ไทยรุกตลาดใหม่ ยกระดับความสัมพันธ์กับยูเรเชีย สู่หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ

ไทยรุกตลาดใหม่ ยกระดับความสัมพันธ์กับยูเรเชีย สู่หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ

ไทยเตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือกับยูเรเชีย ยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนตลาดใหม่

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 16-21 พฤศจิกายน 2561 ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเชีย (นายทิกราน ซาร์กสยาน) มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเชีย ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งตนจะร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือกับรัฐมนตรีด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (นางทัตยานา วาโลวายา)  


นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านต่างๆ ที่จะนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุน ขจัดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดในสาขาต่างๆ เช่น นโยบายการค้า พลังงาน กฎระเบียบด้านศุลกากร มาตรฐานการตรวจสอบ และการรับรองมาตรฐานสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช การเงิน ขนส่ง อุตสาหกรรมเกษตร นโยบายแข่งขันทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค เศรษฐกิจดิจิทัล การค้าบริการและการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทยที่มุ่งแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนในตลาดใหม่ รวมทั้งปูทางไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) ในอนาคต ทั้งนี้ รัฐมนตรีด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย จะเข้าพบหารือถึงแนวทางการดำเนินงานร่วมกันของสองฝ่าย ภายใต้บันทึกความร่วมมือดังกล่าวด้วย

สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย หรือ Eurasian Economic Union (EAEU) ประกอบด้วยสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์เมเนีย และคีร์กิซสถาน ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพของไทย ทั้งนี้ EAEU เป็นสหภาพศุลกากรที่ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2558 เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 180 ล้านคน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในปี 2560 เท่ากับ 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีการรวมกลุ่มในลักษณะสหภาพศุลกากร มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ เงินทุน และแรงงานอย่างเสรีระหว่างกัน มีมูลค่าการค้ากับประเทศนอกกลุ่ม กว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และเป็นกลุ่มประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย

ในปี 2560 การค้าไทยและ EAEU มีมูลค่า 3,318 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นลำดับที่ 27 ของไทย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 58.91 โดยไทยส่งออก 1,099 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้า 2,190 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2561 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 2,794.07 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 26.59 โดยไทยส่งออก 941.84 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้า 1,852.53 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่ไทยส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และเครื่องยนต์ เป็นต้น สินค้าที่ไทยนำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สินแร่โลหะ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น ในด้านการลงทุน ปี 2560 ประเทศสมาชิก EAEU มีการลงทุนในไทย 376 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI         2 โครงการ มูลค่า 2,713 ล้านบาท สำหรับธุรกิจรายสำคัญที่เข้ามาลงทุนในไทย คือ บริษัทไทยสเตอร์เจียน (ร่วมทุนไทย-รัสเซีย) ธุรกิจการทำฟาร์มเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน และผลิตไข่ปลาคาเวียร์ มูลค่า 57 ล้านบาท