เส้นทางของเสื้อกั๊กเหลืองฝรั่งเศส

เส้นทางของเสื้อกั๊กเหลืองฝรั่งเศส

“องก์” ที่ 21 เสาร์ที่ 6 เมษา เสื้อกั๊กเหลืองมาชุมนุมสองหมื่นกว่าๆ นับว่าน้อยที่สุดตั้งแต่เริ่มขบวนการมาเดือนตุลาพฤศจิกาปีที่แล้ว

การใช้มาตรการระดับท้องถิ่นห้ามการเดินประท้วงเป็นถนนๆ เป็นเขตๆนับแต่องก์ที่ 20” หากละเมิดตำรวจจับปรับ 135 ยูโร ( 4,900 บาท) ทั้งยังเตรียมกำลังทหารไว้ห่างๆคอยเสริม

ทำให้เส้นทางกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองแคบลงสั้นลง

จะเลือกถนนออกมาเดินเรือนหมื่นเรือนแสนตามพอใจแบบเดิมไม่ได้แล้ว รวมทั้งการปิดทางหลวงระหว่างเมืองไม่ให้รถสัญจร เผาทำลายขโมยของแพงแบรนด์ดังโดยเฉพาะถนนชองป์เซลีเซ่ย่านช้อปปิ้งสุดหรูในกรุงปารีสและเมืองใหญ่อื่น ๆเช่นบอร์โด ตูลูส นีซ มาร์ไซย์ และ ลิลล์

ทั้งนี้ใช่ว่ารัฐบาลห้ามการชุมนุมเสียเลยทีเดียวซึ่งทำไม่ได้ ผิดกฎสิทธิพื้นฐานพลเมือง เพียงแต่ห้ามบางถนนและการใช้พื้นที่สาธารณะรวมทั้งการใช้เสียงต้องแจ้งเทศบาลล่วงหน้าตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่ย่อหย่อนอย่างที่ผ่านมา

ซึ่งแค่ต้องแจ้งล่วงหน้าก็เท่ากับทำลายประสิทธิภาพการชุมนุมตั้งแต่อยู่ในมุ้งนั่นเอง จึงมีทั้งทำตามและไม่ยอมทำตาม การละเมิดถูกจับถูกปรับไปมากโดยเฉพาะที่กรุงปารีสและเมืองนีซ เมืองตากอากาศสุดหรูที่หาดริเวียร่าบนชายฝั่งเมดิเตอเรเนียนปลายมีนาคม ในตอนนั้นรัฐบาลเตรียมต้อนรับการมาเยือนของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง (ผู้ประกาศสั่งซื้อแอร์บัสของฝรั่งเศสรวดเดียว 500 ลำในระหว่างการเยือนที่เมืองนีซและกรุงปารีส)

อำนวยโอกาสให้ประเดิมใช้มาตรการอำนาจบริหารปกครองส่วนท้องถิ่นรับมือกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองได้อย่างชอบธรรมงามสง่าในเสาร์“องก์” ที่ 20 พอดี

เป็นที่รู้กันมาแต่ต้นว่าความยุ่งยากรับมือวิกฤติกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองประการหนึ่งที่สำคัญคือผู้บริหารผู้ปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนหนึ่งไม่ลงรอยกับส่วนกลางและไม่ปลื้มประธานาธิบดีมาครงที่เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งมาด้วยคะแนนต่ำ ถึงเรียกประชุมด่วนฝ่ายบริหารฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นเจรจาหลายยกตั้งแต่กลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองก่อตัวแต่ก็งั้นๆ บางคนแสดงเปิดเผยไม่ชอบหน้าประธานาธิบดี บ้างหนีการถ่ายรูปหมู่ที่รู้ดีว่าจะเอาไปประชาสัมพันธ์

การที่ใน “องก์ที่ 20” ฝ่ายบริหารปกครองส่วนท้องถิ่นจำเป็นต้องร่วมมือ(โดยไม่เสียคะแนนทางการเมืองของตัวเอง)ก็สมควรแก่เวลาแล้ว การชุมนุมได้ทำลายทรัพย์สินสาธารณะและส่วนบุคคลมามากถึง 20 เสาร์ ขนาดว่าตั้งแต่“องก์” ที่ 7 ที่ 8 นายกเทศมนตรีได้ขอส่วนกลางจัดงบพิเศษซ่อมบ้านเมืองเพราะงบประมาณปกติไม่พอ

การแบ่งกระจายคานอำนาจบริหารและปกครองจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่นที่ฝรั่งเศสได้ทำมากันอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ.1789 ล้มเลิกระบอบกษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้ทำให้การปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจบริหารและปกครองดูแลคนของตัวที่ส่วนกลางต้องเคารพและพึ่งพา

นายกเทศมนตรีของฝรั่งเศสไม่ได้มีแค่ตำรวจเทศกิจ แต่มีอำนาจสั่งกำลังตำรวจปราบปรามระดับท้องถิ่นในมือด้วย (ยกเว้นกรุงปารีส) ซึ่งกฎเกณฑ์การใช้อำนาจกำลังตำรวจสามประเภทของฝรั่งเศส (Police nationale, Police municipale, Gendarmerie) ต่างจากประเทศอื่น ๆ

การจะสั่งกำลังทหารปฏิบัติการใช้อาวุธใดที่ไหนมีกฎระเบียบเป็นขั้นเป็นตอนซึ่งฝรั่งเศสใช้เวลาพัฒนาเป็นร้อย ๆปีกว่าจะจัดระเบียบได้อย่างที่เป็นอยู่ทั้งกฎหมายและขนบปฏิบัติ ซึ่งถ้าไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉิน ก่อการร้ายหรือสงครามแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่กำลังตำรวจและทหารจะถูกฝ่ายบริหารปกครองสั่งให้ทำหรือออกมาใช้อำนาจที่มีอยู่เสียเองง่ายๆเหมือนในบางประเทศ ดูจากที่นายมาครงต้องและกำลังเสนอและรอผ่านสภานั่นอย่างไรที่จะแก้ไขกฎหมายป้องกันก่อการร้ายเพื่อรับมือวิกฤติการณ์อย่างกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองซึ่งฝรั่งเศสไม่เคยได้พบเห็นมานานเกือบศตวรรษ

ด้วยหลักคานอำนาจบริหารการปกครองและความเป็นสังคมเปิดมีเสรีภาพความคิดเห็นและการแสดงออก สภาพปริร้าวของสังคมฝรั่งเศสดูจะประคองกันมาได้อย่างค่อยๆคลี่คลาย ไม่ปราบปรามเอาง่ายๆประชาชนที่โกรธรัฐบาลแม้ทำความรุนแรงต่อทรัพย์ไปบ้าง เลวร้ายที่สุดครั้งนี้ก็คือผู้ชุมนุมเสียตาไปข้างหนึ่ง มือขาดไปข้างหนึ่ง บาดเจ็บหนักบ้างเบาบ้าง ฝ่ายตำรวจก็มีบาดเจ็บ ที่เสียชีวิตเนื่องจากสาเหตุอื่นเช่น หัวใจวายและอุบัติเหตุ

ที่การชุมนุมยังรักษาระดับผู้ชุมนุมสามสี่หมื่นคนได้เสมอมาโดยเฉพาะจำนวนมากที่กรุงปารีส แสดงว่ายังไม่สามารถหยุดยั้งกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองได้ด้วยมาตรการใดที่รัฐบาลเสนอสนองมาแล้ว ทั้งการตรึงราคาน้ำมันและไม่ขึ้นภาษี จัดสรรปีงบประมาณประเคนสวัสดิการต่าง ๆ เงินบำนาญ เป็นต้น

การเสวนาระดับชาตที่จะสิ้นสุดลงในเดือนเมษานี้ที่นายมาครงได้เดินสายรับฟังข้อเรียกร้องเรื่องความยุติธรรมทางสังคมลดความเหลื่อมล้ำไม่มีใครเชื่อว่าจะแก้ไขอะไรได้

กลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองได้ระดมจัดประชุมใหญ่ระดับชาติครั้งที่ 2 ระหว่าง 5-7 เมษา ที่เมืองแซงต์ นาแซร์ ที่อาคารร้าง (ครั้งแรกจัดเมื่อ 27 มกราคม) เพื่อกำหนดวาระใหม่ๆ เช่น ที่เคยต้านจุดยืนนางอิงกริด เลอวาลาสเซอร์อดีตเสื้อกั๊กเหลืองที่จะลงเลือกตั้งเข้าร่วมสหภาพยุโรปก็เปลี่ยนไป คุณอิงกริดประกาศเลิกล้มขบวนการนี้ของเธอเมื่อกุมภาพันธ์ แต่ในการประชุมระดับชาติของเสื้อกั๊กเหลืองกลับจะมีวาระนี้ นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ หลังๆมานี่ผู้ชุมนุมคิดค้นวิธีแสดงความโกรธที่ไม่ลดรา ประดิษฐ์“ระเบิดอุจจาระ”ขว้างปาตำรวจเป็นที่น่าอับอาย ตำรวจนายหนึ่งโดนถุงที่เรียกว่า คาคาตอฟ (cacatov)เข้าที่ศอกอย่างจัง ฟกช้ำบาดเจ็บ (“คาคา”เป็นคำสะแลงฝรั่งเศสหมายถึง อึ นำมาผสมกับคำว่า โมโลตอฟ) โดยยังจับตัวผู้ขว้างปาไม่ได้

เสื้อกั๊กเหลืองจะยังเคลื่อนไหวตามแนวคิดและยุทธศาสตร์ที่พัฒนาตามสถานการณ์ที่ถูกบีบมากขึ้นเรื่อย ๆซึ่งไม่จำต้องพึ่งพาจำนวนคนชุมนุมอย่างเดียวเพราะแนวคิดไปถึงไหนต่อไหน มีคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมากมายทั้งในฝรั่งเศสและประเทศอื่น ๆ

ฝ่ายรัฐบาลนายมาครงก็เดินหน้าต่อด้วยมาตรการเศรษฐกิจการเมืองที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะแก้ไขอะไรได้เรื่องความเหลื่อมล้ำ

เสียงปัญญาชนนักวิชาการที่ดังระงมไปกับเสียงกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองได้เปิดหูเปิดตาให้รู้ว่าความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้สะสมกันมานานบวกกับความยุ่งยากของกระบวนการโลกานุวัตรนั้นเป็นชะตากรรมที่ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องเจอ

ประชาชนต้องตระหนักรู้ไม่ถูกกระแสการเมืองทั้งเก่าทั้งใหม่ปิดหูปิดตา หลอกใช้ด้วยนโยบายเลิศหรูต่าง ๆที่เกินความเป็นจริง