ฝุ่น...การเมือง

ฝุ่น...การเมือง

ศึกเลือกตั้งเที่ยวนี้ แม้พรรคจะถูกแบ่งเป็น “3 ก๊กการเมือง” แต่ที่สุดก็จะถูกกระชับพื้นที่ ให้เหลือเพียง “2 ขั้ว” ที่จะชิงกันตั้งรัฐบาล

แชมป์เก่าอย่าง “เพื่อไทย” ล่าสุด นับจำนวนพันธมิตร เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ มั่นใจว่าขั้วตัวเองจะมีอย่างน้อย 6 ทีม เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ” พรรคหลัก-พรรครอง รักษาฐานที่มั่นเดิม เหนือ อีสาน และกทม. เพื่อชาติ” ตรึงฐานเสียงเสื้อแดง นปช. ประชาชาติ เก็บคะแนนภาคใต้ ส่วนแนวร่วม “เสรีรวมไทย” ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส และ อนาคตใหม่ ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เก็บแต้มกลุ่มไม่เอาเผด็จการ 

ขั้วนี้ ตั้งเป้าว่าต้องกวาดรวม 376 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อให้ชนะ ขาดโดยนายใหญ่จัดทัพหลวง ด้วยตัวเองวางตัวผู้สมัครละเอียดยิบ ชนิดที่ว่าเปลี่ยนตัวผู้สมัครเขตกระทั่งคืนสุดท้ายก่อนยื่นใบสมัคร

กางโพลล์พรรคล่าสุด “เพื่อไทย” ยิ่งมั่นใจสูง เพราะ "กระแสพรรคนำผู้สมัคร" อยู่ไม่น้อย จึงต้องขายแบรนด์พรรคและเจ้าของพรรค จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ผู้สมัครโนเนมแห่เปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เพื่อโหนกระแสเข้าสภาฯ

  ขณะที่ขั้วตรงข้าม หรือฝ่ายท้าชิง” อย่างพลังประชารัฐ” พยายามรวบรวมสมัครพรรคพวก และที่ประกาศจุดยืนชัด ได้แก่ "พรรครวมพลังประชาชาติไทย" ของกำนันสุเทพ และ พรรคประชาชนปฏิรูป ของไพบูลย์ นิติตะวัน ทว่า 2 พรรคใหม่นี้ ก็ยังถูกประเมินว่ายากมากที่จะได้ ส.ส.รวมกันหลักสิบ  

ขั้วพลังประชารัฐ จึงหวังดึงก๊กใหญ่อย่าง "ประชาธิปัตย์“ มาเป็นพันธมิตร รวมทั้งพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก ตั้งแต่ “ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนา โดยมั่นใจว่า ”โปรโมชั่น" ที่นำเสนอคุ้มกว่าอีกขั้ว แต่นาทีนี้บรรดา “พรรคเสียบ” ก็ยังไม่ตกปากรับคำ จนกว่าตัวเลขจะออกมาเสียก่อน 

สืบจากโพลล์พลังประชารัฐ ได้ความว่า กระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นนำกระแสพรรคอยู่โข เวลานี้ชื่อชั้น นายกฯลุงตู่จึงกลายเป็นจุดแข็งและจุดขาย ที่คีย์แมนพลังประชารัฐอาจต้องยอมแลกทุกเงื่อนไข

ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังใช้ประเด็นนี้ ต่อรองกับนักการเมืองในยามนี้ ทั้งเรื่องตัวบุคคล และนโยบาย 

 ลีลาของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจเกิดจากความรังเกียจนักการเมืองส่วนหนึ่ง แต่ว่ากันว่า "อาการลังเล" เพราะไม่มั่นใจว่า “พลังประชารัฐ” จะพากลับทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่

ช่วงนี้โปรดระวัง ฝุ่นการเมืองที่กำลังเริ่มตลบ...