จิ้งจกทักจากตะวันตกถึงตะวันออก

จิ้งจกทักจากตะวันตกถึงตะวันออก

ย้อนไปเมื่อปี 2518 ประเทศในกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันที่พยายามผูกขาดตลาดโลก โดยรวมตัวกันตั้งองค์กรชื่อ “โอเปก”

(OPEC ย่อจาก Organization of Petroleum Exporting Countries) ต่างมีรายได้มหาศาลเมื่อน้ำมันขึ้นราคาถึงเกือบ 4 เท่าหลังเกิดสงครามตะวันออกกลางปี 2516 แต่แทนที่จะมองว่าความสามารถในการโก่งราคาเป็นความสำเร็จใหญ่หลวง รัฐมนตรีของเวเนซุเอลา ผู้เป็นหัวจักรใหญ่ในการก่อตั้งโอเปกกลับออกมาเป็นจิ้งจกทักว่า ความลิงโลดใจอาจนำหายนะมาให้เพราะน้ำมันเป็นอุจจาระของปีศาจซึ่งอาจสร้างปัญหาสารพัด

หลังจากนั้นมา สมาชิกของโอเปกหลายประเทศประสบปัญหาสาหัส เช่น อิรักได้ผู้นำเผด็จการที่มีความทะเยอทะยานสูงถึงกับส่งกองทัพเข้ายึดคูเวตซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและสมาชิกในกลุ่มโอเป็กด้วยกัน เหตุการณ์นั้นนำไปสู่การแทรกแซงของมหาอำนาจส่งผลให้อิรักตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดมาจนทุกวันนี้ อิหร่านทำการเปลี่ยนแปลงการเมืองภายในขนานใหญ่ซึ่งมีผลทำให้การพัฒนาขลุกขลักและเกิดความขัดแย้งรุนแรงกับมหาอำนาจ ความขัดแย้งนี้มีโอกาสนำไปสู่สงคราม ส่วนไนจีเรียตกอยู่ในสภาพแตกแยกร้ายแรงและพัฒนาแบบเดินหน้าสลับกับถอยหลังมาอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้มีรายได้ต่อคนราวหนึ่งในสามของไทยยังผลให้มีความยากจนอย่างแพร่หลาย และสุดท้ายคือเวเนซุเอลาเองซึ่งกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและการเมือง

เวเนซุเอลา เคยประสบภาวะล้มละลายและไปกู้เงินสนับสนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แต่ครั้งนี้ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะไม่ยอมทำตามเงื่อนไขของไอเอ็มเอ็ฟมานาน เศรษฐกิจของเวเนซุเอลา ถดถอยร้ายแรงติดต่อกันมา 5 ปี ประชาชนจำนวนมากยากจน ตกงานและอดอยากอย่างแพร่หลาย ผู้ที่สามารถทำได้ต่างอพยพออกไปอาศัยในประเทศอื่น ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติบ่งว่าเฉพาะในปีที่ผ่านมา ชาวเวเนซุเอลาใกล้ 3 ล้านคน หรือเกือบ 10% ของประชากรทั้งหมดอพยพออกนอกประเทศ

วิกฤติเศรษฐกิจกำลังสร้างวิกฤติทางการเมืองซึ่งในวันที่เขียนบทความนี้ มีผู้ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี 2 คน ทั้งสองมีประเทศเพื่อนบ้านและมหาอำนาจรับรอง เป็นไปได้ว่าเมื่อบทความนี้ตีพิมพ์ สงครามกลางเมืองอาจปะทุแล้ว หรือทหารอาจยึดอำนาจอีกครั้ง หรือเกิดการแทรกแซงทางทหารจากสหรัฐ ไม่ว่าวิกฤติทางการเมืองจะจบอย่างไร เศรษฐกิจของเวเนซุเอลาจะล้มลุกคลุกคลานต่อไปอีกนาน

อนึ่ง การมีน้ำมัน หรืออุจจาระของปีศาจปริมาณมหาศาลไม่จำเป็นจะต้องทำให้เกิดปัญหาสาหัสเสมอไป คูเวตเป็นตัวอย่างชั้นดีของการฟังจิ้งจกทักโดยตั้งของทุนขึ้นเพื่อเก็บรักษารายได้จากการขายน้ำมันไว้ให้ชนรุ่นหลังจนกระทั่งถูกอิรัคเผาบ่อน้ำมัน กระนั้นก็ดี ตอนนี้กองทุนของคูเวตมีทรัพย์สินถึง 6.4 แสนล้านดอลลาร์ ในกาลต่อมา เมื่อค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่นอร์เวย์ได้ตั้งกองทุนในแนวเดียวกันขึ้นทันที วันนี้ นอร์เวย์จึงมีกองทุนสำหรับชนรุ่นหลังขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวคือ มีทรัพย์สินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งใหญ่กว่าของซาอุดีอาระเบียถึงราว 2 เท่า

เมืองไทยจะมีอุจจาระของปีศาจกองขนาดใหญ่ในแนวเดียวกับประเทศที่เอ่ยถึงหรือไม่ ยังเป็นที่ถกเถียงกัน เรื่องที่พอจะยืนยันได้ในวันนี้คือ ชาวไทยคิดเช่นเดียวกับชาวเวเนซุเอลา จึงไม่มีการเก็บรักษารายได้จากการขายน้ำมันไว้ให้คนรุ่นหลัง หากยังคิดแบบนี้ การไม่มีอุจจาระของปีศาจกองใหญ่กว่าปริมาณที่ค้นพบแล้วอาจดีกว่าเพราะถ้ามีมันจะทำให้ไทยคล้ายเวเนซุเอลามากกว่านอร์เวย์

เมื่อพูดถึงเรื่องจิ้งจก ในช่วงนี้เมืองไทยมีจิ้งจกทักที่ควรตระหนักเกี่ยวกับด้านการเมือง 2 เรื่องด้วยกัน นั่นคือ พรรคการเมืองกำลังแข่งขันกันเสนอแจกของเปล่าให้ประชานหากตนได้เป็นรัฐบาล การแจกนั้นเป็นการต่อยอดนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายที่ถูกนำเข้ามาใช้เมื่อปี 2544 ซึ่งมีจิ้งจกทักทันทีว่า ประชานิยมเป็นยาเสพติด มันจะทำให้ไทยกลายเป็นขี้ยาในแนวเดียวกับอาร์เจนตินาและเวเนซุเอลา ณ วันนี้ยังไม่มีใครฟัง อีกเรื่องหนึ่งคือ จิ้งจกเพิ่งทักว่า การเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงซึ่งจะนำไปสู่การตั้งรัฐบาลในกรอบของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นฆ่าฟันกันอย่างแพร่หลาย การฆ่าฟันกันครั้งต่อไปจะร้ายแรงยิ่งกว่าเมื่อปี 2519 และอาจจะถึงกับในระดับที่เกิดขึ้นในอาร์เจนตินาหลังประชานิยมทำให้ล้มละลาย จิ้งจกเหล่านี้ไม่มีวาระซ่อนเร้น