โลกร้อนกับการเล่นลิ้น

โลกร้อนกับการเล่นลิ้น

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีวันคุ้มครองโลกตามด้วยวันแรงงานสากล เป็นที่น่าสังเกตว่า

กิจกรรมซึ่งองค์กรของรัฐจัดขึ้นทั่วโลกเนื่องในวันคุ้มครองโลกทำกันแบบขอไปที ทั้งนี้คงเพราะมหาอำนาจนำโดยสหรัฐมีรัฐบาลที่แทบจะมิให้ความสำคัญแก่เรื่องสิ่งแวดล้อม กลุ่มเยาวชนจึงเป็นผู้จัดกิจกรรมจำนวนมากโดยเฉพาะในยุโรป ความเคลื่อนไหวของเยาวชนอย่างแข็งขันในด้านนี้คงมีผลทำให้พรรคแรงงานในสหราชอาณาจักรออกมานำบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประกาศภาวะฉุกเฉินเรื่องโลกร้อน แต่การประกาศนั้นจะไม่มีผลแบบเป็นรูปธรรมเนื่องจากสมาชิกสภาฯ เหล่านั้นขาดอำนาจรัฐ นอกจากนั้น เท่าที่พออนุมานได้ พวกเขายังมิได้ใส่ใจเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตน หรือเข้าใจต้นตอที่แท้จริงของปัญหาอีกด้วย

โลกร้อนกับการเล่นลิ้น

ภาพกิจกรรมเดินรณรงค์แสดงเจตนารมณ์ลดก๊าซเรือนกระจก ที่คณะผู้บริหาร พนักงานและเจ้าหน้าที่ ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ร่วมกันเนื่องในวันคุ้มครองโลก (22 เม.ย.)

อนึ่ง บทความในคอลัมน์นี้มีประเด็นที่เป็นเสมือนแผ่นเสียงตกร่องมานานเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งมีอาการต่าง ๆ รวมทั้งภาวะโลกร้อน ต้นตอที่แท้จริงของปัญหาสิ่งแวดล้อมได้แก่จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นและส่วนใหญ่พยายามใช้ทรัพยากรโลกเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น แต่ทรัพยากรจำนวนมากของโลกลดลง หรืออย่างดีก็เพียงคงที่เท่านั้น

ผู้ติดตามด้านการพัฒนาย่อมจำได้ว่า ย้อนไปไม่นานมีการรณรงค์อย่างเข้มข้นให้ลดอัตราการเกิดของประชากรด้วยมาตรการหลายอย่าง ทั้งแบบสมัครใจและแบบใช้การบังคับ จีนมีประชากรเกินพันล้านคนซึ่งส่วนใหญ่ยากจน รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการแบบเข้มข้นโดยบังคับให้ประชาชนมีลูกได้ครอบครัวละไม่เกิน 1 คน มาตรการนั้นมีผลทำให้อัตราการเกิดลดลงทันทีและมีส่วนทำให้เศรษฐกิจจีนพัฒนาได้ในอัตราสูงมากหากวัดจากการขยายตัวของการผลิตและการบริโภค อย่างไรก็ดี ตอนนี้จีนเปลี่ยนใจและต้องการให้ประชาชนมีลูกเกินครอบครัวละ 1 คน ทั้งนี้เพราะประชาชนจำนวนมากเดินเข้าภาวะสูงวัยยังผลให้ฐานของการเลี้ยงดูสั่นคลอน ไม่เฉพาะจีนเท่านั้นที่ต้องการให้อัตราการเกิดของประชากรเพิ่มขึ้น หลายประเทศพยายามทำมาเป็นทศวรรษแล้วโดยเฉพาะในยุโรป

ผู้ติดตามด้านการพัฒนาย่อมตระหนักดีด้วยว่า หัวใจของการวัดระดับการพัฒนาได้แก่รายได้ต่อคน รายได้นั้นมาจากการผลิตสินค้าและบริการซึ่งเอื้อให้เกิดการบริโภคเพิ่มขึ้น ทุกสังคมต้องการขยายรายได้เพราะฝังใจว่ายิ่งบริโภคมากขึ้นเท่าไร ความสุขยิ่งมากขึ้นเท่านั้นแม้การบริโภคจะเกินความจำเป็นสำหรับดำรงชีวิตแล้วก็ตาม ความเข้าใจผิดนี้ยังแทบไม่มีการยอมรับ หรือแก้ไขในด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแม้การวิจัยจะได้ยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ความสุขที่แท้จริงมิได้เพิ่มขึ้นตามการบริโภคส่วนที่เกินความจำเป็น

เท่าที่พอสังเกตได้ ในบรรดานักการเมืองที่ออกมาประกาศว่าตนยืนอยู่ข้างสิ่งแวดล้อมนั้น ดูจะไม่มีใครออกมานำทำการปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างโดยลดการบริโภคของตนลงให้เหลือแค่ส่วนที่จำเป็นสำหรับดำรงชีพเท่านั้น พวกเขาทำเพียงสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ นั่นคือ เล่นลิ้น

ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ไม่ว่านักการเมืองจะออกมาประกาศภาวะฉุกเฉินด้านโลกร้อนสักกี่ครั้ง โลกก็ยังมีปัญหาสาหัสเรื่องสิ่งแวดล้อมรวมทั้งภาวะโลกร้อน

สำหรับด้านเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหว ต้องดูต่อไปว่าจะจบอย่างไรในวันข้างหน้าเมื่อพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ การเคลื่อนไหวในแนวนี้เคยมีมาก่อนย้อนไปในยุค “ฮิปปี้” โด่งดังเมื่อราว 50 ปีที่แล้ว หากเปรียบเทียบกัน กลุ่มฮิปปี้ดูจะมีพลังสูงกว่า เยาวชนจำนวนมากในยุคนั้นต้องการลดการมีลูกและการบริโภคจากระดับของรุ่นพ่อแม่ แต่เมื่อเป็นผู้ใหญ่ คนทำได้จริงมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่กลับไปเดินตามพ่อแม่ หรือตามแนวคิดกระแสหลักและบริโภคมากเกินความจำเป็น

หันมามองเมืองไทยของเรา ชาวไทยส่วนใหญ่นับตนเป็นพุทธศาสนิกชนและรัฐบาลเปล่งออกมาเสมอว่าศรัทธาในแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นทางออกสำหรับโลกยุคใหม่ หากชาวไทยปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามหลักพุทธศาสนาและรัฐบาลไทยดำเนินนโยบายตามแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ปัญหาสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่จะแก้ไขได้ แต่เท่าที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ว่าชาวไทยส่วนใหญ่ยังพยายามบริโภคเกินความจำเป็นและรัฐบาลยังวิ่งตามแนวคิดเศรษฐกิจกระแสหลัก ด้วยเหตุนี้ วันคุ้มครองโลกและวันแรงงานสากลจะไม่ส่งผลดีดังที่ควรจะเป็น