ระวัง ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนจอมปลอม

ระวัง ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนจอมปลอม

ท่ามกลางการหาเสียงอันเข้มข้น นักการเมืองมักพูดถึงความมั่งคั่งและบางคนพูดต่อไปถึงความมั่นคง ยั่งยืนในบริบทเดียวกัน เท่าที่พอจะอนุมานได้

ความมั่งคั่งในมุมมองของนักการเมืองทั้งหลาย ได้แก่ การมีรายได้ สินทรัพย์ในระดับบุคคล และการมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ในระดับชาติสูง นโยบายของทุกพรรคจึงต้องการผลักดันให้จีดีพีขยายตัวในอัตราสูง เพื่อส่งผลให้บุคคลมีรายได้และสินทรัพย์สูงตาม พร้อมกันนั้นความมั่นคงและยั่งยืนจะเกิดขึ้นโดยปริยาย มุมมองนี้อาจมีปัญหา

ในเบื้องแรก การขยายตัวของจีดีพี มิได้น่ำไปสู่การเพิ่มขึ้นของรายได้ในระดับบุคคลอย่างทั่วถึงกันเสมอไป ความเหลื่อมล้ำจึงเพิ่มขึ้น ความเหลื่อมล้ำจะนำไปสู่ความแตกแยกร้ายแรงต่อไปยังผลให้ความมั่นคงและยั่งยืนสั่นคลอน ข้อเสนอของพรรคการเมืองเพื่อหาทางออกจะได้ผลจริงหรือไม่ยากแก่การประเมิน แต่ส่วนที่ประเมินได้ทันทีว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวคือ การแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในด้านการใช้นโยบายประชานิยมแนวเลวร้ายซึ่งชาวไทยโดยทั่วไปดูจะเสพติดแล้ว ผลของประชานิยมนำไปสู่ความล่มจมอย่างไรคงไม่ต้องเน้นย้ำเพราะคอลัมน์นี้พูดถึงแล้วหลายครั้ง และขณะนี้มีตัวอย่างสดๆ เกิดขึ้นที่เวเนซุเอลา

นอกจากนั้น การขยายตัวของจีดีพีมิได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความมั่นคงและยั่งยืนเสมอไป ตรงข้ามมันอาจทำให้ลดลงด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น เรื่องอากาศซึ่งเป็นพิษระดับวิกฤติเกิดจากการขยายตัวของจีดีพีที่มาจากโรงงานและการขนส่งเป็นส่วนใหญ่ อากาศพิษนำไปสู่การใช้มาตรการต่าง ๆ รวมทั้งการสวมหน้ากาก เครื่องกรองอากาศ การฉีดน้ำและการทำฝนเทียม มาตรการเหล่านี้ทำให้จีดีพีขยายตัวทั้งที่มันลดความมั่นคงและยั่งยืน ในกรณีที่มีการเจ็บป่วยตามมา การรักษาพยายาบาลลดความมั่นคงและยั่งยืนลงไปอีกทอดหนึ่งในขณะที่จีดีพีกลับขยายตัว ความจอมปลอมของการขยายตัวของจีดีพีจากตัวอย่างนี้ดูจะไม่มีนักการเมืองเข้าใจ เมื่อนักการเมืองที่มีปริญญาและการศึกษาสูง ๆ ยังไม่เข้าใจ จะหวังให้ชาวไทยโดยทั่วไปเข้าใจและตัดสินใจว่านโยบายของใครจะเหมาะสมกว่ากันได้อย่างไร หรือการนำตัวเลขจีดีพีจอมปลอมมาหลอกพวกเขาเป็นเป้าหมายของนักการเมือง?

ในขณะเดียวกัน สารเคมีที่ก่อให้เกิดฝุ่นพิษมีผลทำให้น้ำฝนเป็นพิษด้วย การแก้ปัญหาโดยการผลิตน้ำประปาขึ้นมาใช้แทนน้ำฝนต้องลงทุนและทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น แต่มิได้บ่งชี้ถึงความมั่นคงและยั่งยืนว่าจะเพิ่มขึ้นตาม

ในช่วงเวลาที่อากาศเป็นพิษระดับวิกฤติเมื่อเร็วๆ นี้มีการพิจารณาเรื่องสารเคมีที่มีพิษร้ายแรงจำพวกพาราควอต ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้ใช้ต่อไปได้ สารเคมีจำพวกนี้ช่วยในด้านการเพิ่มจีดีพีแต่มักมีเหลือตกค้างในดิน ในสิ่งแวดล้อมและผลผลิตซึ่งกระทบต่อสุขภาพอันเป็นการบ่งชี้ว่าความมั่นคงและยังยืนลดลงในขณะที่จีดีพีเพิ่มขึ้น

สารเคมีที่ใช้ หรือเป็นผลพลอยได้จากการเพิ่มจีดีพีมีบทบาทสำคัญในด้านการก่อให้เกิดความสั่นคลอนในความมั่นคงและยั่งยืนของการดำรงชีวิตที่ชาวไทยส่วนใหญ่คงไม่ตระหนัก นั่นคือ คุณภาพของดินและน้ำเสื่อมลงอย่างน่าวิตก ทางด้านดิน เอกสารของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง “วิสัยทัศน์ประเทศไทยสู่ปี 2570” มีข้อความตอนหนึ่งว่า ปัจจุบัน ที่ดินที่มีปัญหามีถึง 60% ของพื้นที่ทั้งหมด และขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบปีละ 1 ล้านไร่ ส่วน Thailand’s Sustainable Development Sourcebook ของมูลนิธิมั่นพัฒนามีคำพูดของผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งซึ่งอาจถอดเป็นภาษาไทยได้ว่า สภาพของดินในเมืองไทยเปรียบเสมือนเด็กหิวโหยและเป็นโรคขาดสารอาหารที่บริโภคอาหารขยะมากเกินไป

ทางด้านคุณภาพของน้ำ เอกสารของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจฯ ที่อ้างถึงมีข้อความตอนหนึ่งว่า “แม่น้ำสายสำคัญ 48 สายทั่วประเทศและแหล่งน้ำนิ่งจำนวน 4 แหล่ง (กว๊านพะเยา บึงบระเพ็ด หนองหานและทะเลสาบสงขลา) มีคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 35%”

เมื่อความมั่งคั่งที่วัดจากการเพิ่มขึ้นของจีดีพีมีส่วนทำลายดิน น้ำและลมอันเป็นธาตุเบื้องต้นของชีวิตพร้อมกับก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เราจึงจำเป็นต้องถามว่า ความมั่งคั่งที่นักการเมืองจะทำให้เพิ่มขึ้นนั้นจะมาจากไหน หากมันมาจากจีดีพีจอมปลอม ความมั่นคงและยั่งยืนจะไม่เกิดขึ้น