อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ .. ในโลกยามนี้ !!

อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ .. ในโลกยามนี้ !!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาบูชาธรรม... พระพุทธองค์ตรัสว่า “พระธรรมเท่านั้นประเสริฐสุดในหมู่ชน ทั้งในทิฏฐธรรมและในอภิสัมปรายภพ”

สังคมมวลมนุษยชาติย่อมเคลื่อนไหวไปตามอำนาจของกิเลส .. กรรม และวิบาก ที่เรียก ไตรวัฏฏะ สัตว์โลกจึงตกอยู่ในอำนาจการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ได้ก่อกระทำขึ้น อันจักต้องรับผล

ไม่มีสภาพใดๆ ในโลกนี้ที่เที่ยงแท้มั่นคงไม่แตกดับ ไม่ว่าสัตว์โลกจะดิ้นรนขวนขวาย มีวิทยาการความรู้ก้าวหน้ามากมายอย่างไร แม้โลกนี้ในกาลอันยาวนานไปเบื้องหน้า ก็จักพินาศไป

เมื่อโลกกำลังพินาศ โดยมากหมู่สัตว์ย่อมวนเวียนไปเกิดในชั้นอาภัสสรพรหม จึงสำเร็จความต้องการได้โดยทางใจ ยิ่งกว่ายุคสมัยใดของมนุษยชาติ แม้จะรุ่งเรืองในระบบไอที-เทคโนโลยีชั้นสูงทั้งหลาย…

เมื่อเข้าสู่สมัยโลกกลับมาเจริญขึ้นอีกครั้ง หมู่สัตว์จากอาภัสสรพรหมท่องเที่ยวมาสู่โลก สมัยนั้นจักรวาลกลายเป็นน้ำไปหมด มีแต่ความมืด ไม่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวนักษัตรไม่ปรากฏ ไม่มีกลางคืน กลางวัน หญิงชายไม่มี

ต่อมาง้วนดินเหมือนน้ำนมสดลอยขึ้นบนน้ำ ปรากฏเป็นเหมือนฝาอยู่ข้างบน มีรสน่าชอบใจเหมือนน้ำผึ้งปราศจากโทษ สัตว์จากอาภัสสรพรหมที่มีชาติโลเล ได้สงสัยว่าอะไร และได้เอานิ้วมือช้อนเอาง้วนดินขึ้นมาลิ้มดู รสชาติง้วนดินได้ซ่านไปทั่ว เกิดความอยากขึ้นครอบงำจิตให้ขุ่นมัว.. แม้สัตว์เหล่าอื่นก็ถึงทิฏฐานุคติของสัตว์นั้น พากันชิมลิ้มดูง้วนดิน ตัณหาจึงก่อเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น ให้รัศมีในกายหายไป ..ต่อมาจึงเกิดปรากฏพระอาทิตย์-พระจันทร์ ดาวนักษัตรขึ้น กลางคืน-กลางวันก็ปรากฏ เดือน .. ปี และฤดู จึงเกิดขึ้น ...เข้าสู่ยุคสมัยโลกเจริญขึ้นอีกครั้ง

ในสมัยที่สัตว์มีง้วนดินเป็นภักษาหารดำรงอยู่ สัตว์บริโภคง้วนดิน ความแข็งแกร่งผิวพรรณดี-เลวเกิดปรากฏในสัตว์ทั้งหลาย มีการดูหมิ่นกันในกายร่างสัตว์ที่มีผิวพรรณดีเลวต่างกัน ก่อเกิดมานะถือตัวเพราะการดูหมิ่นเรื่องผิวพรรณเป็นปัจจัย ง้วนดินจึงอันตรธานหายไป .. ต่อมาเข้าสู่สมัยกะบิดินและเครือดินที่ปรากฏขึ้นมาแทนกะบิดิน มีลักษณะคล้ายผลมะพร้าว และด้วยเหตุดูหมิ่นกันเรื่องผิวพรรณ ก่อเกิดมานะถือตัว เพราะมีมานะว่ามีผิวพรรณดีนั้นเป็นปัจจัย ดุจดังสมัยง้วนดิน กะบิดิน เครือดินจึงได้อันตรธานหายไป และได้บังเกิดผลข้าวสาลีขึ้นมาแทน

ในสมัยสัตว์บริโภคข้าวสาลี ความกล้าแข็ง ผิวพรรณ และเพศชาย-หญิง จึงปรากฏเกิดขึ้น เมื่อชาย-หญิงเพ่งดูกันตลอดเวลา จึงเกิดความกำหนัด ความเร่าร้อน คล้ายไฟกิเลส จึงก่อเกิดขึ้นเป็นปัจจัยไปสู่การเสพเมถุนธรรม..... และมีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ด้วยอำนาจธรรมที่เป็นไปตามอำนาจกิเลส จึงเกิดธรรมอันหยาบ เลวมากขึ้นในจิตใจสัตว์ทั้งหลาย ตัณหา มานะ ทิฏฐิ อย่างหยาบจึงปรากฏ ... ก่อให้เกิดธรรมอันเลวในจิตใจมนุษยชาติ .. ที่ให้เห็นความแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย ที่สังคมมนุษยชาติได้จัดแบ่งเป็น Generation คือ การแบ่งพัฒนาของวัยไปในแบบต่างๆ หากนำมาพิจารณาตามหลักธรรม ก็จะเห็นได้ว่า พัฒนาการในแต่ละวัยเป็นไปตามอำนาจตัณหา มานะ ทิฏฐิ ที่แสดงให้เห็นความเสื่อมถอยของธรรมฝ่ายดีที่ปรากฏในการเปลี่ยนผ่านของแต่ละ Generation ที่มีความแตกต่างกันทั้งในด้านวิทยาการความรู้ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพจิตใจ

จึงก่อเกิดความขัดแย้งของมนุษยชาติในระหว่าง Generation ปรากฏให้เห็นมากขึ้น ที่สะท้อนความเสื่อมถอยของคุณธรรมความสำนึกอันดี ในขณะที่วัตถุนิยม วิทยาการทางโลกเจริญก้าวหน้า ดังเช่น ในยุค Internet Generation ในปัจจุบัน ที่เทิดทูนวัตถุนิยมจนปิดบังธรรมนิยม .... อะไรๆ ที่เคยปรากฏว่าดี กลับถูกทอดทิ้งไปได้อย่างไม่มีเยื่อใย ในทางตรงข้าม ความเลวบางกรณี .. กลับถูกยกย่อง...!!!

อะไรๆ จึงบังเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นในโลก ยามนี้ .. ขอสาธุชนพึงตั้งสติกำหนดรู้ .. ต่อไปอย่าได้ขาดการพิจารณาโดยแยบคาย.....!!

เจริญพร

[email protected]