ถึงเวลาสแกนไวรัส ในองค์กรต้อนรับปี 2019!"

ถึงเวลาสแกนไวรัส ในองค์กรต้อนรับปี 2019!"

ปี 2019 นี้คงจะเป็นปีที่หลายๆธุรกิจต้องตื่นตัวและปรับตัวมากยิ่งขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา

เพราะธุรกิจในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่เรื่องที่จะต้องปรับตัวสู้กับคู่แข่ง (เพราะคู่แข่งของท่านก็อาจจะอยู่ในช่วงมึนๆงงๆเช่นเดียวกับหลายๆธุรกิจในปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน!)

แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือ ธุรกิจของท่านจะถูก Disruption แบบรุนแรงแค่ไหน จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและ พฤติกรรมการ “ใช้ชีวิต และ การจับจ่ายของลูกค้าในปัจจุบันและอนาคต”!

ผมคิดว่า ท่านคงได้เรียนรู้และพยายามปรับตัวในเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว และยังต้องเรียนรู้/ปรับตัวตลอดเวลา แต่ไม่ว่าท่านจะปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจยังไง จะใช้เทคโนโลยีและ Social Media ในการทำธุรกิจเพิ่มมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญมากๆที่ท่าน มองข้ามไม่ได้โดยเด็ดขาด! ไม่ว่าธุรกิจของท่านกำลังถูก Disruption หรือไม่ก็ตาม

เพราะต่อให้ปรับตัวยังไงก็ไปได้ไม่ถึงไหน ถ้ายังมี ไวรัส” ชนิดร้ายแรงแฝงอยู่ในองค์กร!

“ไวรัส” ในที่นี้ไม่ใช่หมายถึงไวรัสในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แต่เป็นไวรัส ในเรื่องของ..คน!

คนในที่นี้ หมายถึง คนทุกระดับ ทุกตำแหน่งในทุกหน่วยงาน ที่ “อยู่ยั้งยืนยง” ข้ามปีมาได้โดยที่ตลอดการทำงานในหน่วยงานในองค์กรของท่าน คนที่เป็นไวรัส ในที่นี้ นอกจากจะไม่ช่วยสร้างผลงานยังคงทำตัวตีมึนเป็นภาระ อยู่ไปวันๆ หรือสร้างปัญหาให้กับหน่วยงาน ให้กับองค์กรได้อย่างเพลิดเพลิน!

ถ้าจะ จำกัดไปจนถึง กำจัดไวรัสเหล่านี้...ก็เริ่มง่ายๆแบบนี้ครับ

1.สแกนหาไวรัสในทุกหน่วยงาน ทุกระดับ!

วิธีสแกนก็ง่ายๆเช่นกัน ดูจาก ทัศนคติ วิธีคิดที่มีกับงานและองค์กรในปัจจุบัน คิดแต่เรื่องลบๆ สื่อสารในทุกช่องทางและแสดงออกแต่เรื่องลบๆร้ายๆในรูปแบบ “คำพูดและพฤติกรรม” ต่อต้านไปจนถึงเกลียดการเปลี่ยนแปลง ขาดวินัย ความรับผิดชอบ ไม่มีความซื่อสัตย์ ฯลฯ

ไวรัสแบบนี้ มีอยู่ในทุกระดับนะครับ ตั้งแต่ระดับบน /กลาง/ล่าง เพียงแต่ใครจะมีอาการที่“ชัดเจนและต่อเนื่อง”!ก็ถือว่าเป็น ไวรัสชนิดร้ายแรง

เมื่อสแกนได้แล้ว ก็เริ่มแยกแยะ...

2.แยกเป็น ไวรัสที่จะนำหน่วยงานไปสู่ความวิบัติ! (ทุกระดับตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงระดับปฏิบัติการ!) และ “ไวรัสกลายพันธ์” ที่มีลักษณะจะแย่ก็ไม่ใช่จะดีก็ไม่เชิง อยู่ที่อารมณ์ อยู่ที่ช่วงไหนจิตตก ช่วงไหนถูกพวก ไวรัสชนิดร้ายแรงกรอกหูเป่าหูก็จะเอนเอียงคล้อยตาม

3.จำกัดขอบเขตไม่ให้แพร่พันธ์ 

โดยการ “จำกัดบทบาทหน้าที่” ที่จะต้องติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและคนภายนอก เพื่อไม่ให้ส่งสารแต่เรื่องลบๆ(ทั้งเรื่องจริงและเรื่องปรุงแต่ง) ไปสู่ภายนอก และ Coaching อย่างเข้มข้นเพื่อให้ลดเชื้อไวรัส

4.“กำจัดไวรัส ในส่วนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ดื้อยา 

เมื่อได้คุย ได้ Coaching อย่างเข้มข้นแล้ว แต่ดูแล้วมีแต่ทรงกับทรุด... ถือว่าดื้อยา ปล่อยไว้ก็เป็นอันตรายกับหน่วยงาน กับองค์กร ก็อย่ารอช้า.... จัดไปกำจัดทิ้ง!

5.เปลี่ยนไวรัสบางส่วนที่ยังเปลี่ยนได้ โดยการ Coaching

แต่ก็ยังมีบางส่วน ที่ได้รับการ Coaching แล้ว ค่อยๆกลายพันธ์ สลายเชื้อไวรัสลงได้ แต่ต้อง Coaching อย่างต่อเนื่อง ถ้าผ่านได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าจู่ๆของขึ้น เชื้อกลับมารุนแรง! กลับไปอ่านข้อ 4 ครับ!

6.เสริมสร้าง ทีมงานที่ดีที่มีศักยภาพ และเพาะพันธ์ ขยายพันธ์ สร้างภูมิคุ้มกันไวรัส

องค์กรและหน่วยงาน ก็เหมือนร่างกายคน ถ้าได้รับการดูแลดี กินอย่างถูกต้อง ออกกำลังกาย พักผ่อนเพียงพอ ก็ยากที่จะป่วย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลาก็คือ การสร้างและพัฒนาทีมงานอย่างต่อเนื่องที่ไม่ใช่เริ่มต้นและจบแค่Training แต่Coaching อย่างเป็นระบบ หัวหน้าและผู้จัดการทุกคนต้องเป็น Coach ให้กับทีมงาน

สรุปแล้ว...

ตราบใดที่หน่วยงานและองค์กรของท่านยังมี ไวรัสที่สร้างภาระ สร้างปัญหา บางทีไม่ต้องรอให้ธุรกิจของท่านถูก Disruption หรอกครับ... ไวรัสพวกนี้ จะค่อยๆกัดกินจนกระทั่งทำลายทีมงาน หน่วยงาน และองค์กรของท่านจนล่มสลายไปในเวลาอันใกล้ก็ได้ครับ!

ย้อนกลับไปอ่านแนวทาง กำจัดไวรัสในคอลัมน์นี้อีกรอบ แล้วรีบลงมือ ก่อนที่จะสายเกินไปครับ!