“ขวัญชัย” ไม่เปลี่ยน เล่นเกมเพื่อเมีย-ลูก

มาสังกัดพรรคพลังประชารัฐแบบเงียบๆ

ถัดมา “ขวัญชัย ไพรพนา” ประธานชมรมคนรักอุดร รีบโพสต์แจงผ่านเฟซบุ๊คทันทีว่า “เห็นผมเงียบๆ เพราะผมไม่อยากพูดเยอะ เจ็บคอ ชีวิตของขวัญชัย ไพรพนา กรีดเลือดออกมาก็มีแต่คำว่าประชาธิปไตย จะให้ไปรับใช้เผด็จการหรือ...เป็นไปไม่ได้ แค่คิดก็ผิดแล้ว”

ข่าวขวัญชัยถูกดูด ไม่น่าจะเป็นข่าวปล่อยชนิดไม่มีที่มาที่ไป ลองลำดับเหตุการณ์ดูทีละช็อต

ปีที่แล้ว หลังออกจากเรือนจำ “ขวัญชัย" แถลงชัดเจน จะขอเป็นกองเชียร์หนุนภรรยา “อาภรณ์ สาราคำ” อดีต ส.ว.อุดรธานี ลงสมัคร ส.ส.เขต ในสีเสื้อพรรคเพื่อไทย

ก่อนสิ้นปีมีข่าวร้าย กรรมการคัดสรรผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่เลือกภรรยาขวัญชัย ลงสมัคร ส.ส.เขต 4 อุดรธานี ตามที่ขวัญชัยแจ้งเจตจำนงไว้ ทางพรรคเลือก “พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์” อดีต ส.ส.อุดรฯ เป็นตัวแทนพรรคในเขต 4 (อ.เมืองอุดรธานี เฉพาะบางตำบล อ.หนองหาน และ อ.ประจักษ์ศิลปาคม)

จากนั้น “ขวัญชัย” แจ้งให้ทีมงานชมรมคนรักอุดรฯ อยู่ในความสงบ เคารพมติพรรค ในงานเลี้ยงปีใหม่ภายในอาณาจักรแดงอุดรฯ ที่บ้านหนองลีหู ขวัญชัยสุขุมมากขึ้น ไม่เหลือภาพขุนพลคนเสื้อแดงผู้แข็งกร้าว

22 ม.ค.2562 หลังมีสื่อบางสำนักออกข่าว “เมียขวัญชัย” ไม่ได้ลง ส.ส.เขต “ขวัญชัย” ได้ไลฟ์เฟซบุ๊คแจ้งข่าวแก่สมาชิกชมรมคนรักอุดรว่า “อาภรณ์” ภรรยาไม่ได้ลงสนามเลือกตั้งจริง

จู่ๆ 29 ม.ค.นี้ ขวัญชัยแอบกระซิบนักข่าวบางสำนักว่า พรรคเพื่อไทยมีมติส่งอาภรณ์ เป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 อุดรธานี ทั้งที่ “สุรทิน” อดีต ส.ส.ได้ประกาศแก่หัวคะแนนไปแล้วว่า ตัวเขาได้ลง ส.ส.เขต 4

ขวัญชัยให้สัมภาษณ์ด้วยสไตล์เดิมบอก “แดงแกล้งตาย” ให้รอ 24 มี.ค.2562 คนเสื้อแดงจะร่วมกัน “จับปากกาฆ่าเผด็จการ”

ช่วงที่มีการจัดพรรคไทยรักษาชาติใหม่ๆ ขวัญชัยพาลูกชาย “กรวีร์ สาราคำ” ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ และมีชื่อลูกชายขวัญชัยอยู่ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้มีการจัดลำดับ

31 ม.ค. หลังแก้ข่าวกรณีแกนนำแดงอุดรฯ ถูกดูดไปอยู่ข้าง “ลุงตู่” ขวัญชัยโพสต์แจงเพิ่มเติมว่า “วันนี้ พาลูกชายมาพรรค “ทษช” แต่ไปมีข่าวอีกพรรค ผมไม่เข้าใจเลยครับว่าคนเหล่านี้ เอาข้อมูลมาจากไหน”

นัยว่า พรรคไทยรักษาชาติ มีแผนจะส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต ในเมืองอุดรฯ ขวัญชัยจึงบากหน้าพาลูกชายมาลุ้นลง ส.ส.เขต

เลยไม่น่าแปลกใจที่มีข่าว “ขวัญชัยถูกดูด” ยามนี้ เพราะทุกครั้งที่โฆษกแดงอุดร คิดการใหญ่ต้องมี “ข่าวลือ” ทุกครั้งไป