ฝุ่นตลบอบอวลเวทีการเมือง

ฝุ่นตลบอบอวลเวทีการเมือง

กกต.เผยคะเเนนของว่าที่ส.ส.เเต่ละพรรคว่าคนชนะได้กี่เเต้มเเล้ว พอจะคะเนชัดขึ้นได้ว่าพรรคต้นสังกัดจะมี ปาร์ตี้ลิสต์ กี่คน

 ตัวเลขว่าที่ ผู้เเทนราษฎร ตอนนี้เเม้จะชัดเกินร้อยละเก้าสิบเเต่หากยังไม่เเตะหลักหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ก็อย่านอนใจ....ว่าพรรคนี้นอนมา

เนื่องจากคำร้องทุจริตนับร้อยเรื่องยังคาอยู่กับกกต.ที่มิรู้ว่าเขตนี้หรือเขตนั้นจะมีใบสีใดเเปะไว้ เพราะหนึ่งเสียงจากหนึ่งส.ส.ยามนี้ความหมายยิ่งกว่าหลายครั้งที่ผ่านๆมาเนื่องจากการโหวตหนึ่งครั้งของผู้เเทนราษฎรทรงพลังยิ่ง โดยเฉพาะด่านเเรกลงมติเลือก สร.1

ดังนั้นการกวาดว่าที่ส.ส.ให้เข้าขั้วยามนี้จึงเป็นสื่งสำคัญสุดสำหรับสองขั้วการเมืองไทยในการชิงธง เเต่ว่าเรื่องจริงเพลานี้.... เค้ารางของการ ฟอร์มรัฐบาล ใหม่นั้น วุ่นกว่าที่คาดไม่น้อยหากมองย้อนไปยังการเลือกตั้งเมื่อปี2544เป็นต้นมา ครั้งนั้นใช้บัตรเลือกตั้งสองใบเป็นครั้งเเรก

เเม้บางคนบอกว่า ควรรอถึง วันที่9พ.ค. ตามไทม์ไลน์ที่กกต.บอกไว้เเล้วค่อยมาพินิจกันต่อ เเต่ความจริงเเล้วใครเล่าจะนั่งเผาเวลาเล่น... อะไรที่ทำได้ระหว่างนี้ก็ควรทำ หากรอเเบบนั้นเพื่อนเอาไปกินหมดเป็นเเน่เเท้ เเละความอีรุงตุงนังนี้จะเป็นเหตุให้การเสนอเเก้กติกาหลักของบ้านเมืองชอบธรรมขึ้นเพราะสังคมเห็นชัดเเล้วว่าวุ่นหรือไม่...

ขณะเดียวกันวาทะการเมืองจากมุมต่างๆจึงบังเกิดรายวันเพื่อดิสเครดิตมุงตรงข้ามใน เรื่องเงื่อนตายการเมือง เงื่อนตายที่ว่าในยามนี้นั้นคือจำนวนส.ส.ที่จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าพรรคใดจะมีเปรียบกว่ากัน งูเห่า งูดิน การย้ายค่ายเบอร์เดิม" จึงเป็นสิ่งลือลอยลมเล็ดออกมาตามหน้าสื่อ ของเเบบนี้มีจริงเพียงเเต่รอความจริงปรากฏเท่านั้นกับคนการเมือง

เพราะจำนวนเสียงเป็นปัจจัยเบื้องต้นในการอ้างความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาลใหม่ โดย ขั้วลุงตู่ นั้น ตอนนี้ พรรคพลังประชารัฐ ยืนเป็นหลักด้วยการอ้างคะเเนนป๊อปปูล่าร์โหวตที่สูงสุดเเละอ้างว่ายังมีเวลาเจรจาพรรคต่างๅมาร่วมงานเเละลุ้นว่ากกต.จะมอบใบสีต่างๅให้ใครจากพรรคใดบ้างเพราะเมื่อต้องหย่อนบัตรใหม่ อะไรๆก็เกิดได้เสมอเนื่องจากตัวเลขเปลี่ยน

การที่หว้งว่าบางคราวตัวเลขที่เปลี่ยนนั้นจะพลิกมามุมตัวเองเช่นนี้.... คีย์เเมนพปชร. มั่นใจเพียงใดว่ามุมตรงข้ามจะร่วง.... ตรงนี้น่ามองให้ลึกกว่าที่เห็นเเละเป็นอยู่ เพราะการเดาใจชาวบ้านร้านตลาดซึ่งเป็นเจ้าของหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงนั้นว่าจะเลือกใครเช้าไปใหม่นั้น อ่านใจยาก....

ส่วน“ว่าที่ ส.ส.” ที่ฝ่ายต้านระบบสืบทอดอำนาจนำมาอ้างนั้น มีดังนี้ พรรคเพื่อไทยมี 137 เสียง พรรคอนาคตใหม่ 88 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 11 เสียง พรรคประชาชาติ 7เสียง พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง และพรรคเพื่อชาติ 5 เสียง เเละเปิดฟอร์เเถลงสัตยาบันไปล่วงหน้าเเล้ว

เเบบนี้วุ่นพอควรเพราะกรรมการไม่บอกผลอย่างเป็นทางการ ทำให้เเต่ละขั้วยึดตัวเลขของตัวเองวางเป็นสมการ ฝุ่นจึงฟุ้งบนกระดานการเมืองจนหลายคนบ่นว่าไทยเเลนด์4.0วันนี้เเต่ฝุ่นคลุ้งเมืองเหมือนอยู่ในยุคถนนลูกรัง

เมื่อกาลเป็นเช่นนี้ความเชื่อมั่นเมืองไทยจากสายตาคนนอกหรือเเม้เเต่คนในประเทศก็ยังไม่มั่นคงเท่าใดนัก เมื่อมองเเล้วสองขั้วยังไม่มั่นคงเเบบนึ้ ฝุ่นการเมืองเเทบจะปิดมิด เเม้บางคนบอกว่ากติกายังมีช่องไว้ว่าหากไม่สามารถโหวตนายกฯจากสองสภาในยกเเรกได้ ยกสองยังมีให้ใช้คือเลือกนายกฯคนนอก

เเต่กาลยามนี้เเค่ก่อนขึ้นยกเเรกยังป่วน ...เมื่อผนวกกับการทำงานของกรรมการที่เเปลกๆชอบกลในบางเรื่องจนมีการขับไล่เเละเอาผิดเจ็ดเสือเลือกตั้งเเล้วนั้น หากโละการหย่อนบัตร24มี.ค.2562เเล้วรีเซ็ทกันใหม่ มันจะดีกว่าเดิมหรือยุ่งกว่าเดิม...

ใครไขคำตอบได้ ช่วยกันชี้ทางให้การเมืองไทยหลุดจากฝุ่นที่เเทบมองไม่เห็นทางเช่นนี้ด้วยเถิด....

โดย... นักข่าวหมายเลข 10