ตลาดหุ้นกับการเมือง

ตลาดหุ้นกับการเมือง

ต่างต้องการการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตย

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้พบปะเพื่อนฝูงพี่น้องนักลงทุนเน้นมูลค่าหลายต่อหลายท่าน ตั้งแต่รุ่น 'อาวุโส' จนถึงรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่รุ่นน้องๆ ที่อายุห่างกันกว่าสิบปี

หัวข้อที่พูดคุยกันในวงส่วนใหญ่ หนีไม่พ้นเรื่องของ 'เหตุบ้านการเมือง' โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์กำลังเขม็งเกลียวถึงขีดสุด บางคนตั้งข้อสงสัยว่าสุดท้ายจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ บ้างก็ปรึกษาหารือกันในเชิงกลยุทธ์ ว่าถ้าต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ ควรลงคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองไหน ภายใต้กติกาการเลือกตั้งที่ไม่เคยพบเคยเจอเช่นนี้

และที่หนีไม่พ้น คือการพูดคุยกันถึง 'ข่าวใหญ่' ที่เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกับวงสนทนาทุกหนแห่งทั่วประเทศ คือเต็มไปด้วยมุมมองความคิดเห็นที่แตกต่าง ฟุ้งไปด้วยทฤษฎีสมคบคิดอันซับซ้อนแยบยล แต่ยากจะแยกแยะจริงเท็จ

ไม่เว้นแม้ข่าวลือการ 'รัฐประหาร' ซึ่งผมหวังว่าในวันที่บทความนี้ตีพิมพ์ จะยังไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากค่อยๆ ถอดรื้อเปลือกนอกของการสนทนาออกไปทีละชั้น จนเหลือแต่ 'แก่น' ที่อยู่ภายใน ผมพบว่าวีไอทุกคนที่ได้สนทนาด้วย ต่างต้องการการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตย

อยากให้คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก

ไม่มีแม้สักคน ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปโดยใช้ความคิดแบบอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว บางคนถึงขั้นต่อต้านคอนเซ็ปต์คร่ำครึที่มุ่งพิทักษ์รักษ์ไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชนชั้นนำกลุ่มเล็กๆ ในขณะที่ชาวโลกกำลังก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างว่องไว

ไม่เพียงเรื่องการเมือง เพื่อนบางคนยังให้ความเห็นต่อนโยบายเศรษฐกิจการลงทุนไว้อย่างน่าสนใจ บ้างก็พูดถึงสิทธิประโยชน์ BOI ว่าควรเลิกหรือไม่ ตลอดจนเรื่องใกล้ตัวอย่าง LTF/RMF ว่ารัฐบาลควรทำอย่างไร รวมไปถึงเรื่องของ capital gain tax หรือ 'ภาษีส่วนต่างเงินทุน' ซึ่งเกือบทุกคนไม่เห็นด้วย ประเด็นเหล่านี้แม้ไม่เผ็ดร้อน แต่ก็น่ารับฟังและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ผมเคยวิเคราะห์กับเพื่อนฝูงคนรู้จักอยู่บ่อยครั้ง ว่าเพราะเหตุใด คนที่เป็นวีไอ 'จำนวนมาก' จึงสามารถ 'คุยการเมืองกันได้' และมีทัศนคติโดยภาพใหญ่ไปในทิศทางเดียวกัน

ก่อนจะได้ข้อสรุปออกมาว่า เพราะพวกเขาเหล่านั้น ถูกฝึกให้คิดวิเคราะห์โดยใช้เหตุผล ไม่แห่ตามฝูงชน ยึดโยงอยู่กับข้อเท็จจริง ดั่งเวลาวิเคราะห์ธุรกิจเพื่อเข้าลงทุน ซึ่งต้องทำเฉกเช่นเดียวกัน

เหนือสิ่งอื่นใด วีไอส่วนใหญ่ต่างยอมรับตรงกันว่า ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพเท่านั้น จึงจะสร้างสภาพแวดล้อมซึ่งเอื้อต่อการลงทุนให้เกิดขึ้นได้

แม้เราจะเป็นเพียงนักลงทุนตัวเล็กๆ ในตลาดหุ้นก็ตาม