Alexa รุกคืบสู่ Ambient Computing Platform

Alexa รุกคืบสู่ Ambient Computing Platform

เป็นที่ยอมรับกันว่าการสอบถามข้อมูลหรือสั่งงานด้วยเสียงเป็นความคุ้นชินที่อยู่ในชีวิตประจำของผู้คนมายาวนาน หากเราสามารถใช้เสียงเปิดปิดไฟ

เปลี่ยนเพลง เรียกรถแท็กซี่ หาข้อมูลหรือสั่งสินค้าขณะที่กำลังทำงานบ้าน ขับรถหรือเร่งงานบนโต๊ะทำงานคงใกล้เคียงธรรมชาติไม่น้อย และคงเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตดิจิทัลของผู้คนให้เข้าสู่วิถีการทำงานแบบใหม่ ความพิเศษในเรื่องนี้คือการสนทนาหรือการสั่งงานไปยังสิ่งของรอบตัว (Ambient Device) ผ่านผู้ช่วยที่รับคำสั่งทางเสียง เป็นนวัตกรรมอินเทลลิเจนท์ แอสซิสเทนท์ (Intelligent Assistant) ที่กำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตดิจิทัลของผู้คนไปอีกขั้น

อเมซอน (Amazon.com) ซึ่งเป็นผู้นำด้านวอยซ์ แอสซิสเทนท์กำลังเร่งเครื่องขยายฐานพันธมิตรเพื่อติดตั้งอเล็กซา (Alexa) ที่เป็นระบบดิจิทัลแอสซิสเทนท์ที่โต้ตอบด้วยการสนทนาให้อยู่ในอุปกรณ์และสิ่งของรายรอบตัวเรา จนคู่แข่งอย่างกูเกิล แอปเปิ้ลหรือไมโครซอฟท์ต่างต้องเร่งเกมส์ให้ทันก่อนจะเสียตลาดไป

 

Works with Alexa

อเมซอนเห็นโอกาสจากนวัตกรรมเสียง (Voice Technology) โดยในปลายปี 2014 ได้เปิดตัวอเมซอนเอคโค (Amazon Echo) ซึ่งเป็น Smart Speaker สำหรับเล่นเพลง อ่านพอดแคสต์ หรือสอบถามข้อมูลลมฟ้าอากาศด้วยเสียงสนทนา และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมาเป็น Echo Dot, Echo Input, Echo Show, Echo Spot จนรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์อย่าง Amazon Echo Auto โดยเฉพาะ Echo Dot ที่กลายเป็นสินค้ายอดนิยมในช่วงเทศกาลของขวัญที่ผ่านมาจนผลิตไม่ทันจำหน่าย ปัจจุบันมีจำนวนอุปกรณ์ที่ติดตั้งอเล็กซามากกว่า 100 ล้านชิ้น และมี Alexa Skill กว่า 70,000 ฟังก์ชั่นให้เลือกใช้

ถึงแม้อเมซอนจะสามารถสร้างสินค้ายอดนิยมออกมาจำหน่าย แต่จำนวนก็ยังไม่มากเท่าจำนวนสมาร์ทโฟนที่ผลิตจากกูเกิลหรือแอปเปิ้ลทีมีนับพันล้านเครื่อง โดยเฉพาะความที่อเล็กซาไม่สามารถเข้าแทนที่ Siri ใน iOS หรือ Google Assistant ในแอนดรอยด์เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว (Personal Assistant) ได้ง่ายนัก ทำให้อเมซอนต้องเปิดกลยุทธ์ใหม่ด้วยการผันตัวเป็นผู้ช่วยที่รายล้อมตัวเราเหมือนอากาศที่โอบล้อมเราไว้จนเข้าสู่ยุคแห่งนวัตกรรม “Ambient Computing Platform

ในงาน CES เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์ใหม่จากพันธมิตรของอเมซอนที่ติดตั้งอเล็กซามาร่วมแสดงถึงกว่า 100 ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่สมาร์ทโฮม โทรทัศน์ แท็บเล็ตและรถยนต์ จากหลายแบรนด์ อาทิ LG, Lenovo, Sony, Sonos, JBL, Bosch และ Audi ทำให้กลุ่มสินค้าประเภทสมาร์ทโฮมที่ติดตั้งอเล็กซามาด้วยมีถึง 28,000 ชิ้นจากพันธมิตรกว่า 4,500 ราย จึงอาจกล่าวได้ว่าอเมซอนได้ขึ้นเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฮมจนยากที่คู่แข่งจะตามทัน และสามารถสร้างสัญลักษณ์คุณภาพที่เรียกว่า “Work With Alexa” อีกด้วย

ความสำเร็จเกิดจากการที่อเมซอนสามารถทำให้การติดตั้งอเล็กซาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์เป็นเรื่องง่าย นับแต่การเปิด Alexa Skill เพื่อให้นักพัฒนาใช้งานได้สะดวก โดยล่าสุดได้พัฒนาฮาร์ดแวร์ที่เรียกว่า “Alexa Connect Kit” (ACK) เพื่อช่วยให้การติดตั้งอเล็กซาเข้าในอุปกรณ์ของแบรนด์ต่างๆ สะดวกมากที่สุด โดยแบรนด์ไม่ต้องเตรียมระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง หรือพัฒนา Alexa Skill ขึ้นใหม่ทำให้ไม่ยุ่งยากในการพัฒนาหรือเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการเชื่อมต่อกับอเล็กซา จากผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมอเมซอนกำลังเร่งเครื่องไปยังรถยนต์ด้วย Amazon Echo Auto เพื่อให้อเล็กซาล้อมรอบผู้คนในทุกแห่งหนนั่นเอง

 

กูเกิลเร่งเครื่องขยายฐาน

การที่แอนดรอยด์เป็นระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนนับพันล้านเครื่อง ทำให้การใช้กูเกิลแอสซิสแทนท์ (Google Assistant) มาพร้อมกับสมาร์ทโฟน การขยายฐานของกูเกิลแอสซิสเทนท์จึงเกิดขึ้นรวดเร็วตามแอนดรอยด์โฟนซึ่งต่างจากอเล็กซา กูเกิลได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Smart Speaker ที่เรียกว่า กูเกิลโฮม (Google Home) เพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวเช่นกัน โดยเฉพาะการเปิดตัวของกูเกิลดูเพล็กซ์ (Google Duplex) ที่สร้างความตื่นตัวให้กับนวัตกรรมการสนทนาที่เลียนเสียงได้ราวเสียงมนุษย์ที่สุดในเวลานี้

กูเกิลแอสซิสเทนท์ทำงานได้ใน 30 ภาษาและใช้งานได้ใน 80 ประเทศทั่วโลก สามารถเรียกความสนใจในงาน CES ได้ไม่น้อยกว่าอเล็กซา ด้วยความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมและ AI ของกูเกิลย่อมทำให้การสร้าง Ambient Computing Platform ไม่ไกลเกินเอื้อมเช่นกัน

 

ต่อยอดความต้องการ

นวัตกรรมดิจิทัลด้าน Smart Home และรถยนต์ไร้คนขับ (AV) ตลอดจน IoT กำลังเชื่อมต่อเข้าด้วยกันผ่านแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ที่มองไม่เห็นแต่รายล้อมอยู่รอบตัวผู้คน ทำให้การสั่งงานด้วยเสียงสนทนากับผู้ช่วยที่มองไม่เห็นและดูราวกับนิยายวิทยาศาสตร์กลายเป็นเรื่องที่เริ่มคุ้นชิน การพัฒนาของนวัตกรรมกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้คน เช่นเดียวกับการครอบครองสมาร์ทโฟนของผู้บริโภค ความต้องการความสะดวกสบายและทำงานได้ทุกที่ คือปัจจัยสำคัญของการแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่อาจมองข้าม