอม ความสำเร็จสำหรับอาชีพของผมคือถ้าคนดู ดูแล้วไม่รู้ว่าเป็นของปลอม คือผมประสบความสำเร็จแล้ว ซึ่งมันเหมือนเป็น spirit ของคนทำด้วย ไม่มีใครคิดว่าได้แค่นี้ก็ดีแล้ว มันยังมีสิ่งที่ดีได้กว่านี้อีก

46508630_2037396302985838_8414514641434050560_o

  • ความสนใจเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร

จริงๆ เป็นคนดูหนังฝรั่งมาตั้งแต่เด็กแล้ว ดู Jurassic Park ตั้งแต่ 4-5 ขวบ แต่ว่าไม่ได้ดูเฉยๆ คิดว่าเขาทำอย่างไร เวลาไปเช่าวิดีโอแล้วมีอีกม้วนหนึ่งแถมมาเป็นเบื้องหลัง อย่างเรื่อง Van Helsing เอานักแสดงเข้าไปแล้วแสกนหน้าสามมิติตั้งแต่หลายสิบปีก่อน เฮ้ย มันไม่ใช่หน้าคนจริง มันเป็นหน้า CG ผมสนใจทางด้านนี้ตลอดว่าเขาทำอย่างไร แต่มันไม่มีคำตอบ ผมจบปริญญาตรีก็ไม่มีคำตอบในเมืองไทยว่าทำอย่างไร จนได้ไปดู tutorial ใน Youtube ตอนนั้นเพิ่งมี Youtube ใหม่ๆ ก็ลองดู เออ ทางนี้เป็นอะไรที่เราทำไปได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ ซึ่งมันสำคัญมาก”

  • อยู่จุดนี้ คือฝันที่เป็นจริง?

ผมไม่คิดอย่างนั้น แต่แค่คิดเล่นๆ ผมดูหนังบางเรื่องจะมี Secret Ending ตอนท้าย แล้วผมก็ต้องมานั่งรอดูว่ามี Secret Ending ตอนท้ายหรือเปล่า แล้วเราก็เห็นชื่อ Credit มา ไม่มีชื่อคนไทย คิดว่าถ้ามันมีชื่อคนไทยยาวๆ แปะอยู่คงเก๋ดี แต่ไม่เคยคิดว่าจะเอาชื่อตัวเองไปแปะไว้ แค่ความคิดเล่นๆ อย่างที่บอก สำหรับเด็กไทยคนหนึ่งก็ดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวเกินไป

…ทุกวันนี้ดูผมยังดู End Credit นะ ถ้าชื่อยาวๆ มาก็ดูว่าเป็นชื่ออินเดียหรือคนไทย

  • งานด้านนี้มีคนไทยไปทำเยอะไหม

ทางด้านผม ผมไม่แน่ใจ ผมว่ามีอยู่แต่น้อยมากจนหากันไม่เจอ มันเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร มันไม่เหมือนของพวกเกาหลี ไต้หวัน เกาหลีนี่เยอะ ไปก่อตั้ง community เป็นพันๆ คนเลย แต่คนไทยแทบไม่เจอ

  • มองวงการ CG บ้านเรา?

ผมว่ามันมีการพัฒนา แม้จะไม่ได้สุดยอดแบบที่โน่น แต่มีการพัฒนา อย่างเช่นเรื่อง The Pool นรก 6 เมตร ที่มีการใส่ CG จระเข้เข้าไป มันคือการพัฒนา ก็สนับสนุนคนทำต่อไป ผมว่าสิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้มีทั้งผู้ให้และผู้รับ ถ้าเราเอาหนังที่มีคุณภาพต่ำๆ ไปฉายทางทีวีที่นู่นคนก็ไม่ดูกัน ถ้าเราเอาหนัง CG แย่ๆ หรือหนังเก่าๆ 10 ปีที่แล้วมาฉาย แล้วเรายังดูกันได้ มันต้องเกิดจากผู้รับด้วย ทำอย่างไรให้คนดูมีรสนิยมที่สูงขึ้น เรียกร้องอยากจะดูของที่มีคุณภาพ ไม่ใช่เอาอะไรมาให้ดูก็ได้ อาจจะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ผลิตมีกำลังใจ เงินทุนก็สำคัญ แต่ถ้าคนไม่ดู ผู้ผลิตก็ต้องทำสิ่งที่น่าสนใจ สิ่งที่ดีกว่าให้คนดู

  • คนไทยเองยังคิดว่า animation ไทย หรือ CG ไทย จะห่วยเสมอ?

มันเป็นเรื่องของความเป็นชาตินิยม ของไทยอาจจะโดนปลูกฝังความเป็นชาตินิยมแบบผิดๆ ผมว่ารากของปัญหาคือเรื่องชาตินิยม ซึ่งทำอย่างไรให้คนดูเราแล้วมันเป็นของไทย สิ่งที่ควรสนับสนุนไทย ดูอย่างสินค้าที่มีชื่อญี่ปุ่นขายได้ ฝรั่งมาขายได้ ซึ่งกระแสไทยมาก็ดีนะ โปรโมทออเจ้า อันนี้เป็นสิ่งดี ทำให้ใส่ชุดไทยออกไปงานได้โดยรู้สึกดี ความเป็นชาตินิยมสำคัญ ปลูกฝังความเป็นชาตินิยมให้ถูกต้องนี่สำคัญมากกว่า ไม่ใช่ความนิยมที่แบบ animation กี่เรื่องก็มีแต่ยักษ์ ลิง ยักษ์ ลิง ทำให้มันสากลได้ 

อย่างปริญญานิพนธ์ที่ผมทำเกี่ยวกับทศกัณฑ์ ไม่โชว์ความเป็นไทยเลยนะ ทำให้มันอินเตอร์หน่อย ก็จะมีคำไทยนิด ไม่ใช่ยักษ์จ๋า ลิงจ๋า ลายกนกนิดๆ ทำให้มันดู modern หน่อย อย่างเรื่อง 9 ศาสตรา ทรงผมไทยก็ทำให้ดูดีได้นี่หว่า ไม่จำเป็นว่าทำหนังไทยประมาณนี้อย่างหนังญี่ปุ่น เกาหลี หนังซามูไร เขาก็ย้อมผม ทำทรงผมสมัยใหม่มา ทำอย่างไรให้วัฒนธรรมของเราเป็น Pop culture ให้มันขายได้ ซามูไรกับนินจาเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นลบล้างไปเอง เขาเป็นคนกวาดล้าง แต่เขาก็เอามันกลับมาใหม่แล้วทำให้มันเป็น Pop culture แล้วขายไปได้ทั่วโลกได้

  • ทำงานกับมืออาชีพ สอนอะไรบ้าง

มันได้มาตรฐานแน่นอน เช่น คือมันไม่มีคำว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว ทำอย่างไรให้มันออกมาได้ดีกว่า ให้มันสมจริงที่สุด ถามว่าผมได้อะไร คือมันเป็นการทำให้ตัวเราขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่า เป็นสิ่งที่ผมพยายาม Mentor เคยบอกผมว่า You should be surround by the people that better than you เราควรอยู่ท่ามกลางบุคคลที่สูงและเหนือกว่าเรา ไม่ควรจะไปอยู่กับคนที่มีความสามารถใกล้เคียงหรือต่ำกว่าเรา เพราะถ้าเราไปอยู่ในจุดที่คนมีความสามารถมากกว่าเราเมื่อไร ทำให้ตัวเราดึงดูดเข้าไปหาเขา พัฒนาตัวเองให้ไปอยู่ถึงจุดที่เขาอยู่ได้ ทำให้ตัวเราพัฒนาไปได้เรื่อยๆ มากกว่า

  • ได้ยินมาตลอดว่า งานละเอียดอ่อนเหมาะกับคนไทย แต่กับงาน CG ที่ละเอียดจริงๆ กลับไม่ค่อยมีชื่อคนไทยปรากฏ?

คนไทยอาจคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลสำหรับเขา การทำงานอย่างนี้เป็นเรื่องยาก เขาเลยไม่ไปกันมั้ง แต่สิ่งสำคัญคือการสนับสนุนเรื่องเงินเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นเพื่อนเกาหลี อเมริกานี่แม้ค่าเรียนจะแพงมาก เขาสามารถเรียนโดยมีกองทุนสนับสนุน แต่ว่าของไทยจะสนับสนุนแต่ทุนทางด้านวิทยาศาสตร์ ทุนทางเรียน visual effect ไม่มี อาจจะมีคนไปไม่เยอะมากเท่าด้านอื่นๆ ซึ่งถ้าเป็นคนอเมริกา เกาหลี อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน

  • หากมีคนอยากจะเดินตามรอย มีอะไรแนะนำบ้าง

ถ้าคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ใช่แล้ว ก็ตั้งเป้าหมายไว้ให้แน่นอนแล้วพยายามไปให้ถึง อุปสรรคมันจะมีมามากอยู่แล้วระหว่างทาง แต่ถ้าเรามีเป้าหมายที่แน่นอน ความพยายามของเราจะผลักดันตัวเราให้ไปถึงจุดนั้นเอง อย่างผมก็เคยท้อแท้ ตอนเริ่มงานใหม่ๆ ทำไมต้องทำงานดึกๆ อย่างนี้ ทำไมทำออกมาเขาก็ไม่ชมสักที แต่ผมอยากให้ย้อนนึกถึงความตั้งใจของวันแรกที่เราลงมือทำมากกว่า วันแรกของเราที่อยากจะทำไปด้านนี้จริงๆ เป็นอย่างไร

..............

สิ่งที่ Digital Compositor หนุ่มคนนี้ทำอยู่ คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และวงการ Visual Effect ของไทยจะไม่ขายหน้าใคร ถ้าตั้งเป้าหมายและตั้งใจทำจริงๆ

46517259_2037396346319167_6141206967265263616_o

46736744_2037396246319177_4064212910937735168_o

46686546_2037396419652493_267751293479550976_o