รับรองว่าคุณไม่มีวันรู้เรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5 นี้มาก่อน

รับรองว่าคุณไม่มีวันรู้เรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5 นี้มาก่อน

ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากคนกรุงเทพมหานครมาสองปีติดกัน คือ ในช่วงปี 2560 ต่อ 2561 และ ช่วงปี 2561 ต่อ 2562

เพราะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของตนและคนในครอบ-

ครัวโดยเฉพาะลูกเล็กและพ่อแม่ปู่ย่าตายายวัยอาวุโส จนท้ายที่สุดเหตุการณ์ได้กลายเป็นเรื่องดราม่าที่พูดถึงกัน

โครมครามในสื่ออิเล็กทรอนิคส์ และสื่อออนไลน์ รวมทั้งสื่ออาชีพกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงปะปนกัน และเป็นที่น่าเสียดายที่มีแนวโน้มที่จะเป็นเรื่องดราม่าที่ไม่จริงเสียมากกว่าจริง

จากนั้นก็ได้มีเสียงเรียกร้องให้ภาครัฐและรัฐบาลทำอะไรสักอย่างหรือหลายอย่างเพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้เบ็ดเสร็จ ให้ไม่มีปัญหาอีกต่อไป ซึ่งนับมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ภาครัฐและภาครัฐบาลก็ได้มีแผนปฏิบัติการออกมาแล้ว ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แม้บางคนจะเห็นว่าแผนนี้ออกมาช้าเกินการณ์ไปมากก็ตาม

บทความนี้ จะขอไม่เอ่ยถึงมาตรการหรือแผนปฏิบัติการพวกนั้นในที่นี้ เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องออกมาอธิบายและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ รวมทั้งสิ่งนี้อาจหาได้ไม่ยากบนอินเตอร์เน็ต แต่อยากบอกเน้นว่าเรื่องปัญหาฝุ่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย มันมีมานานมาก นานกว่าที่หลายๆคนจะคาดเดาได้เสียด้วยซ้ำ

รับรองว่าคุณไม่มีวันรู้เรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5 นี้มาก่อน

รณรงค์‘วันปลอดฝุ่น’ โดยการสวมหน้ากากกันไอพิษเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์,  เมษายน 2540

มรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรนอกภาครัฐ (NGO) แรกๆ ของประเทศไทยที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ได้ตระหนักถึงปัญหามลพิษอากาศโดยเฉพาะฝุ่นมานานแล้ว และได้เคยร่วมกับกรมควบคุมมลพิษออกมารณรงค์ให้มีการลดฝุ่นในประเทศไทย ตั้งแต่ปี ค.ศ.1997 หรือ พ.ศ.2540 หรือ 22 ปีมาแล้วหากนับถึงปีนี้ (พ.ศ.2562) โดยถือฤกษ์ของวันคุ้มครองโลก หรือวันพิทักษ์โลก หรือ Earth Day (22 เมษายนของทุกปี) เป็นวันที่ออกมาทำกิจกรรมในครั้งนั้น

รับรองว่าคุณไม่มีวันรู้เรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5 นี้มาก่อน

ตัวแทนของชมรมฯเข้าพบผู้แทนของรัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้ลดฝุ่นในกทม., เม.ย. 2540

แม้เราจะเป็นองค์กรเล็กๆและไม่มีประสบการณ์ด้านการประชาสัมพันธ์เลย เราก็มีปัญญาพอจะรู้ว่าต้องทำให้เป็นข่าวให้ได้ จึงจะได้รับความสนใจจากสังคมในวงกว้างรวมทั้งรัฐบาล เราจึงได้แวะไปเยี่ยมเยียนรัฐสภาเพื่อขอยื่นเอกสารจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อลดฝุ่นในเมืองให้ได้ในเร็ววัน ซึ่งก็ได้สัมฤทธิผลในระดับที่รัฐสภาได้ส่งตัวแทนออกมารับข้อเรียกร้องของเรา รวมทั้งเราได้แวะไปสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เพื่อให้สัมภาษณ์ออกข่าวว่าเรากำลังรณรงค์เรื่องอะไร และต้องการเรียกร้องสิ่งใด ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด เป็นข่าวใหญ่ออกทีวีในหลายช่อง

รับรองว่าคุณไม่มีวันรู้เรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5 นี้มาก่อน

เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าปัญหาฝุ่นในกทม.มีมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่ เม.ย. 2540 (ทั้งที่เป็นเดือนที่อากาศร้อนและเปิด จนไม่น่ามีปัญหาเรื่องฝุ่นเสียด้วยซ้ำ)

 

แต่นั่นมันปี พ.ศ.2540 หรือ 22 ปีมาแล้ว เราได้ส่งเสียงแล้ว รัฐบาลออกมาได้ยินแล้ว แต่มันก็เพียงได้แค่ส่งเสียง และมีคนมาฟังมาได้ยิน และก็จบเพียงเท่านั้น ยี่สิบสองปีที่ผ่านไปจึงแทบจะไม่มีอะไรที่จับต้องได้เกิดขึ้น ถ้าภาครัฐและรัฐบาลฟังเสียงประชาชนผู้เดือดร้อนสักเล็กน้อย และหามาตรการมาแก้ไขปัญหาจริงตั้งแต่ช่วงเวลาครั้งนั้น ป่านนี้เราก็มีอากาศบริสุทธิ์เทียบเท่ายุโรป และมี PM2.5 ต่ำกว่าค่ามาตรฐานเป้าหมายขององค์การอนามัย (WHO) ไปแล้ว

น่าเสียดายเวลาที่หายไปนะครับ

โดย... 

ศ.ธงชัย พรรณสวัสดิ์

ผู้ก่อตั้งและประธานชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย