Pre-Election Rally : การเลือกตั้ง กับ ตลาดหุ้นไทย

Pre-Election Rally : การเลือกตั้ง กับ ตลาดหุ้นไทย

โดยทั่วไปแล้วนักวิเคราะห์และนักลงทุนมักจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเลือกตั้งทั่วไป ว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น

SET index ล่าสุด (ณ วันที่เขียนบทความนี้ SET index ปิดที่ 1,617 จุด) ปรับขึ้นมาแล้ว 3.4% จากสิ้นปี 2561 หรือ 3.4% YTD ตามที่ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าแรงซื้อน่าจะกลับมาในตลาดหุ้นไทยช่วงต้นปีเนื่องจาก Valuation ตลาดหุ้นไทยที่ผ่อนคลายลงมาก รวมทั้งการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยเป็นอีกแรงหนุน ขณะที่ปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าเริ่มมีพัฒนาการในด้านบวกมากขึ้น แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก็ตาม

สำหรับประเด็นเรื่องการเลือกตั้งทั่วไปของไทยกับการลงทุนในตลาดหุ้นนั่น โดยทั่วไปแล้วนักวิเคราะห์และนักลงทุนมักจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเลือกตั้งทั่วไป ว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลในอดีตก็พบว่าเป็นจริงเช่นนั้น คือ ค่าเฉลี่ยการปรับขึ้นของ SET index 9 ครั้งหลังสุด ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป 3 เดือน และ 1 เดือน พบว่าปรับขึ้นเฉลี่ย 7.1% และ 3.3% ตามลำดับ และหากวิเคราะห์เจาะลึกลงไปในรายกลุ่มอุตสาหกรรมจะพบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่มักจะปรับขึ้นโดดเด่นกว่าตลาดฯ หรือ Outperform market จะได้แก่ หุ้นกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, และกลุ่มสื่อ ซึ่งจะเห็นได้ว่าหุ้น 4 กลุ่มที่ผมกล่าวถึงนั้น มักจะมีผลประกอบการที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะฟื้นตัวบวกขึ้นมาพร้อมๆกับการเลือกตั้งทั่วไปนั่นเอง เนื่องจากโดยปกติแล้วการเลือกตั้งทั่วไปมักจะมีการใช้จ่ายทั้งจากพรรคการเมืองสำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง และจากผู้บริโภคที่เริ่มมีความมั่นใจต่อสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นนั่นเอง 

แม้นักลงทุนจะมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเลือกตั้งทั่วไป ว่าจะช่วยเกื้อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติให้ดีขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ดัชนี SET index เป็นขาขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริง สถิติในอดีตจากการเลือกตั้ง 9 ครั้งหลังสุด ชี้ชัดว่า หลังการเลือกตั้งทั่วไป 3 เดือน ดัชนี SET index ปรับลงเฉลี่ย 7.1% (ย้ำว่า ย่อหน้าก่อนหน้านี้ เราพบว่าก่อนเลือกตั้ง 3 เดือน ดัชนี SET index ขึ้นเฉลี่ย 7.1%) เท่ากับว่าก่อนและหลังเลือกตั้งทั่วไป โดยเฉลี่ยแล้วหากนักลงทุนซื้อหุ้นแล้วถือ หลังการเลือกตั้งทั่วไป 3 เดือน มักจะไม่มีกำไรจากการลงทุน (หรืออาจขาดทุนได้) ซึ่งเป็นผลจากการถูกขายทำกำไรของนักลงทุนนั่นเอง ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อตั้งแต่ต้นปี 2562 เพื่อคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่คาดจะเป็นบวกในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรภายหลังรู้ผลการเลือกตั้งแล้วนั่นเอง 

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาเข้าไปในรายกลุ่มอุตสาหกรรม จะพบว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีก จะเป็นกลุ่มที่ยังสามารถเดินหน้าบวกต่อได้อีกราว 2-3% ภายหลังการเลือกตั้ง 1-3 เดือน ดังนั้น หุ้นกลุ่มค้าปลีกจึงอาจเป็นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนที่สุดในสถานการณ์นี้ สำหรับการลงทุนระยะกลาง (3 - 6 เดือน) ขณะที่หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (ผู้ประกอบการธุรกิจบ้านและคอนโด) ผมประเมินว่าอาจจะไม่ได้ปรับขึ้นโดดเด่นเหมือนค่าเฉลี่ยในอดีต เนื่องจากภาพรวมของอุตสาหกรรมในปีนี้ที่อาจจะไม่เกื้อหนุนบรรยากาศการลงทุนมากนัก โดยยังมีปัจจัยลบทั้งจากมาตรการคุมฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาฯของภาครัฐฯ และแนวโน้มดอกเบี้ยที่น่าจะเป็นขาขึ้น ซึ่งจะทำให้ความพรีเมียมของ Valuation ของกลุ่มฯถูกลดทอนลงไป      

อย่างไรก็ดี แม้ดัชนี SET index จะปรับขึ้นขานรับปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง แต่ประเด็นที่นักลงทุนยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือ การปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงโค้งสุดท้าย ของการรายงานผลการดำเนินงานปี 2561 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวในปี 2562 ดังที่ผมได้เคยเขียนในบทความฉบับก่อนหน้า 'The Good, The Bad, and The Ugly' ซึ่งล่าสุดข้อมูลใน Bloomberg consensus (เป็นข้อมูลประมาณการกำไรเฉลี่ย โดยนักวิเคราะห์หลายๆโบรกเกอร์ ที่ส่งข้อมูลประมาณการฯไปยัง Bloomberg) พบว่า EPS ของ SET index ล่าสุดอยู่ที่ 112.85 บาท/หุ้น ปรับลดลงมาแล้ว -2% YTD คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับลดประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่รายงานผลการดำเนินงานปี 2561 ออกมาต่ำกว่าคาด 

และมุมมองสำหรับปี 2562 นั้น ผู้บริหารกลุ่มธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวัง ซึ่งผมคาดว่าประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มนิ่งและสามารถนำมาใช้ประเมิน Valuation ของ SET index ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ในช่วงเดือน มี.ค.62 (เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนจะสิ้นสุดการรายงานผลการดำเนินงานปี 2561 ภายในสิ้นเดือน ก.พ.62 นั่นเอง)  และประเด็นนี้อาจจะเป็นตัวจำกัดการปรับขึ้นของดัชนี SET index เนื่องจากดัชนีที่ปรับขึ้นขานรับการเลือกตั้งทั่วไป แต่สวนทางกับการปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลงนั้น ยิ่งทำให้ Valuation ของ SET index จากที่เคยอยู่ในระดับที่ 'ไม่แพง' เมื่อตอนต้นปี อาจจะกลับเข้าสู่ระดับที่ 'ไม่ถูก' ได้เช่นกัน