จับตาปัญญาประดิษฐ์ ทำงานแทนคน

จับตาปัญญาประดิษฐ์ ทำงานแทนคน

ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ ในบ้านเราเริ่มนำเอไอเข้ามาใช้เป็นจำนวนมากขึ้น หากแบ่งตามสาขาของเอไอ กลุ่มที่พบมากที่สุดสาขาหนึ่ง คือ แมชชีน เลิร์นนิ่ง

ทุกวันนี้ผู้คนต่างพูดถึงเทคโนโลยีเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ นั่นคือ คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เสมือนมนุษย์ และคาดการณ์ว่าเอไอจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ในงานหลายๆ ตำแหน่ง รวมถึงมองว่าเอไอจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรม 4.0 และเป็นผลทำให้เกิดดิจิทัล ดิสรัปชั่น ในหลายอุตสาหกรรม

แต่เมื่อกล่าวถึงเทคโนโลยีเอไอ หลายคนจินตนาการไปถึงภาพของหุ่นยนต์ในบทภาพยนตร์ต่างๆ แล้วเริ่มตั้งคำถามว่า ทุกวันนี้ก็ไม่เห็นหุ่นยนต์ที่เป็นตัวๆ มาทำงานแทนที่มนุษย์ในงานต่างๆ มากมายเหมือนในภาพยนตร์ จึงคงอีกนานกว่า เทคโนโลยีนี้จะมีผลกระทบต่อเรา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เอไออาจไม่ได้มีลักษณะเป็นตัวหุ่นยนต์เท่านั้น แต่รวมไปถึงระบบซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งลงไปในอุปกรณ์ต่างๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และก็เริ่มมีการใช้งานแพร่หลายแล้ว

ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ ในบ้านเราเริ่มนำเอไอเข้ามาใช้เป็นจำนวนมากขึ้น หากแบ่งตามสาขาของเอไอ กลุ่มที่พบมากที่สุดสาขาหนึ่ง คือ แมชชีน เลิร์นนิ่ง กล่าวคือ การใช้อัลกอริธึ่มมาทำให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้เองในงานเฉพาะจากการป้อนข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งพบว่า ธนาคาร โทรคมนาคม ธุรกิจค้าปลีก หรือการแพทย์ มีการนำ แมชชีน เลิร์นนิ่ง มาใช้เป็นประจำโดยเฉพาะในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytic) เช่น วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การแนะนำสินค้าให้กับลูกค้า ตรวจสอบการฉ้อโกงทางการเงิน การทำ Robo-advisor เพื่อแนะนำการลงทุนในสถาบันการเงิน และการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เป็นต้น

เอไอ ด้าน Natural Language Processing (NLP) เริ่มใช้แพร่หลายในประเทศไทย เป็นกระบวนการประมวลผลทางภาษาที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาษาเหมือนมนุษย์ ปัจจุบันความสามารถทางด้านภาษาไทยของคอมพิวเตอร์ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถแปลจากภาษาต่างๆ มาเป็นภาษาไทยได้ถูกต้องมากขึ้น มีการใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะที่การตลาดก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่นำเทคโนโลยี NLP เข้ามาใช้ในการประมวลผลคำวิเคราะห์ความเห็นของผู้คนจากโลกออนไลน์เช่นข้อความในเฟซบุ๊ค หรืออินสตาแกรม

นอกจากนี้ก็เริ่มมีการใช้แชทบอทในหน่วยงานต่างๆ มากขึ้น โดยระบบแชทบอทสามารถประมวลผลภาษาไทยแล้วโต้ตอบกับคนได้ หลายหน่วยงานเริ่มนำมาใช้เพื่อแทนที่พนักงานคอล เซ็นเตอร์ในการตอบคำถามลูกค้า

Machine Vision ซึ่งเป็นสาขาของเทคโนโลยีเอไอในด้านการมองเห็น หรือการจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ที่กล่าวกันว่าทุกวันนี้คอมพิวเตอร์สามารถแยกแยะใบหน้าผู้คนได้ดีกว่ามนุษย์ จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ถูกนำมาใช้ในการพิสูจน์ตัวตนของหลายหน่วยงานในประเทศไทย โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่เริ่มใช้ในการเปิดบัญชี หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆทั้งที่สาขาหรือผ่านโมบาย แบงก์กิ้ง

เอไอในด้าน Robotic Process Automation (RPA) เป็นซอฟต์แวร์ทำหน้าที่แทนคนในกระบวนการช่วยบันทึกหรือคีย์ข้อมูลเข้าระบบอัตโนมัติ RPA จะช่วยลดเวลาทำงานกระบวนการซ้ำๆ และสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์โดยตรง และไม่มีข้อผิดพลาดในการทำงาน จึงทำให้หน่วยงานที่มีงานธุรกรรมจำนวนมากโดยเฉพาะสถาบันการเงิน สายการบิน หรือบริษัทขนาดใหญ่เริ่มนำมาใช้งาน

เอไอกับการใช้งานในบ้าน บริษัทสร้างบ้านจัดสรรหรือคอนโดหลายแห่งเริ่มนำอุปกรณ์อัจฉริยะมาติดตั้งเพื่อสร้างบ้านอัจฉริยะ

สุดท้ายเอไอกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และทำงานได้ตลอดเวลา ทำให้มีการลดการจ้างงานพนักงาน

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีเอไอได้ก้าวสู่อุตสาหกรรมด้านต่างๆ ในบ้านเราแล้ว เริ่มเข้ามาทำงานแทนคน ส่งผลกระทบกับการจ้างงานในบางประเภทแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ เอไอจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้งานลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นคนในยุคนี้ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีให้มากขึ้นและพร้อมที่จะปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่