ก้าวปีที่ 5 ของ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์

ก้าวปีที่ 5 ของ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์

กลับมาโฟกัสที่ศิลปินไทยมากขึ้น เพิ่มกิจกรรมสัญจรในต่างจังหวัด และเปิดโครงการศิลปินในพำนัก พร้อมแกลลอรีที่เชียงใหม่ คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีที่ 5 ของ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์ ภายใต้การบริหารของ จงสุวัฒน์ อังคสุวรรณศิริ

“จุดประสงค์เดิมของคุณพ่อ (ศุภโชค อังคสุวรรณศิริ) คือ ต้องการสนับสนุนศิลปินไทยที่มีความสามารถแต่อาจไม่ได้รับโอกาส นั่นคือความตั้งใจตั้งแต่ต้น

            เมื่อ2 ปีที่ผ่านมาเรามีโปรเจคพิเศษที่ได้ร่วมงานกับแกลลอรีของฝรั่งเศสทำให้ช่วงหนึ่งกิจกรรมของเราเน้นไปทางต่างประเทศมากขึ้น มีการไปร่วมอาร์ตแฟร์เพื่อเปิดตลาดให้ศิลปินมากขึ้น

             ปีนี้เรากลับมาดูกิจกรรมที่เราเริ่มต้นไว้ หยุดกิจกรรมกับต่างประเทศหันมาโฟกัสศิลปินในประเทศมากขึ้น มีการจัดนิทรรศการศิลปะสัญจรออกไปในต่างจังหวัดไม่ได้อยู่แค่กรุงเทพฯ

            เดือนกรกฎาคมนี้เราไปที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก นำผลงานของศิลปินที่เคยจัดแสดงงานที่ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ จัดทัวร์ไปต่างจังหวัด

            หลังจากนั้นจะไปขอนแก่น และเชียงใหม่  แต่ละจังหวัดจะมีแฟนคลับของศิลปินอยู่ เราก็อำนวยความสะดวกด้วยการนำไปจัดแสดงให้ชมกันถึงที่” จงสุวัฒน์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปีนี้

            “ปลายปีเราจะเปิดสเปซที่เชียงใหม่ ทำบ้านพักสำหรับศิลปินด้วยที่เชียงใหม่ ผมอยากให้พื้นที่กับศิลปินต่างชาติมาร่วมโครงการศิลปินในพำนักที่ต่างจังหวัดด้วย

             เพื่อเขาจะได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมไทย ได้รู้ว่าศิลปะร่วมสมัยของศิลปินไทยที่เชียงใหม่ทำอะไรกัน เป็นอย่างไร เพื่อให้เขาเรียนรู้เรื่องราวของศิลปะร่วมไปกับชุมชนด้วย

            โดยมีข้อกำหนดว่า ช่วงที่เขามาพักอยู่กับเรา (3 เดือนเป็นอย่างน้อย) ต้องมีการจัดเวิร์คช้อป หรือ เสวนา โดยทางเราสนับสนุนในเรื่องวัสดุในการทำงาน รวมทั้งจัดหาช่างเทคนิคให้เขา ไม่ว่าจะเป็นงานพิมพ์ งานปั้น เพื่อที่จะมาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน”

            ในส่วนของบ้านพักศิลปินพร้อมเปิดตัวในปลายปีนี้ โดยตั้งอยู่ที่บ้านดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

            “อยู่ห่างจากตัวเมืองไปราว 20  นาที ตรงนั้นคุณพ่อมีสวนผักไฮโดรโปนิกส์ ข้างหลังสวนจะเป็นบ้านสำหรับศิลปินในพำนักอยู่ติดกับแม่น้ำปิง ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็สามารถเข้าเมืองได้ไม่ไกลเกินไปนัก”

            ใครมีเครือข่ายเพื่อนศิลปินต่างชาติ บอกกล่าวให้เตรียมตัวสมัครเข้าโครงการกันได้ นอกจากบ้านพักศิลปินที่เชียงใหม่แล้ว ยังมีแกลลอรีที่เชียงใหม่ซึ่งจะชิงเปิดตัวก่อนในเดือนกรกฎาคมนี้

            ผู้บริหารหนุ่มกล่าวว่า “เราจะเปิดแกลลอรีชื่อ S.A.C.Lab ในโรงแรมเดอ นาคา ติดกับประตูท่าแพ เป็นแกลลอรีสำหรับแสดงงานศิลปะชิ้นไม่ใหญ่

            จะเป็นอีกคาแรกเตอร์หนึ่ง ที่เราให้ชื่อว่าแลบ เพราะอยากให้เป็นพื้นที่ให้ศิลปินได้ศึกษาทดลอง แนวคิดบางอย่าง ค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ ให้เขาได้ลองเล่นกับพื้นที่ ด้วยความที่เป็นแลบ เราจึงทำเป็นโครงการที่สามารถเคลื่อนที่ไปตามจังหวัดต่างๆได้ด้วย” นับว่าเป็นแผนงานที่สอดคล้องไปกับกิจกรรมศิลปะสัญจรที่ตั้งใจไว้

            หลังจากหายหน้าไปจากเมืองไทย 1 ปี เต็ม จงสุวัฒน์ บอกกับเราว่าครั้งนี้รับหน้าที่ดูแล ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์ อย่างเต็มตัว

            “ความจริงผมมาดูเต็มตัว 3-4 ปีที่แล้วตั้งแต่ตอนที่เราร่วมทุนกับต่างประเทศ ผมหายไป 1 ปี เพราะกลับไปเรียนต่อที่ Sotheby’s Institute of Art in London  ซึ่งเริ่มต้นจากการเปฺ็นสถาบันการประมูล ประมาณปี 2000 เขาเริ่มจัดคอร์สพิเศษให้นักลงทุนเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับงานศิลปะโดยเฉพาะ ผมไปเรียนต่อทางด้านนี้แล้วกลับมาในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

            เริ่มมาดูแลอีกรอบนำความรู้มาเปลี่ยนบางอย่างในการทำงาน จะเห็นว่าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

ในช่วงแรกพี่ชายคนโตเป็นคนดูแลงานตรงนี้แต่ด้วยความสนใจทางศิลปะ ผมเรียนไฮสคูล ปริญญาตรีเรียนทางศิลปะมาตลอด แต่ไปทางสายภาพยนตร์ โทรทัศน์ที่อังกฤษ

            กลับมาช่วยคุณพ่อบริหารกิจการด้านอื่น กระทั่งมาร่วมทุนกับแกลลอรีที่ฝรั่งเศส ต้องการคนมาช่วยผมเลยเข้าไป ถึงได้รู้ตัวว่าเป็นสายงานที่เราชอบ พอกลับไปเรียนต่อทางด้านศิลปะกับการลงทุนคุณพ่อเลยให้ดูแลทางด้านนี้ไปเลย”  ผู้บริหารหนุ่มกล่าวถึงงานที่ได้รับมอบหมายของคุณพ่อผู้ก่อตั้งแกลลอรี

            ในส่วนของการคัดเลือกศิลปินที่จะมาแสดงผลงานนั้น จงสุวัฒน์ บอกว่า เน้นที่ความมุ่งมั่นเป็นสำคัญ

โดยมีทีมภัณฑารักษ์  3 คน ประกอบด้วย หลินเจี่ย โจว เป็นภัณฑารักษ์ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ สุภิตา เจริญวัฒนมงคล และ ชล เจนประภาพันธ์

            “บวกผมอีก 1 คนรวมเป็น 4 คน แต่ละคนอาจมีรสนิยมแตกต่างกัน ถ้ามองย้อนกลับไปครึ่งปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าศิลปินของเรามีเทคนิคหลากหลาย กลุ่มลูกค้าของเราก็กว้างมากขึ้น เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในการขยายฐานคนดู

            ศิลปินที่ดูแลกันมาตั้งแต่ต้น ได้แก่ เปี่ยมจันทร์ บุญไตร  ชัยยศ จินดากุล เป็นการเซ็นสัญญาดูแลกันเป็นระยะยาว อนาคตเราก็พยายามเติบโตไปพร้อมกับศิลปิน พยายามที่จะเพิ่มความหลากหลายให้คนดู มีองค์ความรู้ด้วย เสพง่ายขึ้น เพื่อที่จะให้รู้ว่าศิลปะไม่ได้จำกัดอยู่แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง

            คนหลายคนรู้สึกว่าศิลปะห่างไกลกับตัว ไม่อยากเข้ามาในบรรยากาศไม่คุ้น หลายๆคนไม่กล้าถามคำถาม ไม่กล้าบอกว่าไม่เข้าใจ อยากบอกทุกคนว่าแม้แต่ภัณฑารักษ์ที่เก่งที่สุดของโลกก็ยังมีงานที่ดูแล้วไม่เข้าใจ แต่ละคอนเซ็ปต์มีความเป็นส่วนตัวของศิลปินอยู่เราไม่สามารถเข้าใจได้ทุกอย่าง

             เป็นเรื่องที่ดีที่เราสงสัย ไม่เข้าใจ แต่จะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าเราสงสัยแล้วถามเพราะจะทำให้งานนั้นเกิดการพูดคุย ถกเถียง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของศิลปะร่วมสมัย  และไม่ค่อยจะเกิดขึ้นมากนัก ในบ้านเรา

            เราพยายามแก้ปัญหาตรงนี้ ด้วยการจัดเสวนาแบบเปิดให้ทุกคนเข้าร่วม รวมทั้งกลุ่มเฉพาะ 4-5 คนนัดหมายมาให้ภัณฑารักษ์เรานำชมได้ ทีมงานเราทุกคนแม้ไม่ใช่ภัณฑารักษ์แต่ก็สามารถให้รายละเอียดนิทรรศการได้”

             ศิลปะทำให้ชีวิตของจงสุวัฒน์ เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด

            เขาตอบสั้นๆก่อนจากกันว่า “มาทำตรงนี้มีความสุข อยากอยู่ตรงนี้นานๆ” เข้าใจตรงกันนะ