กามิกาเซ่ในสนามเลือกตั้ง !

กามิกาเซ่ในสนามเลือกตั้ง !

ระบบเลือกตั้งใหม่ ที่ใช้อยู่ขณะนี้น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีจำนวนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

เพราะแม้ว่าผู้สมัครจะไม่ชนะในเขตเลือกตั้ง แต่คะแนนที่ตนได้รับจะส่งผลต่อการได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคของตน อาจมีคนสงสัยว่า ผู้สมัครบางคนดูท่าแล้วไม่มีทางที่จะชนะในเขตเลือกตั้งแน่ๆ แล้วทำไมถึงมีน้ำใจเสียสละพลีชีพให้สมาชิกร่วมพรรคในบัญชีรายชื่อได้ขนาดนั้น 

คำตอบคือ พรรคการเมืองจะมีกลุ่มย่อยในพรรค และในกลุ่มย่อยนี้ก็จะมีหัวหน้ากลุ่มอยู่ หัวหน้ากลุ่มนี้จะเป็นคนไปหาคนมาลงเลือกตั้งตามเขตต่างๆ ถ้าหาคนมาลงได้มาก ถึงแม้จะไม่ชนะ แต่คะแนนเสียงในแต่ละเขตที่ได้ก็จะเอามานับรวมกันว่าเป็นแต้มที่หัวหน้าทำได้จากการส่งคนในเครือข่ายของตนในเขตต่างๆ เมื่อเอามานับรวมแล้ว หัวหน้ากลุ่มใดได้คะแนนรวมจากเขตต่างๆ ที่ตนส่งคนลงมากน้อยก็จะมีพลังต่อรองในการหาตำแหน่งแห่งที่ให้กับตนและคนของตนที่แพ้เลือกตั้งในเขต พูดง่ายๆก็คือ หน่วยกามิกาเซไม่ได้ลงไปตายเปล่าๆ แต่มีรางวี่รางวัลตอบแทนแน่นอน 

ขณะเดียวกัน สำหรับผู้สมัครที่เป็นโรนิน ไร้สังกัดกลุ่มก๊วนในพรรค แม้ว่าไม่ชนะ แต่ถ้ามาเป็นที่ต้นๆ กวาดคะแนนมาไม่น้อย คะแนนนั้นก็จะถูกมาคำนวณนับรวมกับคะแนนของผู้สมัครที่แพ้ แต่ก็ได้คะแนนในเขตอื่นๆ และมาจัดอันดับการมีพลังในการส่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อแค่ไหน ก็จะได้รางวัลตอบแทนด้วยเช่นกัน 

ถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็ยากที่จะหาคนมาเป็นกามิกาเซพลีชีพเพื่ออุดมการณ์เปล่าๆปลี้ๆ อาจจะมี แต่ก็คงหายากเต็มที่ เพราะในการหาเสียง ก็ต้องลงแรง มีค่าใช้จ่าย พวกที่ยอมเป็นกามิกาเซ่ แต่ไม่ตายเปล่า แต่รอรางวัลหลังเลือกตั้งนี้ ขอเรียกว่า กามิกาเซ่แบบเย็น ที่ว่าเย็นก็เพราะต้องรอหลังเลือกตั้ง ให้บรรยากาศมันคลี่คลาย ประกาศผลอย่างเป็นทางการแล้วดูว่า พรรคได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลหรือได้ร่วมรัฐบาลหรือเปล่า กว่าจะได้ผลตอบแทน ก็ต้องรอกันนาน เพราะดูเหมือนว่า การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งไม่น่าจะง่าย และก็ไม่น่าจะเร็วด้วย 

แถมรัฐธรรมนูญฉบับนี้แตกต่างจากที่แล้ว นั่นคือ ไม่กำหนดเงื่อนเวลา ว่าจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ภายในกี่วัน ถ้าเหมือนประเทศเบลเยี่ยมปี ค.ศ. 2010 กว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ปีโน่น อย่างนี้ ไม่เรียกว่า กามิกาเซ่เย็นได้ยังไง คือ หนึ่ง ต้องใจเย็น สอง ถ้าเปรียบรางวัลผลตอบแทนเป็นอาหาร มันก็คงเย็นชืดหมดแล้ว ที่จริงน่าจะเรียกว่า กามิกาเซ่ดึก อาจจะเหมาะกว่า เปรียบได้กับข้าวต้มมื้อดึก กว่าจะได้กินก็สองยามไปแล้ว หรือจะเรียกว่า กามิกาเซ่แห้งก็ได้ นั่นคือ รอจนเหงือกแห้ง 

ขณะเดียวกัน ในสนามเลือกตั้งคราวนี้ ก็ยังมีพวกกามิกาเซ่สดหรือกามิกาเซ่ร้อน ที่ว่าสดก็คือ ไม่ต้องรอนาน ได้ตอบแทนค่าลงเลือกตั้งกันสดๆ เร็วๆเลย ถ้าเปรียบผลตอบแทนเป็นอาหารก็เรียกได้ว่า อาหารปรุงใหม่สดๆ ถ้าเป็นส้มตำหรือพวกยำก็เรียกได้ว่า ยังไม่ชืด ออกจากครกเข้าปากเลย หรือดีไม่ดี กินมันจากครกด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นอาหารที่ต้องปรุงต้องทอดต้องผัด ก็เรียกได้ว่า ร้อนจนต้องเป่าปาก พวกกามิกาเซ่สดหรือร้อนนี้ ไม่ได้หวังตำแหน่งแห่งที่หรือหน้าตาเกียรติยศในภายภาคหน้าแต่อย่างใด แต่ชอบที่จะทำตัวเป็นทหารเลวนิรนาม คือ รู้ๆ อยู่ว่า ลงไปก็ไม่ชนะ อาจจะได้คะแนนไม่ถึงอันดับที่ 2 แต่อย่างน้อยก็อาจมาที่ 3 หรือที่ 4  กามิกาเซ่นี้จะรับผลตอบแทนไปเลย ดีไม่ได้ รับตั้งแต่วันลงสมัครกับ กกต. แล้วด้วยซ้ำ พวกนี้เป็นพวกเดนตาย หรือที่พี่น้องอีสานจะเรียกกามิกาเซ่พวกนี้ว่า กามิกาเซ่โสถิ่ม  

แต่กระนั้น เพื่อความแฟร์ ไม่ใช่ว่าทุกพรรคจะใช้ระบบกามิกาเซ่กันหมด เพราะบางพรรคเขามีตัวที่มีชื่อมีเสียงอยู่ คือ เคยเป็น ส.ส. มาแล้ว หรือไม่ก็ผ่านสนามเลือกตั้งในแบบเกือบๆ ได้ หรือได้บ้าง ไม่ได้บ้างมาแล้ว ดังนั้น มันก็ไม่ถูกไม่ต้องที่จะไปเรียกนักการเมืองที่แพ้เลือกตั้งเขตว่า เป็นกามิกาเซ่ไปเสียหมด แต่จะให้บอกว่า พรรคไหนที่ไม่ค่อยมีกามิกาเซ่ ก็พูดลำบาก เดี๋ยวจะหาว่าเชียร์ออกนอกหน้า ท่านก็ลองไปดูๆ ในเขตของท่านก็แล้วกัน 

ขณะเดียวกัน มันก็จะไม่แฟร์อีก หากจะใช้เกณฑ์ว่า ผู้สมัครหน้าใหม่ทุกคนของทุกพรรคจะเป็นพวกกามิกาเซ่ เพราะถ้าพิจารณาให้ดี ผู้สมัครหน้าใหม่จำนวนไม่น้อยในหลายๆ พรรค มีคุณสมบัติไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นวุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน ตำแหน่งแห่งที่ 

คนพวกนี้คงไม่ใช่กามิกาเซ่สดหรือร้อนแน่ๆ เพราะผลตอบแทนที่ได้สดๆ ร้อนๆ นั้น มันคงไม่คุ้มกับที่พวกเขาต้องเสียกับการลงแข่งขันในสนามเลือกตั้ง เพราะจะต้องตากแดดตากลม ลาออกจากงาน (ถ้าเป็นราชการ) และจะต้องเจอการต่อสู้หาเสียงที่ดุเดือดจากคู่แข่ง ถ้าเจอคู่แข่งมีน้ำใจนักกีฬาก็แล้วไป แต่ถ้าเจอพวกกามิกาเซ่โสถิ่มเข้า พวกนี้เดนตายพร้อมยอมชนในทุกรูปแบบ เข้าข่ายกูไม่ชนะอยู่แล้ว (แต่กูได้สดๆ อิ อิ) มึงก็อย่าหวังจะได้ง่ายๆ เลย 

ท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้และนึกๆ ถึงผู้สมัครในเขตของท่าน ท่านต้องพิจารณาให้ดีว่า ไผเป็นไผ เลือกให้ดีๆ ถ้าไม่แน่ใจ ก็ไปกาช่องไม่ประสงค์จะเลือกใครก็ได้ ซึ่งในระบบเลือกตั้งคราวนี้ นอกจากทุกคะแนนไม่ทิ้งน้ำแล้ว คะแนนที่ไม่ประสงค์จะเลือกใครก็ไม่ทิ้งด้วย เพราะถ้าผลการเลือกตั้งในเขตของท่านออกมาว่า คะแนนไม่ประสงค์จะเลือกใครมาเป็นที่หนึ่ง เหนือคะแนนของผู้สมัครทุกคน อย่างนี้ เขาเรียกว่า ตายยกรัง นั่นคือ ผู้สมัครทุกคนตั้งแต่ที่หนึ่งถึงที่โหล่โมฆะหมด คะแนนที่พวกกามิกาเซ่ทั้ง 2 แบบได้ ก็จะไม่สามารถเอาไปรวมเป็นแต้มไว้แลกของรางวัลได้ แต่พวกกามิกาเซ่สดหรือร้อนนั้น ไม่ต้องห่วง มันได้ไปตั้งแต่วันสมัครแล้ว (น่าคิดถึงผู้สมัครบางคนที่ยังจำชื่อพรรคตัวเองไม่ได้) 

แต่ก็น่าสงสัยอย่างยิ่งว่า พี่น้องประชาชนประเภทไหนที่จะไปลงคะแนนให้พวกกามิกาเซ่โสถิ่มนี้ ? คำตอบคือ หนึ่ง ญาติพี่น้อง สอง ไม่ใช่ญาติแต่กามิกาเซ่โสถิ่มต้องแบ่งรางวัลให้บ้าง สาม พวกกากสุดๆ ที่ภาษาคาร์ล มาร์กซ เรียกว่า “Lumpenproletariat” ที่จริงพวกที่สองกับพวกที่สามนี้ แยกกันไม่ค่อยขาด เพราะพวกกามิกาเซ่โสถิ่มนี้จริงๆ แล้ว ก็กากเฬวรากพอตัวอยู่แล้ว พวกที่มารับส่วนบุญจากกากกเฬวรากอีกทีนั้น มันจะขนาดไหน ??!! 

สรุปได้อย่างยิ่งว่า การเลือกตั้งคราวนี้ เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะน่าจะได้กันทั่วถึง และถ้ากามิกาเซ่โสถิ่มเกิดชนะเลือกตั้งขึ้นมาหละก็ ก็ต้องบอกว่า ปาฏิหาริย์มีจริง! แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะบางทีอาจจะไม่ใช่ปาฏิหาริย์ เพราะผู้คนเขาอาจ รักหัวหน้าพรรคที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ สุดขีดจนหลับหูหลับตายอมลงคะแนนให้กามิกาเซ่โสถิ่มอย่างถล่มทลาย และหัวหน้าพรรคก็จะกลุ้มใจเมื่อพวกนี้ได้เข้าสภา เพราะจะเรียกร้องรางวัลอีกสารพัดมากมาย หรือถ้าไม่ใช่เหตุผลที่กล่าวไป ก็คงต้องบอกว่า ถ้ากามิกาเซ่โสถิ่มชนะ ก็เป็นเพราะพี่น้องประชาชนที่ลงคะแนนให้นั้น แสนจะน่าร๊ากกก น่าเอ็นดู ประชาธิปไตยจง (หรือคง) เจริญ (หละนะ) !