อยู่แล้วรวย

อยู่แล้วรวย

ผมเป็นคนที่ชอบอ่าน Quote หรือคำพูดของคนดัง ๆ ของโลกทั้งในอดีตและปัจจุบัน

เพราะคำพูดเหล่านั้นมักจะมีความหมายที่ดีและให้ข้อคิดที่เราสามารถนำไปใช้ได้ นอกจากคำพูดของคนดังแล้ว ผมก็ยังชอบคำคมที่มีคนเอามาเขียนแสดงให้คนอ่านโดยไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนพูดเพราะมันอาจจะไม่โดดเด่นพอและจริง ๆ ก็ไม่มีคนรู้ว่าใครเป็นคนพูดคนแรก คำเหล่านั้นมักถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายรวมถึงที่ติดไว้ท้ายรถบรรทุกและในบ้าน คำ ๆ หนึ่งที่ผมเจออยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักก็คือคำว่า “บ้านนี้ดี อยู่แล้วรวย” เพราะผมคิดว่านี่ก็เขียนไปเพื่อที่จะทำให้คนอยู่สบายใจโดยที่ความเป็นจริงนั้นคงไม่ได้เกี่ยวกับป้ายหรือคำพูดนี้ เพราะคนที่อยู่บ้านนี้ถ้าไม่ได้ทำงานหรือลงทุนอย่างฉลาดและขยันขันแข็งเขาก็คงไม่รวยเพราะอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ มันไม่เกี่ยวกัน

แต่สิ่งที่ทำให้ผมสนใจก็คือคำว่า “อยู่แล้วรวย” โดยที่ไม่ต้องพูดถึงบ้าน คำว่า “อยู่” ในที่นี้ก็คือ “การมีชีวิตอยู่” เหตุผลที่ผมคิดว่าถ้าเรายังมีชีวิตอยู่แล้วละก็ เราก็รวย เพราะในปัจจัยสำคัญของการเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งในการลงทุนก็คือ “ระยะเวลาของการลงทุน” โดยที่สูตรของความมั่งคั่งก็คือ ความมั่งคั่งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ คือหนึ่ง เงินต้นหรือเงินเริ่มต้น สอง ผลตอบแทนจากการลงทุนแบบทบต้นต่อปี และสามก็คือ ระยะเวลาการลงทุนคิดเป็นปี ถ้าปัจจัยทั้งสามนั้นมีมาก คน ๆ นั้นก็จะรวย แต่ถ้ามีน้อย คน ๆ นั้นก็จน ซึ่งผมมักจะเปรียบปัจจัย 3 ประการนั้นว่าเป็น แก้ว 3 ดวงหรือแก้ว 3 ประการของการลงทุน โดยที่ปัจจัยแต่ละอย่างนั้นจะมีมากหรือน้อยบางเรื่องก็ขึ้นอยู่กับ “ดวง” หรือ “โชคชะตา” ด้วย แต่ทุกดวงหรือทุกเรื่องนั้นก็ต้องอาศัยความพยายามของเราที่จะทำให้มันเพิ่มขึ้น

การเพิ่มขึ้นของ “เงินต้น” ในการลงทุนนั้น บ่อยครั้งขึ้นอยู่กับดวงไม่น้อย เหตุเพราะว่าคนจำนวนไม่น้อยมีครอบครัวหรือพ่อแม่ที่ร่ำรวย หรือบางคนก็โชคดีถูกรางวัลใหญ่หรือได้รับมรดก หรือที่เกิดขึ้นบ่อยกว่าก็คือ การได้แต่งงานกับคนรวยหรือเศรษฐี แบบนี้ก็อาจจะทำให้รวยได้โดยไม่ต้องทำอย่างอื่น แต่หากว่าเราไม่โชคดีแบบนั้น วิธีการที่จะเพิ่มเงินต้นมีทางเดียวก็คือการทำงานอย่างฉลาด ทำงานหนัก และก็อดออมให้มากอย่างน้อยที่สุดก็ต้อง 15% ของรายได้ขึ้นไป ในส่วนของการลงทุนที่จะให้ได้ผลตอบแทนทบต้นที่ดีนั้น ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคแต่ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถและความพยายามของเรา รวมถึงความเสี่ยงที่เราจะต้องกล้ารับด้วย เพราะถ้าเราไม่รับความเสี่ยงเลยหรือรับได้น้อยมาก การที่เราจะมีความมั่งคั่งหรือมีเงินพอที่จะเกษียณอายุได้อย่างมีความสุขเพราะมีเงินดูแลตัวเองก็เป็นไปได้ยาก

ในเรื่องของการลงทุนนั้น มีหลายแนวทางที่จะทำ ถ้าต้องการความปลอดภัยสูงไม่อยากรับความเสี่ยงเลย เช่นเงินออมส่วนใหญ่ฝากอยู่ในสถาบันการเงินหรือซื้อพันธบัตรรัฐบาล ผลตอบแทนต่อปีก็จะต่ำมาก ถ้าเราต้องการสร้างความมั่งคั่งให้สูงขึ้นก็อาจจะต้องทำงานเรื่องการลงทุนหนักขึ้น กล้ารับความเสี่ยงมากขึ้น เช่น ลงทุนในหุ้นมากขึ้น โชคดีที่ว่าเราสามารถที่จะลงทุนในกองทุนรวมอิงดัชนีตลาดหุ้นซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องใช้ความสามารถในการเลือกหุ้นเองและในระยะยาวก็มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีถ้าเราลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศที่ปกครองในระบบทุนนิยมและมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การลงทุนในตลาดหุ้นก็เป็นเรื่องที่ต้องออกแรง ต้องใช้ความพยายามโดยเฉพาะถ้าเราเลือกหุ้นลงทุนเอง และทั้งหมดนั้นก็เป็นความเครียดที่เราจะต้องรับ

วิธีเพิ่มเงินหรือความมั่งคั่งข้อสุดท้ายก็คือการ “เพิ่มเวลาในการลงทุน” นั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดและน่าจะมีความเครียดน้อยที่สุด นอกจากนั้นมันแทบไม่ต้องอาศัยความสามารถอะไรเป็นพิเศษใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แต่คนกลับสนใจหรือใช้มันน้อยมาก เหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าผลลัพธ์ของมันจะมาอย่างช้า ๆ บ่อยครั้งเราแทบไม่รู้ตัว เรามักจะสนใจอะไรต่าง ๆ ในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปีหรือน้อยกว่านั้น การบอกว่าเงินหรือพอร์ตการลงทุนจะโตเร็วขึ้นแบบ “ทวีคูณ” และใหญ่ขึ้นมากถ้าเราลงทุนแบบทบต้นโดยไม่ถอนเงินออกมาใช้เลยเป็นเวลาซัก 10 ปี 20 ปีหรือ 30 ปีขึ้นไปนั้น มันทำให้คนที่คิดจะทำ “หมดไฟ” หรือหมดความตื่นเต้นตั้งแต่ปีแรก ๆ หรือบางทีตั้งแต่รับรู้หรือได้รับฟังมา คนมักจะคิดว่ามัน “ยาวเกินไป ยังไม่อยากคิด” ตอนนี้ขอทำเงินโดยการหาหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” หรือไม่ก็เล่นหุ้นที่กำลังร้อนแรงซึ่งอาจทำกำไรได้ปีละ 100% ก่อน

ผมเองทุ่มเทเวลาศึกษา ทำงานหนักเกี่ยวกับการลงทุน รับความเครียดมานาน และก็ “ประสบความสำเร็จ” ในการลงทุน ตลอดเวลากว่า 20 ปี นั้นผลตอบแทนแบบทบต้นที่ได้รับสูงมากจนแทบไม่น่าเชื่อ ความสำเร็จที่ได้รับนั้นผมคิดว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นเพราะตนเอง “โชคดี” เพราะตลาดหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นดีมาก และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ หุ้นที่ลงทุนซึ่งก็คือหุ้น “VI” ขนาดเล็กถึงกลางนั้นมีการเติบโตขึ้นมหาศาลจนกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่หรือขนาดยักษ์ของตลาด ทำให้พอร์ตเติบโตขึ้นมโหฬารจนเปลี่ยนชีวิตตนเองได้ จริงอยู่ ความสามารถในการเลือกหุ้นลงทุนก็ส่วนอยู่พอสมควร แต่สิ่งที่สำคัญก็คือการที่เรา “ยืนหยัด” ลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นตลอดเวลากว่า 20 ปีโดยแทบไม่ได้ถอยออกจากตลาดเลยแม้ในยามที่ตลาดเลวร้ายบางครั้งเป็นวิกฤติ และทำให้ข้อสรุปถึงความสำเร็จของผมที่ผ่านมานั้น นอกจากเรื่องของการที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนแบบทบต้นแล้วก็คือการเพิ่มขึ้นของเวลาการลงทุน

ถึงวันนี้เองผมคิดว่าการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนต่อปีแบบทบต้นสูงเหมือนเดิมนั้นน่าจะเป็นไปได้ยากมาก เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เราคงไม่โชคดีซ้ำสองที่จะมีตลาดหุ้นที่บูมหรือเป็นกระทิงมายาวนานเป็นสิบ ๆ ปี เราคงไม่มี “หุ้น VI” ราคาถูกมากที่คนไม่รู้จักและไม่สนใจที่เปิดโอกาสให้เราลงทุนในราคาถูกเหลือเชื่อและให้ผลตอบแทนสูงลิ่วติดต่อกันเป็นสิบ ๆ ปี ปัจจัยของความมั่งคั่งข้อสองหรือดวงแก้วดวงที่สองนั้นดูเหมือนเราจะเร่งให้สว่างยากขึ้นมาก ปัจจัยข้อที่หนึ่งหรือดวงแก้วดวงที่หนึ่งคือเงินต้นนั้น มันหยุดไปนานมากแล้วหลังจากที่ผมเลิกทำงานประจำและแทบไม่มีรายได้อะไรอย่างอื่น ดังนั้น สิ่งที่ผมยังเหลืออยู่จริง ๆ ที่ผมจะสามารถใช้มันได้โดยที่แทบไม่ต้องอาศัยความพยายามหรือการทำงานหนักก็คือเวลาของการลงทุน พูดง่าย ๆ สิ่งที่ต้องทำก็คือ พยายาม “อยู่” ต่อไป ถ้าถึงปีหน้าผมยังมีชีวิตอยู่ ผมก็อาจจะรวยขึ้นไปอีกหลาย ๆ ล้านบาท ไม่ต้องพยายามไปทำงานหารายได้อื่น ไม่ต้องพยายามไปหาหุ้นลงทุนที่เหนื่อยยาก ไม่ต้องเครียด

วิธีการเพิ่มเวลาของการลงทุนนั้นมีไม่กี่อย่างและเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก ข้อแรก เราต้องเริ่มลงทุนตั้งแต่วันแรกที่มี “เงินตั้งต้น” ที่มักจะมาจากการทำงานและออมไว้ ข้อสอง ต้องลงทุนตลอดเวลาไม่หนีจากตลาดไม่ว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร หุ้นจะขึ้นหรือลง หุ้นจะบูมหนักเป็นกระทิงหรือตกหนักเป็นวิกฤติ เราก็ต้องอยู่กับตลาดหุ้น ข้อสาม ยืดเวลาของการลงทุนโดยการยืดอายุขัยของเรา ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือ รักษาสุขภาพให้ดีที่สุดโดยการออกกำลัง กินอาหารที่ดี อยู่ในบรรยากาศที่บริสุทธิ์ และลดความเครียดในชีวิต ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากและเราไม่ต้องมีความสามารถอะไรเป็นพิเศษเพียงแต่ต้องอาศัยวินัยที่มั่นคง

สำหรับคนที่มีความทะเยอทะยานอยากรวยหรือมีความมั่งคั่งหรือมั่นคงในชีวิตทั่วไปแล้ว ผมคิดว่าพวกเขาต่างก็พยายามเร่งหารายได้จากการทำงานและออมเงินในสัดส่วนที่มากพร้อมกับการลงทุนอย่างทุ่มเทเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม ผมเองคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีแต่เราก็ไม่จำเป็นต้อง “เร่ง” ทำมากเกินไป เหตุผลเป็นเพราะว่ามันเป็นกิจกรรมที่มี “ต้นทุน” สูง เราอาจจะต้องเสี่ยงมากกว่าปกติและชีวิตก็อาจจะเครียดเกินไป การใช้ปัจจัยข้อที่สามคือเพิ่มเวลาหรือใช้เวลาในการลงทุนให้ยาวขึ้นและยาวที่สุดนั้นจะสามารถทำให้เราไปถึงที่หมายได้เช่นเดียวกันโดยที่เราไม่ต้องเสี่ยงและเคร่งเครียดมากเกินไปจะดีกว่า ผมเองเคยแต่คิดว่า “สู้แล้วรวย” มานานมาก แต่หลังจากกลายเป็นนักลงทุน ผมกลับชอบ “อยู่แล้วรวย” มากกว่า