บุฟเฟ่ต์ข้าวต้มกุ๊ย...ฉบับคลาสสิก

บุฟเฟ่ต์ข้าวต้มกุ๊ย...ฉบับคลาสสิก

คนไทยรู้จัก "ข้าวต้มกุ๊ย" ดี ทว่าวันนี้ขอนำเสนอ "ข้าวต้มกุ๊ย" ไม่ธรรมดาเพราะเป็นบุฟเฟ่ต์ระดับโรงแรมที่เฟื่องฟูมานาน

คิดถึงข้าวต้มกุ๊ย....แล้วกินกับอะไรดีนะ ? สำหรับผู้เขียนคิดถึง ผัดผักบุ้งไฟแดง ผัดผักปวยเล้งใส่เกลือ ยำไข่เค็ม หอยลายผัดน้ำพริกเผา ปลาสลิดทอด หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ผัดกุยช่ายขาวหมูกรอบ ฯลฯ ขอแค่ ข้าวต้มขาว เท่านั้นก็เพียงพอ

ยำผักกาดดอง หนำเลี๊ยบ ครบเครื่องข้าวต้มกุ้ย

กับข้าวที่นิยมรับประทานกับข้าวต้มกุ๊ยนั้นมีมากมาย อาทิ ยำไข่ดาว ยำกุ้งแห้ง ผัดหอยลาย ยำไข่เค็ม ยำปลาสลิด ยำเกี้ยมฉ่าย ไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ ผัดไช้โป๊วใส่ไข่ หมูกรอบ ผัดปวยเล้ง ปลาผัดขิงคึ่นช่าย คะน้าหมูกรอบ ไข่เจียวกระเทียมดอง ไข่เจียวหอมหัวใหญ่ มะระผัดไข่ ผัดกุยช่ายขาวหมูกรอบ ผัดถั่วงอก ผักบุ้งไฟแดง มะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยว ผัดใบปอ ผัดหนำเลี้ยบหมูสับ ไส้พะโล้ ผัดผักกระเฉดไฟแดง ปลาอินทรีทอด ถั่วลิสงคั่วเกลือ ปลาสลิดทอด หมูหยอง กุ้งหวาน ปลาข้าวสารทอด หมูสามชั้นทอด ฯลฯ

ไลน์นี้มีแต่ของยำ

 

วันนี้จะขอนำเสนอ "บุฟเฟ่ต์ข้าวต้มกุ๊ย" ยอดนิยมสองแห่งก็คือ ห้องอาหารข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค รัชดาภิเษก และ บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่ง ณ ห้องอาหาร BlueSpice Dining Room @Grande Centre Point Sukhumvit 55

บรรยากาศห้องข้าวต้มบุฟเฟต์

เริ่มจาก "ห้องอาหารข้าวต้มบุฟเฟ่ต์" โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค อยู่ที่ชั้น G ของโรงแรม มีพื้นที่กว้างขวาง นั่งสบาย แบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก คือบริเวณด้านนอกริมกระจกบานใหญ่ เปิดกว้างมองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างสบายตา ถัดมาอีกโซนเป็นพื้นที่นั่งใกล้กับไลน์อาหาร เหมาะสำหรับครอบครัว ทั้งสองโซนรองรับได้ 150 ที่นั่ง

เรียกได้ว่าข้าวต้มเจ้าพระยานั้นเป็นตำนานแห่งพระนคร เป็นข้าวต้มบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำแห่งแรกบนถนนรัชดาภิเษกเลยก็ว่าได้ เน้นอาหารแนวโบราณ เปิดบริการมายาวนานกว่า 23 ปี เคียงคู่กับโรงแรม มีเมนูกับข้าวหลากหลายมากกว่า 50 เมนู ในสไตล์ฮ่องกงระดับพรีเมียม

    เชฟทร - สุนทร ศรีหาบุตร เล่าว่า ที่นี่บริการข้าวต้ม 4 แบบก็คือ ข้าวต้มธรรมดา ข้าวต้มจากข้าวซ้อมมือผสมข้าวกล้อง ข้าวต้มผสมเผือก และข้าวต้มผสมมัน จุดเด่นของข้าวต้มแบบดั้งเดิมน้ำข้าวจะขุ่น เนื่องจากนำข้าวสารมาต้มจนข้าวนุ่มนวลได้ที่ ซึ่ง “ข้าวต้ม”ที่ดีจะต้องเสิร์ฟขณะยังร้อน ๆ ดังนั้นข้าวต้มที่นี่จะอุ่นร้อนอยู่ตลอดเวลา

เชฟเล่าต่อไปว่า “กับข้าวที่นี่จะต่างจากที่อื่นเพราะเป็นสูตรจากเยาวราช (กวางตุ้ง) ของแห้งต่าง ๆ เราสั่งจากเยาวราช ซึ่งสูตรเยาวราชจะแตกต่างจากที่อื่นยกตัวอย่างเมนู จับฉ่าย ใช้ผักรวมหลายชนิด เช่น มะระ แครอท หัวไช้เท้า กะหล่ำปลี แต่สูตรเยาวราชใช้ผักโขม (ปวยเล้ง) อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเนื้อสัตว์เราใช้หมูสามชั้น ส่วน ปลาตะเพียนต้มเค็ม สูตรเยาวราชต้องใส่เต้าเจี้ยว เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น

ปลาตะเพียนต้มเค็ม

วิธีการทำปลาตะเพียนต้มเค็มคือ นำปลาไปคั่วกับเครื่องให้หอมก่อน มีรากผักชี กระเทียม น้ำตาลอ้อยเราก็คั่วก่อนให้มีกลิ่นหอม แล้วใส่น้ำสต๊อกไก่ลงไป ต้มกับปลาตะเพียน มีมะขามเปียกใส่ลงไปด้วยให้ออกมามี 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน ต้มนานเป็นชั่วโมง สูตรนี้ก้างทานไม่ได้ คนละสูตรกับปลาตะเพียนที่กินได้ทั้งก้าง ของเราต้องวางในไลน์บุฟเฟ่ต์ถ้าเราต้มขนาดนั้นจะทำให้ปลาเละไม่น่ารับประทาน เราต้องการให้เป็นชิ้น ๆ ตักง่าย”

ไส้หมูพะโล้ไม่เหม็นเลย

ไปที่ห้องอาหารแห่งนี้สิ่งที่ห้ามพลาดอีกอย่างคือ ไส้พะโล้ และ คากิตุ๋นยาจีน เป็นเมนูที่ทานกับข้าวต้มกุ้ยได้อร่อยมาก ไส้พะโล้ทำออกมาดีสะอาดไม่มีกลิ่น นอกจากนั้นยังมี “หน่อไม้จีน” “เลือด” และ “เต้าหู้พะโล้” ตุ๋นในหม้ออุ่น ๆ รอให้บริการลูกค้าตลอดเวลา

คากิรสชาติดี

“คากิของเราไม่ได้ต้มแบบพะโล้ แต่จะเป็นตุ๋นยาจีน โดยจะแยกขาหมูพะโล้ต่างหาก นอกจากนั้นยังมีเป็ดย่าง ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ เป็ดย่างนี่เป็นสูตรของเชฟเก่าแก่ของโรงแรม เขาจะมีสูตรไว้ให้ว่าอะไรกี่ช้อน อาหารเราจะหลากหลายมาก ต้องเตรียมของกันตั้งแต่บ่ายโมง ตุ๋นพวกขาหมู ทำน้ำซอส ผมมีผู้ช่วยอยู่ 10 คน ห้องนี้ตอนเช้าจะเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ มีเชฟอีกคนดูแลอยู่ ส่วนผมทำข้าวต้มอย่างเดียว เมนูเราจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อ บางวันมีปลาผัดคึ่นช่าย ผัดพริกไทยดำ ผัดหนำเลี้ยบหมูสับ ผัดโป้ยเซียน ไก่ทอดเบตง ก๋วยเตี๋ยวแต่ละวันก็จะไม่ซ้ำกัน 7 วันนี่ก็ 7 อย่าง เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เนื้อตุ๋น เย็นตาโฟ ต้มยำ ไก่ตุ๋นมะระ ส่วนขาหมูพะโล้ หมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง มีทุกวัน”

เชฟแนะว่า หากมารับประทานบุฟเฟ่ต์ข้าวต้มที่นี่สิ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ “ไส้พะโล้”(เชฟจะเคี่ยวน้ำตาล กับกระเทียม เครื่องพะโล้ให้หอมก่อนค่อยใส่น้ำซุปลงไปต้มพะโล้) และ “ปลาตะเพียนต้มเค็ม”

“ส่วนใหญ่อาหารที่ทานกับข้าวต้มจะเป็นสูตรดั้งเดิมตั้งแต่สมัยก่อตั้ง เชฟคนไหนมาทำก็ต้องใช้สูตรนี้ เพราะลูกค้าติดใจแล้ว สูตรผมเองก็จะอยู่ในเมนูหมุนเวียน เช่นก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง หมูกรอบ ผมก็จะคิดอะไรใหม่ ๆ เพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อ เช่นเดือนนื้ทำหอยทอด เดือนต่อไปทำผัดไทยวุ้นเส้นกุ้ง ถัดไปเป็นออส่วนหอยนางรม” เชฟทรกล่าวทิ้งท้าย

กั้งดอง

สำหรับห้องอาหารนี้เมนูที่ไม่ควรพลาดยังมี กั้งดอง ยำกุ้งแห้ง ยำหอยแครง ไข่เยี่ยวม้า ไข่เจียวปูอย่าลืมเมนูหวานเช่น บัวลอยน้ำขิง เต้าฮวยน้ำขิง และ โรตีกรอบ ราดท็อปปิ้งหลากหลายสีสันเช่น ลูกเกด กล้วยหอม แยม และนมข้นหวาน เสิร์ฟมาแบบร้อน ๆ กรอบ ๆ หอม ๆ

 

ส่วนข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ย่านสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ห้องอาหาร BlueSpice Dining Room ณ  โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยด์ สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ มา 2 จ่าย 1 หากเพิ่มเพื่อน Line @bluespice (*โปรโมชั่นใช้ได้ในวันจันทร์ – พฤหัสบดี) ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน ศกนี้

ข้าวต้มร้อนๆนอนรออยู่ในหม้อ

ที่นี่มีข้าวต้มให้เลือกทานถึง 5 แบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ข้าวต้มธัญพืช ข้าวต้มเผือก ข้าวต้มข้าวกล้อง ข้าวต้มมันม่วง หรือข้าวต้มธรรมดา ส่วนเครื่องข้าวต้มนั้นก็ที่มีให้เลือกกันอย่างจุใจกว่า 20 รายการเลยทีเดียว สำหรับเมนูประจำสุดฮอต อย่างขาหมูพะโล้ กระเพาะปลาน้ำแดง แซลมอนแซ่บ กุ้งอบวุ้นเส้น ก๋วยจั๊บญวน และโจ๊ก ที่สามารถเลือกส่วนผสมได้เอง

    นอกจากนั้นยังมียำ DIY ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบ และความแซ่บได้ตามใจชอบ อีกทั้งยังมีสารพัดเมนูผัดผักที่เลือกเองตามชอบแล้วนำไปให้เชฟปรุงแบบสด ๆ ใครโปรดอาหารประเภท ต้มเล้งแซ่บ ไก่ทอดซอสเหล้าแดง ปลาหมึกผัดผงกะหรี่ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ฯลฯ รับรองต้องถูกใจแน่ๆ แล้วอย่างลืมปิดท้ายความอร่อยด้วยขนมหวานนานาชนิด อาทิเช่น ไอศกรีมโฮมเมด แพนเค้ก ขนมปังสังขยาใบเตย สังขยาชาไทย ผลไม้ เต้าฮวย และน้ำแข็งไส อีกมากกว่า 20 รายการ หากมาก่อน 20.00 น. รับส่วนลด 20% ในวันจันทร์ – พฤหัสบดี ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2561

ข้าวต้ม 4 ประเภท

ว่าแต่ถ้าได้ข้าวต้มเผือกสักถ้วย แกล้มกับ คากิ ยำไข่เค็ม ยำปลาเค็ม ผัดผัก ไข่เจียวปู ก็คงอิ่มแน่นพุงดีไม่น้อย