สร้างความได้เปรียบในอีคอมเมิร์ซด้วย ‘integrated Function’

สร้างความได้เปรียบในอีคอมเมิร์ซด้วย ‘integrated Function’

เพิ่มมิติไลฟ์สไตล์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานให้เหนือกว่าอีคอมเมิร์ซทั่วไป

เพื่ออยู่รอดในยุคดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น (DT) องค์กรต่างๆ พยายามผันตัวเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลให้เร็วที่สุด และมีความตื่นตัวในการนำ ดิจิทัล เทคโนโลยี เช่น เอไอ, คลาวด์, บิ๊กดาต้า หรือ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำธุรกิจ ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ กระบวนการทำงาน การทำการตลาด การจัดจำหน่าย ไปจนถึงการเข้าถึง และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เมื่ออินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนแพร่หลายกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิต ผู้บริโภคซึ่งมีทักษะทางอินเทอร์เน็ตสูง (Internet Savvy) จึงเริ่มมองหาการเติมเต็มจากแพลตฟอร์มต่างๆ มากกว่าในอดีต 

ดังนั้นการเป็นแพลตฟอร์มที่มีความชำนาญเฉพาะด้านเพียงด้านเดียว (Single-Purposed Platform) อาจไม่เพียงพอต่อการอยู่รอดในยุค ‘DT’ อย่างยั่งยืน

หากลองพิจารณาเหล่าแพลตฟอร์มหรือแอพพลิเคชั่นที่ประสบความสำเร็จปัจจุบัน พบว่า กุญแจสำคัญในการครองความได้เปรียบท่ามกลางสภาวะตลาดที่แข่งขันสูง คือ การเร่งขีดความสามารถเพื่อรองรับความต้องการ และไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานให้ครอบคลุม 360 องศา หรือดันตนเองไปสู่การเป็น ‘ซูเปอร์ แพลตฟอร์ม’ (Multi-purposed Platform) ที่นำเสนอบริการหลากหลายรูปแบบ ครบ จบ ภายในแอพพลิเคชั่นเดียว เช่น โซเชียล มีเดีย แอพพลิเคชั่น ที่ควบรวมบริการ อี-มาร์เก็ตเพลส, อี-วอลเล็ต หรือ ฟู้ด เสิร์ช แอนด์ เดลิเวอรี่ ไว้ด้วยกัน เป็นเหตุให้แพลตฟอร์มที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนไม่น้อยต้องล้มหายไป

สำหรับ ‘อี-คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม" ซึ่งเป็นธุรกิจแบบ Two-sided Market ที่ต้องอาศัย Network Effect ในการขยายตัว การขยายฐานผู้ใช้งานมีความสำคัญต่อการเติบโตมาก ยิ่งจำนวนผู้ใช้งาน (User) ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย มีจำนวนมากขึ้นเท่าไหร่ แพลตฟอร์มก็ยิ่งน่าใช้ในสายตาผู้บริโภคมากขึ้นเท่านั้น

เช่น ‘โซเชียล คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม’ อย่างช้อปปี้ (Shopee) พื้นที่สำหรับผู้ซื้อและผู้ขายได้มาพบปะกัน หาก Shopee มีผู้ขายเพียงไม่กี่ร้านค้า ลูกค้าก็คงจะไม่เข้ามาหาซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มของเรา ดังนั้น นับตั้งแต่ที่ Shopee เปิดให้บริการในปี 2558 เราจึงพยายามเฟ้นหาและดึงดูดผู้ขายเข้ามาในระบบให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์และการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ เมื่อมีร้านค้าคุณภาพจำนวนมากบนแพลตฟอร์ม ผู้ซื้อเพิ่มก็จำนวนขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ผู้ขายรายใหม่ๆ ยิ่งอยากเข้ามาขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของเราเพราะเห็นความต้องการซื้อจำนวนมาก นำไปสู่วงจรที่สะท้อนผลบวกแบบทบทวี และสร้างการเติบโตให้แก่ Shopee ได้อย่างก้าวกระโดด

แนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องของอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘ซูเปอร์ แพลตฟอร์ม’ หลายรายจึงหันมาให้บริการ อี-มาร์เก็ตเพลส และ อี-เพย์เม้นท์มากขึ้น เช่น เฟซบุ๊ค เดิมทำหน้าที่เป็นเพียงบล็อกขนาดย่อม แต่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่สื่อสาธารณะให้แบรนด์ต่างๆ เข้ามาซื้อโฆษณาได้ ทั้งมีบริการ เฟซบุ๊ค ช็อป ช่องทางซื้อขายสินค้าพร้อมบริการ เพย์เม้นท์ผ่านแพลต์ฟอร์มตัวเอง

เมื่ออ้างอิงผลวิจัยจากกูเิลและเทมาเส็ก ที่ระบุว่าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 62% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องผลักดันให้ยอดขายทั้งหมด (GMV) มีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2568 อย่างไรก็ตาม กลับเป็นเรื่องที่น่าตกใจเมื่อพบว่ายอดขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับเป็นเพียง 3-5% ของยอดขายจากการค้าปลีกทั้งหมด ดังนั้นการ ดึงผู้ใช้งานอีก 95-97% เข้าสู่ระบบอีคอมเมิร์ซ จะเป็นรากฐานสำคัญสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรม ‘อีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม’ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดังนั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าให้กว้างและลึกขึ้น แพลตฟอร์มจะต้องเพิ่มคุณค่าตนเองด้วย ‘Integrated Function’ สำหรับ Shopee เราเล็งเห็นถึงความสำคัญตั้งแต่เริ่มแรกและมุ่งมั่นที่จะสร้าง ‘Integrated Function’ ทั้งในระดับผลิตภัณฑ์และองค์กร

ในระดับผลิตภัณฑ์ เราเพิ่มมิติไลฟ์สไตล์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานให้เหนือกว่าอีคอมเมิร์ซทั่วไป ทั้งมุ่งสร้างประสบการณ์ในการใช้งาน ที่เหนือกว่า ด้วยกิจกรรมสนุกๆ และมินิเกมสามารถดึงผู้บริโภคเข้ามาสู่ อีคอมเมิร์ซ อีโคซิสเต็มส์ ได้ และสร้างให้เกิดผู้ใช้งานใหม่ขึ้นมาก เห็นจากยอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Shopee ที่เป็นอันดับ 1 โดยมี Gross Order สูงถึง 158.5 ล้านออเดอร์ ในไตรมาส 3 ปี 2561

ส่วนในระดับองค์กร Shopee มุ่งที่จะดึง Offline Merchants เข้าสู่ระบบอีคอมเมิร์ซ ผ่าน Shopee University ซึ่งเป็นโปรแกรมพัฒนาศักยภาพของร้านค้าและธุรกิจรายย่อยที่เราจัดขึ้นในประเทศต่างๆ ที่ Shopee ดำเนินงานอยู่ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทย เราจึงทำหน้าที่เป็นทั้งแหล่งทำรายได้และโรงเรียนของผู้ขายในเวลาเดียวกัน โดยเนื้อหาในโปรแกรมครอบคลุมตั้งแต่การใช้งานแพลตฟอร์มเบื้องต้น การสร้างคอนเทนท์ การถ่ายภาพสินค้า ไปจนถึงการใช้ Data เพื่อวางแผนธุรกิจเพื่อให้พวกเขาสามารถบริหารธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ เข้าถึงฐานผู้ซื้อที่กว้างขึ้น ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และสามารถเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน