เกิดมาแล้ว ก็ใช้ชีวิตให้คุ้ม "นรินทร ณ บางช้าง" 

เกิดมาแล้ว ก็ใช้ชีวิตให้คุ้ม "นรินทร ณ บางช้าง" 

"ทีมนรินทร" เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่บอกว่า ขอเอานักดำน้ำและอุปกรณ์ไปช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง และคงไม่มีนิยามใดๆ สำหรับผู้หญิงคนนี้

 

ในช่วงวันแรกที่มีข่าว 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง จ.เชียงราย ช่วงนั้น เอ๋-นรินทร ณ บางช้าง ยังไม่ได้ลงพื้นที่ พร้อมทีมน้ักดำน้ำถ้ำ และเธอเริิ่มจากเสนอตัวว่า มีอุปกรณ์ดำน้ำและนักดำน้ำถ้ำ อยากช่วยเหลือเรื่องนี้ 

จากวันนั้น...คนไทยก็ได้เห็น“ทีมนรินทร” ที่มีนักดำน้ำถ้ำทั้งคนไทยและต่างชาติช่วยหน่วยซีล ทั้่งเรื่องการหาอุปกรณ์ดำน้ำถ้ำและสอนวิธีการใช้อุปกรณ์ โดยมีนักดำน้ำลงไปทำงานด้วย อาทิ เป้-เรืองฤทธิ์,ปอ(ปรสุ โกมารทัต) , Ben Raymemants (เบน เรย์เมนันต์ส),บรูซ ฯลฯ จนได้ชื่อว่า เป็นทีมดำน้ำนานาชาติ

ส่วนเธอก็ไม่ต่างจากหลายคน ช่วยอะไรได้ ก็ช่วยเต็มที่ เธอช่วยประสานงานหาอุปกรณ์การดำน้ำให้หน่วยซีล และคอยดูว่าทีมงานที่ลงไปดำน้ำในถ้ำขาดอุปกรณ์และต้องการความช่วยเหลือเรื่องใด

และช่วงที่เจอทีมหมูป่าแล้ว เธอเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่ที่สุดแล้วทีมดำน้ำนานาชาติก็ถูกเรียกตัวกลับมาช่วยนำทีมหมูป่าออกจากถ้ำ และเธอก็ต้องลงมาช่วยประสานงานอีกครั้ง

การประสานงานนักดำน้ำให้มาช่วยระดมกำลังและความคิดช่วยทีมหมูป่าออกจากถ้ำ ภาระกิจครั้งที่สอง คุณช่วยทำอะไรบ้าง

หลังจากลงพื้นที่ไปครั้งแรก เมื่อหน่วยซีลพบทีมหมูป่าแล้ว เราก็แยกย้ายจากทีมดำน้ำ แต่ปรากฎว่า ทางทีมดำน้ำในถ้ำ โทรหาคุณเบนบอกว่า ต้องการความช่วยเหลือ เราก็เลยต้องกลับไปทั้งทีม ครั้งที่สอง เราไม่ต้องช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์แล้ว เพราะทุกอย่างที่ต้องการ ในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานให้ จึงเป็นการดำน้ำอย่างเดียวของทีมจำนวนห้าคน

ครั้งแรกที่ลงไปทำงานช่วยหาอุปกรณ์ดำน้ำ ให้หน่วยซีล โดยรวบรวมอุปกรณ์จากพรรคพวก  คนทำงานในถ้ำเยอะมาก จึงต้องการอุปกรณ์เพิ่ม และต้องการเร็วที่สุด เราก็ต้องประกาศทางเฟซบุ๊ค สื่อที่อยู่ตรงนั้นก็ช่วยกระจายข่าว ตอนที่เราประกาศว่า ต้องการถังอากาศและ เรกูเรเตอร์สองร้อยชุด ตอนนั้นก็หาได้ประมาณ 120 และกำลังเดินทางมาที่ถ้ำ จนได้รับข่าวว่าในหลวง ทรงพระราชทานมาสองร้อยชุด เราก็หมดหน้าที่ และคอยดูแลนักดำน้ำของเราว่า เขาต้องการอะไร เพราะนักดำน้ำทีมเรามีทั้งเดนมาร์ก อเมริกา ฟินแลนด์ เบลเยี่ยม แคนาดา ซึ่งเป็นทีมนานาชาติ

  IMG_4257

ช่วงแรกๆ ที่เข้าไปร่วมทำงานค้นหา 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง ประสานงานยากไหม  

ตอนนั้นน้องชายคุณช้างที่เป็นนักดำน้ำถ้ำเห็นว่าช่วยได้ เพราะเขามีเพื่อนนักดำน้ำ และคิดว่า พวกเราน่าจะทำภาระกิจนี้ได้ เหมือนที่เคยบอกคะ ไม่มีใครเชิญ แต่สาระแน ก็หาคนที่จะพาไปหาผู้ใหญ่ในพื้นที่ เราอยากช่วยทั้งเรื่องอุปกรณ์และนักดำน้ำ แต่ถ้าตอนนั้นเขาไม่อนุญาติให้เข้าพื้นที่ ก็ไม่มีประโยชน์ อุปกรณ์ดำน้ำหนักกว่าร้อยกิโล เมื่อได้รับอนุญาติให้ลงไป ก็มีสายการบินแอร์เอเชียสนับสนุนการเดินทาง เราเป็นทีมแรกที่ลงไปในถ้ำ ตอนนั้นมีเป้ นักดำน้ำถ้ำในทีมลงไปศึกษากายภาพของถ้ำก่อน (25 มิถุนายน) เขาไปเล่าให้ทีมซีลฟังว่า มีอุปกรณ์ดำน้ำที่จะช่วยงานได้ ตรงกับสถานการณ์ด้านใน ตั้งแต่วันนั้นทีมเราก็ลงไปช่วยทำงานกับหน่วยซีลทุกวัน

      ช่วงแรกเป็นการหาอุปกรณ์ดำน้ำเพิ่ม ยากตรงที่คนในพื้นที่ไม่รู้จักอุปกรณ์ และที่ยากที่สุดคือ ต้องขนส่งมาให้ทันเวลา ตอนนั้นทางพ่อแม่คุณช้าง เพื่อนที่ไปด้วย คอยเป็นศูนย์กลางรับอุปกรณ์ที่กรุงเทพฯ แล้วส่งมาตอนเย็น เพื่อให้หน่วยซีลใช้ แต่วันต่อมามีวัยรุ่นอายุ 18-19 สองคนชื่อปิกและเพื่อน บอกว่า ผมไม่รู้จักอุปกรณ์พวกนี้ และไม่มีเงินช่วย แต่ขออาสามารับของจากกรุงเทพฯ ขับรถไปที่ถ้ำหลวง เชียงราย

 

ก่อนหน้านี้เคยทำงานจิตอาสาไหม ?

4 ปีที่แล้วเคยทำคอนเสิร์ตหาเงินช่วยครอบครัวที่สูญเสียในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเหตุการณ์ความไม่สงบ เราก็ลงไปทำวิดีโอและคลิปที่จ.นราธิวาส และจัดคอนเสิร์ตช่วยเนปาล ตอนที่มีปัญหาภัยธรรมชาติ เราก็หาเงินเอาไปให้ที่หิมาลัย ตอนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 เรากับเพื่อนๆ ก็รวบรวมเงินทำอาหารไปแจกวันเว้นวัน ที่ผ่านมาก็แค่หาเงินแล้วไปช่วย แต่ครั้งนี้ลงไปทำงานในพื้นที่ถ้ำหลวง

 

ครั้งนี้คุณได้บทเรียนอะไรบ้าง

สิ่งที่เห็นคือ ความสามัคคีของคนไทยทั้งประเทศ นักข่าวต่างประเทศคุยกับเราว่า พวกเขารู้สึกดีที่ประเทศไทยกล้าพูดความจริงว่า ต้องการความช่วยเหลือ ทำให้คนทั้งโลกอยากช่วย และเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดในบ้านเรา ไม่เหมือนญี่ปุ่นที่เกิดภัยธรรมชาติบ่อยมาก จนรู้ว่าจะจัดการยังไง แต่บ้านเราเพิ่งเจอครั้งแรก  อีกเรื่องที่เห็น ก็คือ ทุกประเทศต้องใช้เงินทำประชาสัมพันธ์ให้คนในโลกรู้จัก ครั้งนี้ทำให้คนทั้งโลกรู้จักประเทศไทย ไม่ว่าเรื่องวัฒนธรรม ความมีน้ำใจ ซึ่งเป็นธรรมชาติของคนไทย

 

ยังมีเรื่องที่ประทับใจอีกไหม

ถ้าเป็นคนที่บริหารบ้านเมือง เรารู้สึกประทับใจผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร,พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล ,พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์

ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 และอีกหลายคนที่เราไม่รู้จัก ผู้ใหญ่เหล่านี้ลงไปปฎิบัติงานทั้งวันทั้งคืน ลูกน้องไม่กลับ ท่านไม่กลับ เวลากินข้าวก็ไปเข้าแถว และอาสาสมัครทั่วทิศทั่วไทย คนเฒ่าคนแก่มาช่วยเก็บขยะ พนักงานป่าไม้ที่ทำหน้าที่ล้างห้องน้ำ เพราะรองเท้าบู้ทที่เราใส่ทุกคน โคลนเยอะมาก เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น โดยไม่มีการร้องขอ เป็นจิตใต้สำนึกของคนไทยที่อยากช่วย ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน นี่คือความเป็นคนไทยที่หาไม่ได้จากทั่วโลก ต่อไปคนไทยอาจไปช่วยชาติอื่นกู้ภัยบ้างก็ได้ ถ้าทำเรื่องนี้จริงจัง เรามองว่า คนไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ตอนนี้เรามีบทเรียนแล้ว และเชื่อเถอะต้องมีคนไปฝึกดำน้ำถ้ำมากขึ้น

อะไรทำให้คุณอยากช่วยเหลือสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ

เราเกิดมาในครอบครัวที่มีแต่ความรัก และได้ทำงานที่ตัวเองรัก พระเจ้าอวยพรให้เรามีชีวิตที่ดีทุกอย่าง จากนี้ต่อไปถ้าเราช่วยแบ่งเบาภาระใครได้ เราจะทำ เมื่อพระเจ้าประทานพรให้มากแล้ว เราก็ควรคืนให้สังคมบ้าง แต่ขึ้นอยู่ว่า เราจะช่วยได้จริงไหม ต้องไม่เอาตัวเองไปเกะกะ อย่างครั้งนี้เราไม่ลงไปถ้ำ เพราะลงไป ก็ไปแย่งอากาศคนอื่นหายใจ เราก็อยู่ในมุมที่ช่วยสนับสนุน ใครขอให้ช่วยทำอะไร ก็ทำ เราประกาศชัดเจนว่า จะลงไปเพื่อช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ให้หน่วยซีลทำงานได้

คุณดำน้ำเป็นไหม

ไม่เป็นคะ (หัวเราะ)

ตอนนี้ยังทำงานด้านเพลงอีกไหม

เฉพาะงานการกุศล ส่วนใหญ่ทำงานเบื้องหลังรายการบันเทิง ทั้งมุมครีเอทีฟ บางทีก็เขียนบทด้วย เพิ่งจบแสดงละครเวที แล้วลงไปถ้ำหลวง สองเดือนข้างหน้าจะกลับไปแสดงละครเวทีอีก

ตอนนี้เราอายุ 50 กว่าๆ แล้ว ถ้าจะแสดงคอนเสิร์ต คงไม่มีใครอยากฟัง ถ้าเป็นงานแสดงละครเวที ไม่ได้มีเงื่อนไขที่วัย หน้าตา หรือรูปร่าง เขาจะเลือกจากความเหมาะสมของคาแรคเตอร์ ไม่มีเงื่อนไขอื่นเป็นตัวแปร อย่างเช่น อายุเยอะไป อ้วนไป

ที่ผ่านมา เห็นบอกว่าใช้ชีวิตคุ้มมาก ?

เราเป็นคนที่ใช้ชีวิตค่อนข้างคุ้มตั้งแต่ไหน แต่ไร ไม่ยึดติดกับอะไรในโลกใบนี้ ไม่มีความรักไหนที่เราสละไม่ได้ ไม่ติดกับลาภ ยศ สรรเสริญ อะไรเลย เมื่อปีที่แล้วตอนที่เกิดอุบัติเหตุหัวฟาดพื้น เราก็มองว่า มันเป็นอุบัติเหตุ หายแล้วก็ใช้ชีวิตปกติ

เป็นคนไม่ยึดติด ?

เราบอกพ่อแม่ตั้งแต่เด็กว่า จะเลือกทำงานและใช้ชีวิตทุกอย่างตามความสบายใจ ไม่ใช่ตามปากคนอื่น แม้บางคนจะบอกว่า งานที่เราทำบางอย่างไม่เห็นคุ้มเลย เราก็ถามว่า ความคุ้มคืออะไร เราชอบย้อนถาม จนผู้ใหญ่ในแกรมมี่บอกว่า “อย่าไปพูดกับมัน มันเป็นฤาษี” เราเป็นคนตรงมาก เพราะเรามีชีวิตที่ดีมาตลอด ดังนั้นชีวิตที่เหลือทำอะไรให้สังคมได้ ก็จะทำ

เป็นคนที่รู้จักตัวเองตั้งแต่เด็ก ? 

เพราะคุณยายพาสวดมนต์ อยู่วัด เรื่องทำบุญติดตัวมาเรื่อยๆ ตอนเป็นวัยรุ่นทุกวันเกิดจะไปบวชชีพราหมณ์ 7 วัน วัดแถวศรีราชา จำได้ว่าเคยไปนั่งบนเขา แล้วมองลงมา รู้สึกไม่อยากสึก แต่เราเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องหาเงินดูแลน้องๆ

เพราะคนส่วนใหญ่ชอบตัดสินคนอื่นจากภาพที่เห็น ถ้าบอกใครว่า ไม่ดื่มเหล้า ก็ไม่มีคนเชื่อ เพราะหน้าตาดูเกเร อย่างครั้งนี้ ก็มีคนมาด่าในเฟซบุ๊คว่าสร้างภาพ ก็มีคนบอกว่า ให้ลบไปเลย เราไม่ลบ เพราะเขาเห็นเราแล้วไม่สบายใจ มันเป็นความทุกข์ของเขา ไม่ใช่ความทุกข์เรา อย่าไปคิดแทน หรือมีคนบอกว่า ทำไมพี่เอ๋อ้วนจัง เราก็บอกว่า ถ้าน้องไม่สบายใจ น้องก็อย่ามอง เพราะพี่สบายดี (หัวเราะ) ไม่แคร์คะ ถ้าเราแคร์ปากทุกคน เราคงมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ไม่ได้ เพราะชีวิตเป็นของเรา

เติบโตมาจากครอบครัวที่แตกแยก แล้วทำให้คุณมีปัญหาในชีวิตไหม

ครอบครัวเอ๋แตกแยก แต่เราไม่คิดว่า เป็นปัญหากับเรา เพราะพ่อแม่เรา รักกันมาก่อนจะมีเรา และวันที่พวกเขาไม่รักกัน ก็ไม่เกี่ยวกับเรา สิ่งที่เราต้องทำคือ ไม่สร้างภาระให้พ่อแม่ น้องที่เกิดจากภรรยาพ่ออีกคน เราก็รักกันดี พ่อแม่เราแยกกันตั้งแต่เราอายุ 3-4 ขวบ เวลาเราไปหาพ่อหรือแม่ พวกเขาก็ดูแลเราดี และเขาทั้งสองไม่เคยด่าอีกฝ่ายให้ลูกฟัง สิ่งที่เราทำได้คือ ไม่ไปติดยา ไม่เสียคน เราก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด 

...................

unnamed