How To Win Friends And Influence People

How To Win Friends And Influence People

หลายวันก่อน อาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ในปีที่หนังสือเล่มนี้มีอายุ 89 ปี ผู้เขียนหนังสือที่ว่าคือ Dale Carnegie

ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2498 แล้วอาจารย์วรากรณ์ได้กรุณาสรุปหลักการสำคัญ 30 ข้อ ที่หนังสือนี้แนะนำไว้ด้วยความน่าสนใจอย่างยิ่ง

ผู้ที่ได้อ่านมาก่อนหน้านี้ ต้องถือว่าเป็นการปัดฝุ่นที่ดีจริงๆ แม้ว่าจะเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2473 แต่มีความทันสมัย และคนในยุคปัจจุบันอย่าได้ดูแคลนเป็นอันขาด แต่กลับต้องดิ้นรนหามาอ่านกันให้ได้ ผู้ที่อ่านภาษาอังกฤษได้ ก็ควรอ่านตัวต้นฉบับ ซึ่งจะได้อรรถรสเป็นอย่างยิ่ง จะได้รู้ว่าอย่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูแต่มือถือ ให้รู้จักการปฏิสัมพันธ์กันด้วย

หนังสือเล่มนี้ได้นำประสบการณ์และเรื่องเล่าต่างๆ ที่ส่วนหนึ่งผู้เขียนได้มาจากการสัมมนาที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาเองได้อ่านและนำไปลงมือปฏิบัติและเห็นผลอย่างแท้จริง โดยนำมาเล่าต่อ เรื่องเล่าเหล่านี้มีแต่ความน่าประทับใจในแง่ความดีงามของมนุษย์อันเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี โดยเฉพาะในเรื่องการมีสุนทรียวาจาด้วยความจริงใจ และการรู้จักรับฟังผู้อื่นด้วยความตั้งใจและเห็นอกเห็นใจ (attentive and emphatic listening)

เรื่องที่ผมมักนำไปเล่าต่อบ่อยครั้งมากด้วยความประทับใจมีอยู่ว่า ในตอนหนึ่ง ผู้เข้าร่วมสัมมนา (สมมุติว่าชื่อนาย ก) เล่าว่าเขาเป็นผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ซึ่งได้อาศัยมาเป็นระยะเวลาพอสมควร ตัวนาย ก เองก็รู้สึกพอใจที่ได้เช่าและอาศัยใน อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้อยู่ วันหนึ่ง เจ้าของอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ จำเป็นต้องขึ้นค่าเช่า พลันเมื่อประกาศก็มีเสียงบ่นมากมาย ถึงไม่ขึ้นค่าเช่า ตามท้องเรื่องก็มีเรื่องบ่นต่าง ๆ ตามปกติจากผู้เช่าทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว นาย ก ด้วยความที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ พยายามเข้าอกเข้าใจผู้ให้เช่าหรือเจ้าของอยู่ จึงมิได้บ่นหรือตำหนิเจ้าของเหมือนผู้เช่ารายอื่น ๆ แต่ได้กล่าวกับเจ้าของว่า เขาเองเข้าใจในเรื่องที่จะต้องขึ้นค่าเช่าซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่วันหนึ่งก็ต้องเป็นอย่างนี้ แต่เขาเองไม่สามารถจะรับกับค่าเช่าที่ขึ้นนี้ได้ และจำเป็นต้องขอออกจากอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งในเวลาที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกพอในที่ได้เช่าอยู่อาศัยใน อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ เมื่อเจ้าของได้ยินปิยวาจาเช่นนี้รู้สึกแปลกใจมาก ด้วยเห็นว่าไม่มีผู้เช่าจะพูดอย่างนี้กับเขามาก่อน เจ้าของจึงตอบแทนเขาด้วยการไม่ขึ้นค่าเช่า และยังใจดีปรับปรุงอพาร์ทเม้นท์ของนาย ก ให้ดีขึ้นอีกด้วย

ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ในสังคมทั่วไป มีคนที่รู้จักพูดด้วยความจริงใจและปิยวาจาอย่างนี้กี่มากน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคำแนะนำในหนังสือเล่มนี้นั่นเอง

ยังมีเรื่องราวอีกมากเลยครับในทำนองเดียวกัน อ่านแล้วได้รับความเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง

สรุปว่าเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง แทนที่จะพูดว่าผมหรือฉันเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ (ตั้งแต่เกิด) ใครจะคบกันผมหรือฉัน ก็ต้องเข้าใจผมหรือฉัน (แต่เพียงข้างเดียว) แต่หนังสือเล่มนี้แนะนำให้รู้จักปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งนี้ ต้องมิใช่เป็นเรื่องดัดจริต คดในข้องอในกระดูก มีวาระซ่อนเร้น แต่ให้กระทำด้วยความจริงใจ

ถึงจะมีหนังสือทำนองนี้มาในยุคหลัง ๆ ด้วยเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ภาษาในหนังสือเล่มนี้ มีเสน่ห์อยู่ในที ไม่อย่างนั้น คงไม่ยั่งยืนมาจนจะครบรอบร้อยปีแล้วครับ

โดย... องอาจ ทองพิทักษ์สกุล